พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีปี 2025 ของญี่ปุ่นประกาศออกมาแล้ว! เตรียมชมใบเมเปิ้ลแดงได้ตั้งแต่วันที่ 30 พฤศจิกายนนี้ในโตเกียว!
การออกเดินทางไปชมใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่นเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่น่ารอคอยในญี่ปุ่นช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงธันวาคม! บทความนี้ได้รวมจุดชมวิวสุดประทับใจที่ควรบันทึกไว้ในลิสต์ และยังมีทัวร์น่าสนใจที่จะพาไปชมความงดงามของใบไม้ร่วงในมุมที่ดีที่สุดไว้ให้ทุกคนไปตามกันได้เลย 🤩
ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น
ฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นได้รับความนิยมไม่แพ้ฤดูใบไม้ผลิ หลายคนเดินทางไปเพื่อชมความงดงามของใบไม้สีแดง ส้ม และทอง ที่ร่วงโรยตั้งแต่ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงกลางเดือนธันวาคม (ส่วนใหญ่จะพีคในเดือนพฤศจิกายน) เมืองต่างๆ อย่างฟุกุโอกะ (Fukuoka) โอซาก้า (Osaka) เกียวโต (Kyoto) นารา (Nara) โตเกียว (Tokyo) และฮอกไกโด (Hokkaido) จะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันอันอบอุ่นของฤดูใบไม้ร่วง อีกทั้งยังเป็นช่วงอากาศเย็นสบาย เหมาะกับการใส่เสื้อกันหนาวเบาๆ (ประมาณ 20°C)
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมสีสันสดใสของใบไม้เปลี่ยนสีมักอยู่ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน แต่เวลาอาจแตกต่างกันไปตามภูมิภาคและระดับความสูง โดยพื้นที่ภูเขามักจะเห็นการเปลี่ยนสีเร็วกว่าพื้นที่ราบ ดังนั้น ไม่ว่าจะวางแผนไปเที่ยวเมืองใหญ่ที่คึกคัก หรือหมู่บ้านชนบทอันเงียบสงบ ควรติดตามพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี เพื่อไม่พลาดการชมความงามของฤดูใบไม้ร่วงในช่วงที่งดงามที่สุด
พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น ปี 2025
บริษัทอุตุนิยมวิทยาญี่ปุ่น (Japan Meteorological Corporation: JMC) ได้เผยแพร่พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีครั้งแรกสำหรับปี 2025 โดยให้ช่วงเวลาที่คาดว่าจะเหมาะที่สุดในการชมทั้งใบไม้แดงและใบไม้เหลืองในเมืองหลักทั่วประเทศญี่ปุ่น
ฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นมักมาพร้อมกับความสวยงามของใบไม้สองแบบที่ควรจับตามอง ได้แก่ สีแดงสดของใบเมเปิ้ล (Maple) และสีเหลืองทองของใบแปะก๊วย (Ginkgo) ใบเมเปิ้ลมีชื่อเสียงในเรื่องรูปทรงดาวที่ซับซ้อนและเปลี่ยนเป็นสีแดงสด ส่วนใบแปะก๊วยมีลักษณะเป็นรูปพัดและเปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองอร่าม
แตกต่างจากฤดูซากุระ (Cherry Blossom) ที่มีระยะเวลาสั้นเพียงประมาณหนึ่งสัปดาห์ สีสันของใบไม้ร่วงสามารถชมได้ง่ายกว่าและยาวนานกว่า โดยช่วงเวลาพีคในหลายพื้นที่จะอยู่ราวสองสัปดาห์ แต่บางภูมิภาคสามารถคงความสดใสของใบไม้ไว้ได้นานกว่าหนึ่งเดือน ทั้งนี้มีพยากรณ์แยกกันระหว่างใบเมเปิ้ลและใบแปะก๊วย เพื่อให้คุณสามารถเริ่มวางแผนทริปฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นได้แล้ว!
คุณจะสามารถชมใบไม้เปลี่ยนสีแดงสดของใบเมเปิ้ลในช่วงที่เริ่มพีคตั้งแต่วันที่ 7 พฤศจิกายน 2025 ในภูมิภาคฮอกไกโด (Hokkaido) และเคลื่อนลงมาที่คานาซาวะ (Kanazawa) และโตเกียว (Tokyo) ในวันที่ 30 พฤศจิกายน ยังสามารถชมใบไม้สีแดงสวยงามนี้ได้ในโอซาก้า (Osaka) ในวันที่ 4 ธันวาคม และในเกียวโต (Kyoto) วันที่ 12 ธันวาคม
สำหรับใบแปะก๊วยสีเหลืองก็สวยงามไม่แพ้กัน โดยจะเริ่มเปลี่ยนสีในวันที่ 6 พฤศจิกายน ที่ซัปโปโร (Sapporo) และอาโอโมริ (Aomori) และพีคที่คานาซาวะ (Kanazawa) ในวันที่ 11 พฤศจิกายน และนากาโนะ (Nagano) ในวันที่ 15 พฤศจิกายน ส่วนในโอซาก้า (Osaka) จะพีควันที่ 24 พฤศจิกายน โตเกียว (Tokyo) วันที่ 26 พฤศจิกายน และเกียวโต (Kyoto) วันที่ 28 พฤศจิกายน
