• ไปยังแอป
  • เลือกจุดหมายปลายทาง
  • คู่มือการเดินทางสู่เมืองนิกโก ประเทศญี่ปุ่น สำหรับคุณ: ใช้บัตร NIKKO PASS ไปเที่ยวไหนได้บ้าง

    Pio
    Pio
    อัปเดตล่าสุด 27 ก.พ. 2023
    .

    .

    .
    .
    a white train striped in blue during the day time on its tracks

    ดื่มด่ำไปกับป่าเขียวขจีและแหล่งมรดกโลกอันล้ำค่าของญี่ปุ่นในเมืองนิกโก้ Nikko

    นิกโก้ Nikko ตั้งอยู่ทางตอนเหนือของโตเกียว เป็น 1 ในสถานที่ที่น่าสนใจ และเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการหลีกหนีจากความวุ่นวายในเมือง ทั้งนี้ยังเป็นสถานที่ที่คุณจะได้ดื่มด่ำกับต้นไม้เขียวขจี รวมถึงวัดและศาลเจ้าที่สวยงามที่สุดในแบบที่คุณไม่เคยเห็นมาก่อน
    สถานที่ที่กล่าวมา ได้รับการอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดี เพราะมีแหล่งมรดกโลกของญี่ปุ่นรวมอยู่หลายแห่ง อีกทั้งยังมีสมบัติของชาติอีกมากมาย ที่พร้อมจะสร้างแรงบันดาลใจและมอบความสงบสุขให้ตามที่นักท่องเที่ยวค้นหา
    ขอบคุณภาพจาก: ZENPAKU ใน Adobe Stock
    ขอบคุณภาพจาก: ZENPAKU ใน Adobe Stock
    พบกับแหล่งมรดกโลกที่มีชื่อเสียงอย่างศาลเจ้านิกโกโทโชกู วัดไทยูอิน และวัดนิกโกซัง รินโนจิ รวมไปถึงเดินเล่นชมทิวทัศน์ตามช่องเขาเลียบแม่น้ำไดยะในหุบเขาคันมันกาฟุจิ หรือสวนโชโยเอ็นที่มีภูมิทัศน์อันสวยงาม เป็นต้น
    หลังจากเดินเล่นและเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ แล้ว ที่นี่ยังมีเมืองแห่งบ่อน้ำพุร้อนยูโมโตะที่สวยงามราวกับภาพวาด ที่คุณสามารถพักผ่อนได้อย่างเต็มที่โดยมีธรรมชาติอันน่าประทับใจเป็นฉากหลัง
    คุณอาจต้องใช้เวลามากกว่าเที่ยวนิกโก้ 1 วัน เพื่อดื่มด่ำกับความมหัศจรรย์อย่างเต็มที่ เพราะนี่เป็นทริปที่จะเติมเต็มจิตวิญญาณของคุณอย่างแน่นอน เรามาดูกันดีกว่าว่าแผนการท่องเที่ยว 3 วันในนิกโก้จะเป็นอย่างไร

    เดินทางเที่ยวนิกโกง่ายๆ ด้วยบัตร NIKKO PASS แบบดิจิทัล

    .
    .
    ก่อนที่จะจองอะไรอย่างอื่น เราขอแนะนำให้จองบัตร NIKKO PASS ก่อนเลย เป็นบัตรใบเดียวที่ให้คุณโดยสารรถไฟและรถโดยสารประจำทางส่วนมากในย่านนั้นได้อย่างไม่จำกัด คุณจึงเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตทั่วนิกโก้ได้อย่างไม่ยุ่งยาก รวมถึงคุณจะได้รับส่วนลดพิเศษจากร้านค้ามากมายในนิกโก้ อาซากุสะ และคินุกาวะ เพียงคุณแสดงบัตร NIKKO PASS
    หากคุณกำลังสงสัยว่าจะเดินทางจากโตเกียวไปเที่ยวนิกโก้อย่างไร บัตร NIKKO PASS ของคุณรวมตั๋วโดยสารไปกลับระหว่างสถานีโทบุอาซากุสะ และสถานีชิโมะ-อิมะอิจิ ในนิกโกไว้แล้ว เนื่องจากเป็นบัตรดิจิทัล สิ่งที่คุณต้องทำคือ เพียงคลิก "แลกบัตรกำนัล" ในแอป Klook เมื่อคุณต้องการใช้
    เพิ่มเติมส่วนสำคัญ:
    อย่ารอช้า ใช้โค้ด KNWNIK50 เพื่อรับส่วนลด 50% สำหรับบัตร NIKKO PASS ของคุณ ใช้ได้ถึงวันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2023 หรือจนกว่าสินค้าจะหมด แล้วแต่ว่าจะถึงเงื่อนไขใดก่อน