Klook Tip: การเปลี่ยนสีของใบไม้ร่วงขึ้นอยู่กับสภาพอากาศ อย่าลืมตรวจสอบพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่นล่าสุด ทั้ง Autumn Foliage Forecast 2025 และ Yellow Foliage Forecast 2025 ได้ที่เว็บไซต์ของ Japan Meteorological Corporation 👀
จุดชมใบไม้ร่วงที่สวยที่สุดในโตเกียว (Tokyo)
1. สวนริคุงิเอน (Rikugien Garden)
สวนริคุงิเอน (Rikugien Garden) เป็นสวนญี่ปุ่นแบบภูมิทัศน์ชื่อดังในโตเกียว (Tokyo) ที่ได้รับความนิยมอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เพราะภายในสวนเต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ลจำนวนมาก
แนะนำให้เผื่อเวลาไว้ทั้งบ่าย เพื่อเดินเล่นไปตามเส้นทางภายในสวน และปิดท้ายด้วยการจิบชาในหนึ่งในศาลาชาหลายแห่ง วิวที่งดงามเป็นพิเศษได้แก่ บริเวณลำธารใกล้ศาลาชาทสึจิโนะฉะยะ (Tsutsuji no Chaya Teahouse) บริเวณสะพานโทเก็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) และจากจุดชมวิวฟูจิชิโรโทเกะ (Fujishirotoge Viewpoint)
โดยปกติใบไม้จะเปลี่ยนสีถึงช่วงพีคประมาณปลายเดือนพฤศจิกายนไปจนถึงต้นเดือนธันวาคม
ที่อยู่: 6 Chome-16-3 Honkomagome, Bunkyo City, Tokyo 113-0021, Japan
2. รถไฟสายวาตาราเสะ เคโคคุ (Watarase Keikoku Railway)
หากอยากได้ประสบการณ์ชมใบไม้ร่วงที่ไม่มีวันลืม ลองนั่งรถไฟสายวาตาราเสะ เคโคคุ (Watarase Keikoku Railway) คุณจะเพลิดเพลินกับการนั่งรถไฟท่ามกลางทิวทัศน์ใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่นสุดโรแมนติก ราวกับกำลังอยู่ในฉากภาพยนตร์รักเลยทีเดียว!
รถไฟสายนี้วิ่งระหว่างเมืองคิริว (Kiryu) ในจังหวัดกุนมะ (Gunma) และเมืองนิกโก้ (Nikko) ในจังหวัดโทชิงิ (Tochigi) โดยใช้เวลาประมาณ 80 นาทีตลอดเส้นทาง พร้อมมอบวิวสุดตระการตา ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือหุบเขาทาคาสึโดะ (Takatsudokyo Gorge) ซึ่งจะได้เห็นมุมมองใหม่ของหุบเขาและป่าไม้สีเหลืองอำพันที่รายล้อมอยู่
ยังมีทัวร์ให้เลือก เช่น Autumn Maple Leaves Sightseeing Day Tour หรือ Watarase Valley & Takatsudo Gorge Autumn Maple Day Tour from Tokyo ที่จะพาคุณไปชมความงดงามของใบไม้ร่วงผ่านรถไฟสายวาตาราเสะ (Watarase Valley Railway) พร้อมแวะชมความงามของหุบเขาทาคาสึโดะ (Takatsudokyo Gorge) และสวนดอกไม้อาชิคางะ ฟลาวเวอร์ พาร์ค (Ashikaga Flower Park) อีกด้วย!
ที่อยู่: 1375 Omama, Omama, Midori (Omama Station), เชื่อมต่อกับสาย JR Ryomo ที่สถานี Kiryu
3. อิโช นามิกิ (Icho Namiki)
เมจิจิงกูไกเอน (Meiji-Jingu Gaien) เป็นหนึ่งในสถานที่ชื่อดังที่สุดสำหรับชมใบไม้ร่วงในโตเกียว (Tokyo) โดยเฉพาะที่อิโช นามิกิ (Icho Namiki – แปลว่า “ถนนที่เรียงรายไปด้วยต้นแปะก๊วย”) ลองใช้เวลาเดินเล่นไปตามถนนที่เต็มไปด้วยสีทองอร่าม และเก็บภาพถ่ายสวย ๆ เพราะทุกมุมคือจุดถ่ายรูปที่สมบูรณ์แบบ!
ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการชมคือปลายเดือนพฤศจิกายนถึงต้นเดือนธันวาคม
ที่อยู่: 1 Kasumigaoka, Shinjuku-ku, Tokyo
ลองดูทริปนั่งรถบัสเปิดประทุน (Open Top Bus Sightseeing Trip) ความยาว 70 นาที ที่จะพาไปชมสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของโตเกียว (Tokyo) ตั้งแต่โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) ไปจนถึงเมจิจิงกูไกเอน (Meiji-Jingu Gaien) เส้นทางรถบัสยังผ่านสถานีโตเกียว (Tokyo Station) มารุโนะอุจิ (Marunouchi) อากาซากะ (Akasaka) รปปงงิ (Roppongi) โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Tower) กินซ่า (Ginza) และอีกหลายจุด!
4. สวนสาธารณะชินจูกุเกียวเอน (Shinjuku Gyoen National Garden)
สวนสาธารณะชินจูกุเกียวเอน (Shinjuku Gyoen National Garden) อาจเป็นสถานที่ยอดนิยมที่ต้องไปในช่วงฮานามิ (Hanami – ชมดอกซากุระ) แต่รู้หรือไม่ว่าที่นี่ก็เป็นจุดชมใบไม้ร่วงที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน?
ภายในสวนมีทั้งหมด 3 โซนที่โดดเด่นแตกต่างกัน สวนญี่ปุ่น (Japanese Garden) มีชื่อเสียงในเรื่องใบเมเปิ้ลสีแดงเข้ม ส่วนสวนอังกฤษ (British Garden) คือที่ที่คุณจะได้พบกับใบแปะก๊วยสีเหลืองทอง และในสวนฝรั่งเศส (French Garden) ที่คุณยังสามารถเห็นดอกกุหลาบที่กำลังบานสะพรั่งได้อีกด้วย เลือกชมได้ตามใจ แต่จริง ๆ แล้วควรไปให้ครบทุกโซนจะดีที่สุด
สามารถไปเยี่ยมชมสวนสาธารณะชินจูกุเกียวเอน (Shinjuku Gyoen National Garden) ได้ระหว่าง กลางเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนธันวาคม เพื่อดื่มด่ำกับบรรยากาศที่เป็นเอกลักษณ์
ที่อยู่: 11 Naitomachi, Shinjuku City, Tokyo 160-0014, Japan
5. ภูเขานาสุ (Mount Nasu)
ภูเขานาสุ (Mount Nasu) หรือที่รู้จักกันอีกชื่อว่า ภูเขาเชาซุ (Mount Chausu) เป็นหนึ่งในภูเขาไฟที่ยังคุกรุ่นและเป็นสัญลักษณ์สำคัญของภูมิภาคนี้ นักท่องเที่ยวสามารถนั่งกระเช้านาสุโรปเวย์ (Nasu Ropeway) ขึ้นไปจนถึงสถานีที่ 9 ของเส้นทางปีนเขา (Ninth Station – จุดพักที่บอกตำแหน่งด่านที่ 9) เมื่อถึงฤดูใบไม้ร่วง วิวทิวทัศน์รอบ ๆ จะสวยงามตระการตา เต็มไปด้วยสีแดงและสีทองของใบไม้ที่เปลี่ยนสีทั่วทั้งภูเขา
ที่อยู่: 215 Yumoto, Nasu Town, Nasu County, Tochigi Prefecture
6. สวนริมทะเลฮิตาชิ (Hitachi National Seaside Park)
หลายคนคงคุ้นตาสวนริมทะเลฮิตาชิ (Hitachi Seaside Park) จากทุ่งดอกไม้เนโมฟีลา (Baby Blue Eyes / Nemophila menziesii) ที่สวยงามสุดลูกหูลูกตา แต่รู้หรือไม่ว่าสวนแห่งนี้ยังมีทุ่งดอกไม้อื่นๆ ที่สวยสะกดตาไม่แพ้กัน?
ในฤดูใบไม้ร่วง ไฮไลต์ที่พลาดไม่ได้คือ “โคเคียฮิลล์สีแดง” (Red Kochia Hill) ที่ปกคลุมไปด้วยพุ่มโคเคียสีแดงสดสะดุดตา โดยต้นโคเคียเหล่านี้จะเป็นสีเขียวในช่วงฤดูร้อน และค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองในเดือนกันยายน และกลายเป็นสีแดงเพลิงในเดือนตุลาคม
ที่อยู่: 605-4 Mawatari Onuma, Hitachinaka 312-0012, Ibaraki Prefecture
7. สวนโคอิชิกาวะ โคราคุเอน (Koishikawa Korakuen Garden)
หากอยากได้ประสบการณ์ชมใบไม้ร่วงที่พิเศษยิ่งขึ้น ต้องไม่พลาดการชมไฟประดับยามค่ำคืน ที่จัดขึ้นเป็นช่วงเวลาจำกัดในสวนโคอิชิกาวะ โคราคุเอน (Koishikawa Korakuen Gardens)!
นอกจากการชมบรรยากาศใบไม้ร่วงยามค่ำแล้ว ยังสามารถเพลิดเพลินกับการแสดงศิลปะการแสดงดั้งเดิมจากสมัยเอโดะ (Edo) อาทิ คันดะฮายาชิ (Kanda Hayashi), โคโทบุกิชิชิ (Kotobuki Shishi), โอเอโดะทามาสุดาเระ (Oedo Tamasudare) และเอโดะไทคากุระ (Edo Taikagura) อีกทั้งยังมีของว่างและขนมตามฤดูกาลให้ลิ้มลองอีกด้วย
ที่อยู่: 1 Chome-6-6 Koraku, Bunkyo City, Tokyo 112-0004, Japan
📅 ช่วงเวลา: กลางเดือนตุลาคม – ปลายเดือนตุลาคม
จุดชมใบไม้ร่วงที่สวยที่สุดในโอซาก้า (Osaka)
8. สวนมิเนโอ (Minoo Park)
โอซาก้า (Osaka) อาจไม่ได้ขึ้นชื่อเรื่องธรรมชาติมากนัก แต่สวนมิเนโอ (Minoo Park) ถือเป็นจุดที่น่ายินดี เพราะมักจะไม่แออัดเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ (แต่ก็หวังว่าจะไม่เจอคนเยอะเกินไปนะ!)
สวนมิเนโอ (Minoo Park) เป็นหนึ่งในสถานที่ยอดเยี่ยมที่ควรมาเยือนในช่วงฤดูใบไม้ร่วง นอกจากจะได้ชมสีสันของใบไม้ที่สวยงามแล้ว ไฮไลต์หลักคือ น้ำตกมิเนโอ (Minoo Falls) ที่เป็นจุดท่องเที่ยวสำคัญของสวนแห่งนี้ อีกทั้งยังสามารถลิ้มลอง “โมมิจิเทมปุระ” (Momiji Tempura) ซึ่งคือใบเมเปิ้ลทอดกรอบชุบแป้งสูตรท้องถิ่นที่หากินได้เฉพาะที่นี่ด้วย
ที่อยู่: 1-18 Minookoen, Minoo, Osaka 562-0002, Japan
9. ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle)
ดำดิ่งสู่โอเอซิสของใบไม้สีแดงและทองในฤดูใบไม้ร่วงเมื่อไปเยือนปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle) มรดกทางประวัติศาสตร์แห่งนี้เป็นจุดยอดนิยมสำหรับการปิกนิกมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วงที่บรรยากาศรอบๆ งดงามเป็นพิเศษ
และแน่นอนว่าใครก็อยากเก็บภาพปราสาทสุดยิ่งใหญ่ที่โอบล้อมด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ร่วงไว้ลงบน IG กันทั้งนั้น!