    บัตร NIKKO PASS ประเภทไหนเหมาะกับคุณ

    มีบัตร NIKKO PASS ให้คุณเลือกสองประเภท: บัตร Nikko Pass World Heritage Area และ Nikko Pass All Area
    บัตร Nikko Pass World Heritage Area คือบัตรสำหรับกรณีที่คุณต้องการเที่ยวในสถานที่ท่องเที่ยวหลักๆ ของนิกโก้ เช่น ศาลเจ้าฟุตาระซัง ศาลเจ้าโทโชงุ และคินุกาวะออนเซ็น เป็นต้น
    ทั้งนี้บัตรใบนี้ยังครอบคลุมการเดินทางท่องเที่ยวสู่ศาลเจ้าและวัดหลายแห่งหลายแห่งในนิกโก้ ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก และบัตรนี้ใช้ได้ 2 วัน
    หรือจะไปกับทัวร์แหล่งมรดกโลกในนิกโก้ 1 วัน ก็คุ้มค่า! เพราะจะได้แวะทั้งศาลเจ้าชื่อดังและน้ำตกเคงอน ซึ่งเป็นน้ำตกที่ใหญ่ที่สุดและอาจสูงที่สุดในญี่ปุ่นด้วย
    เคล็ดลับจาก Klook:
    ตอนนี้เมื่อมีตั๋วแบบดิจิทัลแล้ว คุณก็ลืมการไปรับตั๋วแบบปกติได้เลย แค่เตรียมแบตเตอร์รี่สำรองไว้ให้พร้อมเพื่อให้โทรศัพท์มือถือของคุณใช้งานได้อยู่เสมอและใช้แสดงบัตรดิจิทัล NIKKO PASS ได้
    บัตร Nikko Pass All Area ใช้ได้นานสูงสุดถึง 5 วัน ซึ่งให้คุณเข้าชมในสถานที่ต่างๆ ของนิกโก้ได้มากยิ่งขึ้นและสำรวจพื้นที่ต่างๆ ได้มากกว่าใคร คุณยังสามารถใช้บริการกระเช้าลอยฟ้าอะเคจิไดระเพื่อชมทิวทัศน์อันสวยงาม นั่งเรือชมทะเลสาบชูเซ็นจิ และอีกมากมาย

    วิธีเปิดใช้งานบัตร NIKKO PASS

    เพื่อให้คุณทราบถึงวิธีใช้งานบัตร NIKKO PASS แบบดิจิทัล โปรดทำตามขั้นตอนง่ายๆ ต่อไปนี้เมื่อคุณซื้อบัตร
    1. ล็อคอินเข้าสู่บัญชี Klook ของคุณ
    3. ตรวจสอบอีเมลและ/หรือบัญชี Klook เพื่อดูว่าคุณได้รับการยืนยันการจองหรือยัง
    4. เข้าไปที่ ‘การจอง’ เพื่อเปิดใช้งานบัตร
    5. หลังจากนั้นคุณจะได้รับบัตรกำนัล
    6. เมื่อคุณพร้อมที่จะเดินทางแล้ว ให้กด "แลกบัตรกำนัล" ในแอป Klook และระบบจะเปิดใช้งานบัตรดิจิทัล คุณสามารถแสดงบัตรดิจิทัลใบนี้บนรถโดยสารประจำทาง หรือใช้ที่สถานีรถไฟได้โดยเดินเข้าทางสำนักงานแทนที่จะแตะบัตรผ่านประตูสแกนบัตร