ที่อยู่: 1-1 Osakajo, Chuo Ward, Osaka, 540-0002, Japan
10. ภูเขาโกไซโช (Mount Gozaisho)
หลังจากชมความงามของญี่ปุ่นจากพื้นดินไปแล้ว คราวนี้ลองเปลี่ยนบรรยากาศขึ้นไปชมวิวจากมุมสูงกันบ้าง! ขึ้นกระเช้าโกไซโชโรปเวย์ (Gozaisho Ropeway) เพื่อสัมผัสการนั่งกระเช้าสุดเพลิดเพลิน พร้อมชมวิวพาโนรามาสุดตระการตาที่เต็มไปด้วยสีทอง แดงอมน้ำตาล และเขียวสดของภูเขาโกไซโช (Mount Gozaisho)
ใบไม้ร่วงบนภูเขาโกไซโช (Mount Gozaisho) จะเริ่มเปลี่ยนสีจากยอดเขาในช่วงกลางเดือนตุลาคม และค่อยๆ ไหลลงมาตามแนวภูเขาจนถึงยูโนะยามะออนเซ็น (Yunoyama Onsen Hot Springs) ที่เชิงเขา ภายในระยะเวลาประมาณหนึ่งเดือน สามารถตรวจสอบข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับช่วงพีคของใบไม้ร่วงในแต่ละพื้นที่ได้ที่นี่
ที่อยู่: 8625 Komono, Komono-Cho, Mie-gun, Mie
หากมองหาทัวร์ที่รวมการนั่งกระเช้าโกไซโชโรปเวย์ (Gozaisho Ropeway) ขอแนะนำ Nabana no Sato & Osaka Maple Viewing Day Tour ซึ่งยังมีเบนโตะให้รับประทานในทริปอีกด้วย!
จุดชมใบไม้ร่วงที่สวยที่สุดในเกียวโต (Kyoto)
11. รถไฟโรแมนติก สายซากาโนะ (Sagano Romantic Train)
ลองเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการนั่งรถไฟโรแมนติก สายซากาโนะ (Sagano Romantic Train) รถไฟสายนี้จะพาเพลิดเพลินไปกับการนั่งชมวิวสุดผ่อนคลายราว 25 นาที ผ่านย่านอาราชิยามะ (Arashiyama District) ที่เต็มไปด้วยธรรมชาติอันงดงาม
เมื่อรถไฟเคลื่อนผ่านภูมิทัศน์ที่ถูกแต่งแต้มไปด้วยใบไม้สีแดงสด คุณจะสัมผัสได้ทันทีว่าทำไมเส้นทางนี้ถึงเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของเกียวโต โดยเฉพาะสำหรับคนที่ชอบบรรยากาศโรแมนติกสุดคลาสสิก
สถานีใกล้เคียง: สถานีอาราชิยามะ (Arashiyama Station) ใช้ JR Pass เดินทางมาได้สะดวก
ถ้าอยากลองนั่งรถไฟสายโรแมนติก ซากาโนะ (Sagano Romantic Train) ก็มีทัวร์หลายแบบให้เลือก ลองดูแพ็กเกจที่น่าสนใจเหล่านี้ได้เลย!
12. วัดคิโยมิสุ (Kiyomizu Temple)
วัดคิโยมิสุ (Kiyomizudera) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “วัดน้ำใส” เป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของญี่ปุ่น มีประวัติยาวนานกว่าพันปี จุดเด่นคือระเบียงไม้ขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมา ซึ่งมอบวิวพาโนรามาสุดอลังการของต้นซากุระ (Cherry Blossom) และเมเปิ้ล (Maple) หลายร้อยต้น โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วงที่ผู้คนนิยมมาชมความงดงามกันอย่างคึกคัก วัดแห่งนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานของพระโพธิสัตว์กวนอิมอีกด้วย
ถ้ามีเวลา แนะนำให้อยู่ต่อจนถึงช่วงเย็น เพื่อชมการประดับไฟยามค่ำคืน ที่เปลี่ยนวัดทั้งวัดให้สว่างไสวท่ามกลางใบไม้สีแดงทอง บอกเลยว่าเป็นภาพที่งดงามจับใจจริงๆ โดยสามารถวางแผนมาได้ระหว่างวันที่ 18 – 30 พฤศจิกายน
ที่อยู่: 1 Chome-294 Kiyomizu, Higashiyama Ward, Kyoto, 605-0862, Japan
มีทริปแบบไปเช้าเย็นกลับที่รวมการไปชมวัดคิโยมิสุ (Kiyomizu Temple) วัดทองคินคะคุจิ (Golden Pavilion Temple / Kinkaku-ji) และศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine) ที่ขึ้นชื่อเรื่องเสาโทริอิ (Torii Gates) นับพันต้นด้วย
อีกหนึ่งตัวเลือกคือ Kyoto World Heritage & Uji Scenery One-day Tour (จากโอซาก้า/เกียวโต) ที่เหมาะมากสำหรับคนรักมัทฉะ เพราะนอกจากจะได้ไปวัดคินคะคุจิ (Kinkaku-ji Temple), วัดคิโยมิสุ (Kiyomizu Temple) และยะซากะโคชินโด (Yasaka Koshindo) แล้ว ยังมีโปรแกรมไปเยือนเมืองอุจิ (Uji) อีกด้วย
เมืองอุจิ (Uji) มีชื่อเสียงทั้งเรื่องแม่น้ำอุจิ (Uji River) ที่งดงาม และวัฒนธรรมมัทฉะ (Matcha) ที่เข้มข้น บนถนนมัทฉะแห่งอุจิ (Uji Matcha Street) คุณจะได้ลิ้มลองขนมและเครื่องดื่มมัทฉะมากมาย ทั้งไอศกรีมมัทฉะ เค้กมัทฉะ ลาเต้มัทฉะ และอีกเพียบ!
13. วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple)
ถ้าพูดถึงจุดชมใบไม้ร่วงที่สวยที่สุดในเกียวโต (Kyoto) วัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple) ต้องติดอันดับต้น ๆ ที่ทั้งชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวต่างนิยมมาเยือน วัดแห่งนี้เป็นวัดเซนขนาดใหญ่ โดยจุดชมวิวที่โดดเด่นที่สุดคือสะพานสึเท็นเคียว (Tsutenkyo Bridge) ที่ทอดข้ามหุบเขาอันเต็มไปด้วยต้นเมเปิ้ลหลากสี
ที่อยู่: 15 Chome-778 Honmachi, Higashiyama Ward, Kyoto, 605-0981, Japan
ช่วงเวลาที่ควรค่าแก่การมาชมที่สุดคือเดือนพฤศจิกายน ที่วัดทั้งวัดถูกโอบล้อมด้วยใบไม้เปลี่ยนสีอันงดงาม
มีทัวร์ที่รวมการแวะชมวัดโทฟุคุจิ (Tofukuji Temple), ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari Shrine) และศาลเจ้าคิฟุเนะ (Kifune Shrine) เพื่อชมสีสันฤดูใบไม้ร่วงที่ตระการตา
14. วัดเทนริวจิ (Tenryuji Temple)
วัดเทนริวจิ (Tenryuji Temple) เป็นอีกหนึ่งจุดชมใบไม้ร่วงที่สวยเกินพลาด อย่ามัวรอช้า รีบเข้าไปในสวนเฮียกคะเอน (Hyakkaen Garden) ซึ่งเป็นอีกหนึ่งจุดไฮไลต์ที่งดงามไม่แพ้กัน
ที่นี่เป็นมรดกโลกยูเนสโก (UNESCO) และยังเป็นที่ประดิษฐานของผลงานศิลปะชื่อดังอย่างภาพ “เมฆมังกร” (The Cloud Dragon) ที่เพดานของห้องฮัตโตะฮอลล์ (Hatto Hall) ด้วย เพียงจ่ายค่าเข้าชมเล็กน้อย คุณก็สามารถเพลิดเพลินกับการชมภาพวาดระดับตำนานของญี่ปุ่นในบรรยากาศแกลเลอรีสุดโรแมนติก พร้อมทั้งชื่นชมวิวสวนใบไม้แดงที่อยู่เบื้องหลังไปพร้อมกัน
ที่อยู่: 68 Saga Tenryuji Susukinobabacho, Ukyo-ku, Kyoto 616-8385, Kyoto Prefecture
และถ้าหากยังไม่เจอสถานที่ที่ถูกใจ ยังมีอีกหลายจุดให้คุณได้ไปสัมผัสความสวยงามของใบไม้ร่วง!
จุดชมใบไม้ร่วงที่สวยที่สุดในนารา (Nara)
15. สวนนารา (Nara Park)
คนรักสัตว์ไม่ควรพลาดเมืองนารา (Nara) ในทริปญี่ปุ่นของคุณเด็ดขาด เพราะสวนนารา (Nara Park) เป็นบ้านของกวางแสนน่ารักหลายร้อยตัว ที่มักจะโค้งคำนับขอขนมบิสกิตจากนักท่องเที่ยว เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง ที่นี่ก็กลายเป็นอีกหนึ่งจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่สวยงาม จุดถ่ายรูปแนะนำคือบริเวณลานกว้างของวัดโทไดจิ (Todai-ji Temple) และบริเวณรอบสระน้ำไดบุสสึอิเคะ (Daibutsu-Ike Pond) ซึ่งมีวิวที่สวยงดงามมาก
จุดชมใบไม้ร่วงที่สวยที่สุดในฟุกุโอกะ (Fukuoka)
16. สวนวิสทีเรียคาวาจิ (Kawachi Wisteria Garden)
สวนวิสทีเรียคาวาจิ (Kawachi Wisteria Garden) เป็นที่รู้จักกันดีจากอุโมงค์ดอกวิสทีเรียสีม่วงอ่อน (Wisteria Tunnels) ที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ แต่รู้หรือไม่ว่าในฤดูใบไม้ร่วงที่นี่ก็เต็มไปด้วยความสวยงามเช่นกัน? ช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน สวนทั้งสวนจะถูกแต่งแต้มด้วยใบไม้สีแดงเพลิงสุดตระการตา ต้นไม้กว่า 700 ต้นจะพร้อมใจกันเปลี่ยนสี สร้างทิวทัศน์ที่งดงามเกินบรรยาย
ที่อยู่: 2 Chome-2-48 Kawachi, Yahatahigashi Ward, Kitakyushu, Fukuoka 805-0045, Japan
17. วัดไรซันเซ็นเนียวจิ ไดฮิโออิน (Raizansennyoji Taihioin)
วัดเซ็นเนียวจิ ไดฮิโออิน (Sennyoji Daihioin Temple) ตั้งอยู่บนภูเขาไรซัน (Mount Raizan) เมืองอิโตชิมะ (Itoshima City) จังหวัดฟุกุโอกะ (Fukuoka) เป็นจุดหมายปลายทางที่เหมาะมากสำหรับผู้ที่อยากหลีกหนีจากความวุ่นวายในเมือง วัดพุทธเก่าแก่แห่งนี้มีรากฐานประวัติศาสตร์ยาวนานกว่าพันปี เพียงก้าวเข้ามาก็จะได้สัมผัสบรรยากาศเงียบสงบและความสง่างามของสิ่งปลูกสร้างที่เก่าแก่ รอบๆ วัดเต็มไปด้วยความร่มรื่นของธรรมชาติและวิวที่สวยงาม ทำให้เป็นสถานที่ที่เหมาะกับการพักผ่อนและใช้เวลาอยู่กับตัวเอง นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงจากการเป็นส่วนหนึ่งของวัฒนธรรมญี่ปุ่น และเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Last Samurai อีกด้วย