    สถานที่ท่องเที่ยวในนิกโก

    ขอบคุณภาพจาก: คุณ Melisa จากทีมการสื่อสารทั่วโลกของเรา 
    ขอบคุณภาพจาก: คุณ Melisa จากทีมการสื่อสารทั่วโลกของเรา 
    เมื่อคุณทราบแล้วว่าจะใช้งานบัตรอย่างไร ตอนนี้ก็มาถึงหัวข้อที่น่าตื่นเต้นแล้ว นั่นก็คือการวางแผนทริปของคุณนั่นเอง เราได้รวมเอาวัด ศาลเจ้า ออนเซ็น และสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติไว้มากมาย เพื่อให้คุณเพิ่มสถานที่ที่อยากไปลงในแผนการเดินทางของคุณได้ง่ายๆ หรือจะบุ๊กมาร์กหน้านี้ไว้แล้วใช้เป็นคู่มือสำหรับการท่องเที่ยวในนิกโก้ ประเทศญี่ปุ่นของคุณก็ได้ มาเริ่มกันเลย

    วันที่ 1

    สำหรับการเที่ยวนิกโก้วันแรก จะใช้เวลาสบายๆ ไปกับการสำรวจวัดและศาลเจ้าอันงดงามมากมายของนิกโก้ เมืองนี้เป็นจุดสักการะหลักของทั้งศาสนาชินโตและศาสนาพุทธซึ่งย้อนไปตั้งแต่ช่วงปี 1600 จึงไม่แปลกเลยว่าเมื่อมาถึงที่นี่แล้วคุณจะรู้สึกได้ถึงความเคารพอย่างลึกซึ้งต่อธรรมชาติ
    สำหรับทริปนี้ คุณจะสัมผัสได้กับเส้นทางเดินป่าที่โอบล้อมด้วยทิวทัศน์อันสวยงาม ภูเขา ทะเลสาบ และอีกมากมาย ทั้งหมดนี้ คุณต้องมาสัมผัสด้วยตัวเอง

    1. ศาลเจ้านิกโกฟูตาราซัง

    ขอบคุณภาพจาก: Sada ใน Adobe Stock
    ขอบคุณภาพจาก: Sada ใน Adobe Stock
    เคล็ดลับจาก Klook:
    ก่อนที่คุณจะวางแผนการเดินทาง ต้องทราบก่อนว่า จริงๆ แล้ว มีศาลเจ้าฟูตาราซังที่นิกโก้ถึง 3 แห่ง ทั้งยังอยู่ห่างกันไม่กี่กิโลเมตร กล่าวคือ มีศาลเจ้าด้านล่างซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับแหล่งมรดกโลกอื่น ๆ ที่น่าสนใจของนิกโก้ ศาลเจ้ากลางที่ตั้งอยู่ริมทะเลสาบชูเซ็นจิ และศาลเจ้าด้านบนสุดที่ตั้งอยู่บนยอดเขานันไต ซึ่งคุณสามารถเดินขึ้นไปจากศาลเจ้ากลางได้
    ศาลเจ้าฟูตาราซังแห่งนี้อยู่ด้านล่างสุด ใกล้กับสถานที่ท่องเที่ยวทางมรดกโลกแห่งอื่นๆ ของนิกโก้ และสามารถเข้าชมได้ด้วยการเดินเท้าหรือนั่งรถโดยสารประจำทางจากสถานีนิกโก้ เมื่อมาถึง คุณจะเห็นเสาประตูโทริอิ ซึ่งเป็นประตูไม้ที่สวยงามต้อนรับคุณเข้าสู่บริเวณศาลเจ้าหลัก ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ขนาดใหญ่ และกอไผ่ที่ผู้คนที่นับถือจำนวนมากไปอธิษฐานขอพรเพื่อให้พบเจอคู่รัก
    ทั่วทั้งศาลเจ้าเต็มไปด้วยจุดเสริมพลังที่คุณสามารถไปสักการะได้ ซึ่งจุดเหล่านี้เป็นที่รู้กันว่าจะนำพาโชคลาภและความโชคดีมาสู่ผู้ที่แสวงหาความรักและความสุขจากภายใน
    เคล็ดลับจาก Klook:
    หากคุณมีแผนจะปีนเขาจากศาลเจ้าในทะเลสาบชูเซ็นจิ คุณอาจต้องวางแผนเดินทางในช่วงเมษายนถึงพฤศจิกายน เนื่องจากเป็นช่วงฤดูปีนเขาตามกำหนดการของเมืองนี้
    ที่พิเศษคือเส้นทางจะเป็นทางขึ้นที่มีทางเดินชัดเจน เอาล่ะ ได้เวลาเตรียมตัวเตรียมใจให้พร้อมที่จะชมทัศนียภาพอันงดงามที่สุดของทะเลสาบและป่าเขียวขจีโดยรอบ บอกเลยว่าช่างเป็นภาพที่สวยงามซะจริงๆ

    2. สะพานชินเคียว

    ขอบคุณภาพจาก: Sunil Naik ใน Unsplash
    ขอบคุณภาพจาก: Sunil Naik ใน Unsplash
    ศาลเจ้าฟูตาราซังยังเป็นสถานที่ที่คุณจะได้เห็นหนึ่งในสามของสะพานอันโด่งดังของญี่ปุ่น นั่นคือสะพานชินเคียว สะพานข้ามแม่น้ำไดยะแห่งนี้สร้างขึ้นในปี 1636 แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะสวยงามในทุกฤดูกาล แต่จะมีมนต์ขลังเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วงซึ่งเต็มไปด้วยสีสันอันละลานตาของฤดูกาลนี้

    3. ศาลเจ้าโทโชกุ

    ขอบคุณภาพจาก: คุณ Melisa จากทีมการสื่อสารทั่วโลกของเรา 
    ขอบคุณภาพจาก: คุณ Melisa จากทีมการสื่อสารทั่วโลกของเรา 
    จากศาลเจ้าฟูตาระซัง เดินไปอีกประมาณ 4 นาที คุณจะพบกับหนึ่งในศาลเจ้าที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น นั่นก็คือศาลเจ้านิกโกโทโชกุ เป็นศาลเจ้าขนาดใหญ่และตกแต่งอย่างงดงาม ซึ่งอุทิศให้แก่ โทกูงาวะ อิเอยาซุ โชกุนคนแรกและคนสำคัญในยุคเอโดะ
    เมื่อเดินดูโดยรอบ คุณจะสังเกตเห็นงานแกะสลักไม้ที่ปราณีต รายละเอียดสวยงามบนแผ่นทอง และงานศิลปะชั้นเลิศอย่าง "The Sleeping Cat" หรือ “Three Wise Monkeys” อันโด่งดัง เป็นต้น 
    นอกเหนือจากงานแกะสลักอันปราณีตแล้ว คุณอาจสังเกตเห็นองค์ประกอบต่างๆ ของศาสนาชินโตและศาสนาพุทธทั่วทั้งพื้นที่ ซึ่งหลายๆ ชิ้นเหล่านี้เหลือรอดมาจากการแบ่งแยกในสมัยเมจิ และเนื่องจากองค์ประกอบเหล่านี้มีความเกี่ยวพันกันอย่างลึกซึ้ง การแบ่งแยกกันในศาลเจ้าโทโชกุนั้นจึงไม่เสร็จสมบูรณ์