อีกหนึ่งไฮไลต์คือเมเปิ้ลยักษ์อายุกว่า 400 ปี ซึ่งได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นอนุสรณ์สถานทางธรรมชาติประจำท้องถิ่น (Municipally-Designated Natural Monument) ที่จะเปลี่ยนเป็นสีสวยงามในช่วงกลางเดือนพฤศจิกายน
ที่อยู่: 626 Raizan, Itoshima City, Fukuoka
สำหรับผู้ที่มองหาทัวร์ แนะนำ Kyushu: Imari Pottery Village & Karatsu 1Day Tour (Fukuoka Departure) ที่จะพาไปชมใบไม้ร่วงที่วัดแห่งนี้ ต่อด้วยการชมทุ่งข้าวสีทอง และแวะหมู่บ้านเครื่องปั้นดินเผาอิมาริ (Imari Pottery Village) อันโด่งดัง
18. ซากปราสาทอาคิซึกิ (Akizuki Castle Ruins)
ซากปราสาทอาคิซึกิ (Akizuki Castle Ruins) คือร่องรอยที่หลงเหลือจากปราสาทในสมัยศักดินา ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของญี่ปุ่น ปราสาทแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1203 โดยตระกูลอาคิซึกิ (Akizuki Clan) แม้โครงสร้างส่วนใหญ่จะไม่เหลือแล้ว แต่ยังสามารถเดินชมกำแพงหินและประตูที่คงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน ในฤดูใบไม้ผลิ ที่นี่ขึ้นชื่อว่าเป็นจุดชมซากุระยอดนิยม ส่วนในฤดูใบไม้ร่วงก็เป็นสถานที่ที่เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเพลิดเพลินกับสีสันของใบไม้เปลี่ยนสี
ที่อยู่: 663 Akizukinotori, Asakura-shi, Fukuoka-ken
จุดชมใบไม้ร่วงที่สวยที่สุดในฮอกไกโด (Hokkaido)
19. สระน้ำสีฟ้า (Blue Pond)
สระน้ำสีฟ้า (Blue Pond) เป็นหนึ่งในสถานที่มหัศจรรย์ที่สวยงดงามราวกับต้องมนตร์ โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ร่วง ผืนน้ำมีสีฟ้าเข้มสด (Cobalt Blue) และถ้าในวันที่ไม่มีลม น้ำจะนิ่งจนสะท้อนเงาเป็นเหมือนกระจกใส ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการมาเยือนคือเดือนตุลาคม
ที่อยู่: Shirogane, Biei, Kamikawa District, Hokkaido 071-0235, Japan
20. อุทยานแห่งชาติดาเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park)
สำหรับนักเดินเขามากประสบการณ์ในญี่ปุ่น คงรู้กันดีว่าอุทยานแห่งชาติดาเซ็ตสึซัง (Daisetsuzan National Park) คือหนึ่งในสถานที่ที่มีวิวใบไม้ร่วงอลังการที่สุด โดยเฉพาะบริเวณโซอุนเคียว (Sounkyo) ซึ่งเต็มไปด้วยหุบเขาที่โอบล้อมด้วยหน้าผาสูงกว่า 100 เมตร ลองออกเดินสำรวจเส้นทางและชมสายน้ำตกที่พลิ้วไหวท่ามกลางสีสันสดใสของใบไม้แดงส้มทอง รับรองว่านี่จะเป็นการเดินป่าที่ตราตรึงใจไม่รู้ลืม
ที่อยู่: Sounkyo, Kamikawa, Kamikawa District, Hokkaido 078-1701, Japan
21. โจซังเคอิ ออนเซ็น (Jozankei Onsen)
โจซังเคอิ ออนเซ็น (Jozankei Onsen) คือเมืองออนเซ็นที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด (Hokkaido) มีเรียวคัง (Ryokan) กว่า 20 แห่ง ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติชิโคสึ-โทยะ (Shikotsu-Toya National Park) และเป็นหนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวชื่อดังของฮอกไกโด ไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมถึงได้รับความนิยม! ใช้เวลาเดินทางเพียง 1 ชั่วโมงจากซัปโปโร (Sapporo) นักท่องเที่ยวก็จะได้ทั้งผ่อนคลายไปกับการแช่ออนเซ็น และเพลิดเพลินกับวิวใบไม้เปลี่ยนสีรอบตัวในบรรยากาศสบายๆ
ลองดูทัวร์ Houheikyou & Fukidashi Park Autumn Maple One Day Tour from Sapporo ที่รวมแวะโจซังเคอิ (Jozankei) พร้อมสถานที่น่าสนใจอื่นๆ เช่น:
- Fuping Gorge: จุดชมใบไม้ร่วงที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งของซัปโปโร (Sapporo)
- ทะเลสาบโทยะ (Lake Toya): วิวทะเลสาบตัดกับใบไม้เปลี่ยนสีสุดอลังการ
- โชวะ ชินซัง (Showa Shinzan): ภูเขาไฟพร้อมนั่งกระเช้าชมวิว