    4. วัดรินโนจิ

    ขอบคุณภาพจาก: ohishiflt ใน Adobe Stock
    ขอบคุณภาพจาก: ohishiflt ใน Adobe Stock
    เดินเพียง 5 นาทีจากศาลเจ้าโทโชกุ ก็จะถึงวัดรินโนจิ วัดรินโนจิเป็นวัดที่สำคัญที่สุดในนิกโก้และเป็นที่ประดิษฐานของรูปแกะสลักไม้เคลือบทองขนาดใหญ่ 3 องค์ ซึ่งเป็นตัวแทนแห่งเทพภูเขาทั้ง 3 แห่งของนิกโก้ (ชมภูเขาศักดิ์สิทธิ์ทั้ง 3 แห่งได้ในศาลเจ้าฟูตาระซัง) พระอมิตาภพุทธะ พระโพธิสัตว์กวนอิมปางพันกร และพระโพธิสัตว์กวนอิมปางหัวม้า 
    ที่นี่ คุณยังจะได้พบกับหนึ่งในสวนที่สวยงามที่สุด นั่นก็คือ สวนโชโยเอ็น เป็นสวนขนาดเล็กภายในวัด อยู่ด้านหลังหอสมบัติ (Treasure House) และเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยม คุณจะได้เห็นต้นเมเปิ้ลมากมายที่มีสีแดง เหลือง ส้ม ต่างกันออกไป ท่ามกลางต้นไม้และพืชพรรณนานาชนิดในสวนแห่งนี้ 

    วันที่ 2

    ทริปวันที่สองของคุณ ดื่มด่ำกับธรรมชาติให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้นด้วยจุดชมธรรมชาติมากมายในนิกโก้ คุณอาจจะล่องเรือ เดินป่า หรือแช่ตัวสบายๆ ในออนเซ็นที่ใดที่หนึ่งก็ได้

    5. น้ำตกเคงอน

    ขอบคุณภาพจาก: hereisthailand ใน Pixabay
    ขอบคุณภาพจาก: hereisthailand ใน Pixabay
    น้ำตกเคงอนเป็นหนึ่งในน้ำตกที่มีความยิ่งใหญ่ใกล้เคียงกับน้ำตก 50 แห่งของนิกโก้ และติดอันดับ 1 ใน 3 น้ำตกที่อลังการที่สุดของญี่ปุ่น หากคุณกำลังกังวลว่าควรจะไปเที่ยวชมน้ำตกช่วงไหนดี ไม่ต้องกังวลไป น้ำตกและบริเวณโดยรอบนั้นสวยงามตลอดทั้งปี ตั้งแต่หิมะขาวบริสุทธิ์และผลึกน้ำแข็งส่องประกายระยิบระยับในฤดูหนาว สีเขียวชอุ่มสบายตาในฤดูร้อน ดอกไม้บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ และสีแดงเข้มตัดกับเหลืองสดใสของฤดูใบไม้ร่วง
    คุณจะได้น้ำตกเคงอนที่ความสูง 97 เมตร พร้อมกับสายน้ำเกือบ 3 ตันที่ตกลงสู่ทะเลสาบชูเซ็นจิ คุณเลือกชมได้ 2 แห่ง คือ แห่งหนึ่งอยู่ใกล้กับแอ่งน้ำซึ่งคุณสามารถมองขึ้นไปเห็นน้ำตกอันสูงตระหง่านได้ อีกแห่งหนึ่งอยู่ในระดับที่สูงขึ้น ซึ่งอยู่ใกล้กับหอสังเกตการณ์ที่สร้างขึ้นบนหน้าผา คุณจึงเห็นน้ำตกจากมุมที่สูงขึ้น

    6. ทะเลสาบชูเซ็นจิ

    ขอบคุณภาพจาก: Shikha ใน Adobe Stock
    ขอบคุณภาพจาก: Shikha ใน Adobe Stock
    จากการปะทุของภูเขานันไตเมื่อหลายปีก่อน ทะเลสาบชูเซ็นจิจึงก่อตัวขึ้น หากคุณไปเดินป่าที่ศาลเจ้าฟูตาระซัง นี่คือทะเลสาบอันสวยงามราวกับภาพวาดที่คุณเพิ่งเห็นจากด้านบน
    นอกจากนี้ คุณยังสามารถเพลิดเพลินกับเส้นทางเดินป่ารอบๆ ทะเลสาบ ระยะทางประมาณ 25 กิโลเมตรได้อีกด้วย และยังมีบริการล่องเรือ ซึ่งรวมอยู่ในบัตร NIKKO PASS ของคุณแล้ว ดังนั้นคุณจึงดื่มด่ำกับทัศนียภาพอันงดงามของธรรมชาติที่ยังอุดมสมบูรณ์ระหว่างเดินทางไปน้ำตกริวซุได้อย่างเต็มที่
    .
    .
    ใกล้ ๆ กันยังมีโรงแรมโอกุนิกโกะ ชิกิไซ ที่ให้บริการแช่ออนเซ็นในบรรยากาศญี่ปุ่นสุดคลาสสิค มีบ่อแช่ออนเซ็นให้เลือกหลายแบบ แถมยังเลือกวิวที่จะชมขณะแช่ตัวในน้ำอุ่นแสนสบายได้ด้วย!
    เคล็ดลับจาก Klook:
    หากคุณหลงรักฤดูใบไม้ร่วง สีสันของฤดูใบไม้ร่วงในสถานที่แห่งนี้จะเริ่มเปลี่ยนสีจากด้านสุดบนภูเขาก่อน เริ่มตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคม จากนั้นจะเริ่มเปลี่ยนสีลงมาเรื่อยๆ จนถึงทะเลสาบชูเซ็นจิในช่วงประมาณปลายๆ เดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน

    7. น้ำตกริวซุ

    ขอบคุณภาพจาก: takepicsforfun
    ขอบคุณภาพจาก: takepicsforfun
    จุดชมใบไม้เปลี่ยนสียอดนิยมอีกแห่งหนึ่งคือน้ำตกริวซุ ต้นไม้จำนวนมากในบริเวณนี้จะเปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มและเหลืองทองที่ใครเห็นเป็นอันต้องตกตะลึงกับความงดงามนี้ น้ำตกริวซุ หรือ “ริวซุ โนะ ทากิ (竜頭ノ滝,)”
    หากแปลจากภาษาญี่ปุ่นแล้วจะมีความหมายว่า “น้ำตกหัวมังกร” ซึ่งสื่อถึงรูปร่างของน้ำตกบวกกับสีแดงเข้มของฤดูใบไม้ร่วง ทำให้นึกถึงลักษณะของมังกรจริงๆ

    8. ยูโมโตะออนเซ็น

    ขอบคุณภาพจาก: PhotoSpirit ใน Adobe Stock
    ขอบคุณภาพจาก: PhotoSpirit ใน Adobe Stock
    เมื่อชมทัศนียภาพเสร็จแล้ว คุณสามารถตรงไปยังยูโมโตะออนเซ็นได้เลย เมืองน้ำพุร้อนเล็กๆ แห่งนี้คือที่ที่คุณสามารถผ่อนคลายกล้ามเนื้ออันเมื่อยล้า พร้อมสัมผัสประสบการณ์การเข้าพักแบบเรียวกัง
    เรียวกังคือที่พักขนาดเล็กหรือโรงเตี๊ยมสไตล์ญี่ปุ่นซึ่งมักพบได้ตามบ่อน้ำพุร้อน และเป็นวิธีที่ยอดเยี่ยมในการสัมผัสประสบการณ์ของการผ่อนคลาย วัฒนธรรมญี่ปุ่น และอาหารท้องถิ่น ทั้งหมดในที่เดียว 
    เคล็ดลับจาก Klook:
    หากคุณเข้าพักที่เรียวกัง คุณอาจไม่ต้องวางแผนว่าจะไปทานอาหารที่ไหนในตอนเย็น เพราะเรียวกังส่วนใหญ่จะรวมมื้ออาหารเช้าและอาหารค่ำอันปราณีตไว้ให้คุณแล้ว