- ภูเขาโยเท (Mt. Yotei): หนึ่งในภูเขาที่ติดอันดับ 100 ภูเขาที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น
ถ้าเดินทางเองแบบอิสระ อย่าลืมแวะสะพานแขวนฟุทามิ สึริบาชิ (Futami Tsuribashi Suspension Bridge) ที่ทาสีแดงสดเป็นเอกลักษณ์ ใช้เวลาเดินราว 10 นาทีจากรีสอร์ตออนเซ็นโจซังเคอิ (Jozankei Hot Spring Resort) จากตรงนี้สามารถชมวิวแม่น้ำโทยาฮิระ (Toyohira River) ที่ไหลคดเคี้ยว ท่ามกลางภูเขาที่แต่งแต้มไปด้วยใบไม้สีเหลืองทองได้อย่างสวยงาม
ที่อยู่: Jozankei Onsen Higashi 3-chome, Minami-ku, Sapporo
22. โนโบริเบ็ทสึ ออนเซ็น (Noboribetsu Onsen)
อีกหนึ่งเมืองออนเซ็นในอุทยานแห่งชาติชิโคสึ-โทยะ (Shikotsu-Toya National Park) โนโบริเบ็ทสึ ออนเซ็น (Noboribetsu Onsen) ถือเป็นหนึ่งในรีสอร์ตน้ำพุร้อนที่มีชื่อเสียงที่สุดของฮอกไกโด (Hokkaido) สาเหตุที่โด่งดังก็เพราะที่นี่มีน้ำพุร้อนหลายชนิด ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกำมะถัน (Sulphur), แคลเซียม (Calcium) หรือโซเดียม (Sodium)
คนท้องถิ่นเชื่อกันว่าน้ำพุร้อนธรรมชาติเหล่านี้ช่วยบรรเทาได้หลายอาการ ไม่ใช่แค่ความปวดเมื่อย แต่ยังดีต่อสุขภาพโดยรวมอีกด้วย แล้วจะมีอะไรดีไปกว่าการได้แช่ออนเซ็นเพื่อผ่อนคลาย พร้อมดื่มด่ำไปกับทิวทัศน์อันสวยงามรอบตัว?
ที่อยู่: Noboribetsuonsencho, Noboribetsu, Hokkaido 059-0551, Japan
มาค้นพบความงดงามของโนโบริเบ็ทสึ ออนเซ็น (Noboribetsu Onsen) และบรรยากาศโดยรอบกันเถอะ!
23. จิโกกุดานิ (Jigokudani / Hell Valley)
จิโกกุดานิ (Jigokudani) หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หุบเขานรก” (Hell Valley) เป็นหุบเขาที่งดงามและมีเอกลักษณ์ ตั้งอยู่เหนือเมืองโนโบริเบ็ทสึ ออนเซ็น (Noboribetsu Onsen) ไฮไลต์ของที่นี่คือบ่อพุร้อนที่พ่นไอน้ำขึ้นมาอยู่ทั่วบริเวณ รวมทั้งลำธารที่อุดมไปด้วยกำมะถัน วิธีที่ดีที่สุดในการสัมผัสบรรยากาศคือการเดินไปตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติที่ตัดผ่านเนินเขา หรือหากไม่อยากเดินมาก ก็สามารถนั่งชมวิวเพลิน ๆ พร้อมแช่เท้าในบ่อพุร้อนเล็กๆ รอบๆ ได้เช่นกัน
ที่อยู่: Noboribetsuonsenchō, Noboribetsu, Hokkaido 059-0551, Japan
ทัวร์ชมใบไม้ร่วงเพิ่มเติมในญี่ปุ่น
24. อิสุ & อาตามิ: ทัวร์วันเดียวชมใบไม้ร่วงที่ชูเซ็นจิ ออนเซ็น (Izu & Atami: Shuzenji Onsen Fall Foliage Viewing Day Tour – Depart from Tokyo or Shinjuku)
ออกสำรวจจุดชมใบไม้ร่วงที่สวยที่สุดในอิสุ (Izu) และอาตามิ (Atami) ด้วยทัวร์ชมใบไม้ร่วงสุดพิเศษนี้! โดยจุดแวะพักแรกคือสวนบ๊วยอาตามิ (Atami Plum Garden) ที่ขึ้นชื่อเรื่องดอกบ๊วยซึ่งบานเร็วที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น บางต้นเริ่มบานตั้งแต่ปลายเดือนธันวาคม ทำให้ที่นี่เป็นจุดแรก ๆ ที่สามารถชมดอกบ๊วยได้ในประเทศ นอกจากฤดูหนาวแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ยอดเยี่ยมสำหรับการชมใบไม้ร่วงเช่นกัน เพราะทั่วทั้งสวนจะถูกแต่งแต้มด้วยสีสันอันสดใสของฤดูใบไม้ร่วงตัดกับภูมิทัศน์ที่จัดแต่งไว้อย่างสวยงาม
จากนั้นเดินทางต่อไปยังชูเซ็นจิ ออนเซ็น (Shuzenji Onsen) เมืองออนเซ็นเก่าแก่ที่คุณสามารถผ่อนคลายด้วยการแช่น้ำพุร้อนได้อย่างเต็มอิ่ม ต่อด้วยการแวะที่นิจิโกะ (Nijigo) และสวนธรรมชาติชูเซ็นจิ (Shuzenji Nature Park) เพื่อสัมผัสความงามของสวนแบบญี่ปุ่นและตะวันตก รวมถึงป่าที่เต็มไปด้วยใบไม้สีแดงสด
25. ทัวร์ถ่ายรูปสุดฮิตภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji Popular Instagrammable Sightseeing Tour – Depart from Tokyo)
เพลิดเพลินกับความงดงามของภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) ที่ถูกโอบล้อมด้วยสีสันของฤดูใบไม้ร่วง กับทัวร์ถ่ายรูปสุดฮิต Mount Fuji Popular Instagrammable Sightseeing Tour (from Tokyo)!