    วันที่ 3

    ยังมีสถานที่อีกมากมายที่รอให้คุณไปสำรวจในนิกโก้ จนอาจทำให้วันที่ 3 เป็นวันที่จะต้องยัดสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ ลงไปในแผนการการท่องเที่ยวของคุณ แต่หากคุณวางแผนที่จะใช้บัตร Nikko Pass All Area คุณก็จะสามารถใช้บริการขนส่งสาธารณะอย่างไม่จำกัดรอบได้นานถึง 5 วัน

    9. หุบเขาคันมันกาฟุจิ

    ขอบคุณภาพจาก: Susann Schuster ใน Unsplash
    ขอบคุณภาพจาก: Susann Schuster ใน Unsplash
    เริ่มต้นเช้าวันใหม่ด้วยการเดินชมธรรมชาติที่หุบเขาคันมันกาฟุจิ เป็นช่องเขาอันโด่งดังที่ทอดยาวไปตามแม่น้ำไดยะ และยังเป็นที่รู้จักจากเส้นทางคันมัน (Kanman Path) และประติมากรรมจิโซ (Narabi Jizo) ซึ่งเป็นรูปปั้นหินกว่า 70 รูปที่สวมหมวกโครเชต์สีแดงสดใสและหันหน้าไปทางแม่น้ำ ว่ากันว่าทุกครั้งที่คุณลองนับรูปปั้นลึกลับเหล่านี้ คุณจะนับได้จำนวนไม่เท่ากันเลยสักครั้ง
    เป็นการเดินสบายๆ ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการหลบหนีจากกลุ่มคนพลุกพล่าน ที่นี่คุณยังจะได้พบกับสิ่งประดิษฐ์ทางจิตวิญญาณและประวัติศาสตร์อย่างบอนโชะ ซึ่งเป็นระฆังที่เก่าแก่ที่สุดในนิกโก้ ย้อนไปถึงศตวรรษที่ 15 หรือซูเกะกาซะ ฮิกิริ จิโซะ ซึ่งเป็นรูปปั้นของจิโซที่สวมหมวกฟาง
    ด้วยเหตุนี้ จึงเป็นที่รู้จักกันว่าเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่หาพบได้ยากมาก ดังนั้นใครมาเที่ยวนิกโก้ ห้ามพลาดที่จะแวะมาที่นี่
    เพิ่มเติมส่วนสำคัญ:
    จิโซะ เป็นรูปปั้นที่มักจะสร้างขึ้นจากหินโดยทำเป็นรูปของจิโซ โบสัตซึ ซึ่งเป็นเทพพิทักษ์นักเดินทางและเด็กๆ
    เคล็ดลับจาก Klook:
    โปรดระมัดระวังอย่าเข้าใกล้แม่น้ำไดยะจนเกินไป ตลิ่งลื่นมาก มีโอกาสสูงที่จะตกลงไป

    10. เอโดะ วันเดอร์แลนด์

    .
    .
    แม้ว่าสถานที่หลายๆ แห่งที่นิกโก้จะให้คุณได้สัมผัสถึงประวัติศาสตร์ แต่เอโดะ วันเดอร์แลนด์คือสถานที่ที่คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ต่างๆ ในสมัยเอโดะได้อย่างแท้จริง ตั้งแต่สิ่งก่อสร้าง ร้านอาหาร ไปจนถึงถึงนักแสดงที่แต่งกายสไตล์เอโดะ เมืองนี้จะทำให้คุณได้เห็นว่าเมืองทั่วไปในสมัยเอโดะนั้นมีหน้าตาเป็นอย่างไร

    พร้อมเที่ยวนิกโกแล้วหรือยัง

    ทั้งหมดนี้ก็คือคู่มือการเดินทางสู่เมืองนิกโก ประเทศญี่ปุ่น สำหรับคุณ เตรียมตัวไปเพลิดเพลินกับการเดินทางที่ไร้กังวลและเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เข้าชมทุกสถานที่ที่คุณต้องการในนิกโกด้วยบัตร NIKKO PASS คู่ใจของคุณ เริ่มจัดกระเป๋าแล้วออกไปผจญภัยกันเลย!