ทัวร์นี้รวบรวมทุกจุดถ่ายรูปสุดปัง เหมาะสำหรับเก็บภาพภูเขาไฟฟูจิในมุมที่สวยที่สุดในฤดูกาลนี้
ไฮไลต์ของทัวร์ ได้แก่:
- สวนอาราคุระยามะ เซ็นเก็น (Arakurayama Sengen Park)
- ร้านนาฬิกาฮิคาวะ (Hikawa Clock Shop)
- โอชิโนะฮัคไค (Oshino Hakkai)
- สวนโออิชิ (Oishi Park)
- คาวากุจิโกะ เมเปิ้ล คอร์ริดอร์ (Kawaguchiko Maple Corridor)
- ลอว์สัน ฟูจิคาวากุจิโกะ ทาวน์ฮอลล์ (Lawson Fujikawaguchiko Town Hall)
26. ทัวร์ 1 วัน ชมใบไม้ร่วงซาโอ & หมู่บ้านสุนัขจิ้งจอก (Zao Autumn Leaves & Fox Village 1Day Open-Top Bus Tour – Depart from Sendai)
ชมวิวสุดตระการตาของปล่องภูเขาไฟโอกามะ (Okama Crater) ที่แต่งแต้มด้วยสีสันของฤดูใบไม้ร่วง ทั้งสีแดงและทอง ปล่องโอกามะซึ่งตั้งอยู่บนภูเขาซาโอ (Mount Zao) เป็นทะเลสาบภูเขาไฟที่งดงามมาก จนได้รับฉายาว่า “บ่อน้ำห้าสี” (Five Color Pond) เพราะผืนน้ำจะเปลี่ยนเฉดสีไปตามสภาพอากาศและแสง
นอกจากวิวใบไม้ร่วงแล้ว ไฮไลต์อีกอย่างคือการได้แวะชม (และอาจจะได้ใกล้ชิด!) กับเหล่าสุนัขจิ้งจอกสุดน่ารักที่หมู่บ้านจิ้งจอกซาโอ (Zao Fox Village)
27. ทัวร์ 1 วัน นิกโก้ โทโชกุ (Nikko Toshogu One Day Bus Tour – Depart from Tokyo)
ออกเดินทางจากโตเกียว (Tokyo) มุ่งหน้าสู่นิกโก้ (Nikko) กับทัวร์รถบัสแบบไปเช้าเย็นกลับ! จุดแรกคือการไปเยือนศาลเจ้าโทโชกุ (Nikko Toshogu Shrine) อันเก่าแก่และงดงาม สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แก่โชกุนโทกุงาวะ อิเอยาสุ (Tokugawa Ieyasu) ผู้ก่อตั้งรัฐบาลโชกุนตระกูลโทกุงาวะ (Tokugawa Shogunate) จากนั้นรับประทานมื้อกลางวันกับเมนู คุริ โอโคะวะ อาโออิ โกเซ็น (Kuri Okowa Aoi Gozen) อาหารเจสไตล์พุทธที่ทั้งอร่อยและอิ่มท้อง ก่อนออกเดินทางต่อไปยังเส้นทางอิโรฮะซากะ (Irohazaka Winding Road) ถนนสายดังที่มีโค้งถึง 48 โค้ง พร้อมวิวใบไม้เปลี่ยนสีสุดอลังการที่โอบล้อมอยู่รอบด้าน
ต่อด้วยการแวะที่ทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) เพื่อชมความงดงามของผืนน้ำใสสะท้อนกับสีสันใบไม้บนภูเขา และปิดท้ายด้วยการชมความยิ่งใหญ่ของน้ำตกเคงอน (Kegon Falls) ที่สายน้ำไหลตกลงมาจากความสูงกว่า 97 เมตร นี่คือทริปของการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างสมบัติทางวัฒนธรรมและความงดงามทางธรรมชาติของนิกโก้ (Nikko) ที่คุณจะไม่มีวันลืม!
28. กิฟุ: ทัวร์ 1 วัน ภูเขาโทโรเคย์ วัดเอโฮจิ & โครันเค “กรอบภาพซากุระและใบเมเปิ้ล” (Gifu: Torokei Mountain Eihoji Temple & Korankei "Cherry Blossom and Maple Leaf Frame" Day Tour – Depart from Nagoya)
ทัวร์นี้ถือว่าแปลกใหม่ไม่เหมือนใคร เพราะคุณจะได้ชมทั้งดอกซากุระ (Cherry Blossom) และใบเมเปิ้ล (Maple) ไปพร้อมกัน! ใช่แล้ว! พื้นที่โอบาระ (Obara) ในเมืองโตโยตะ (Toyota City) มีซากุระสายพันธุ์พิเศษที่ชื่อว่า “ชิคิซากุระ” (Shikizakura – Four-Season Cherry Blossoms) ที่สามารถบานได้ปีละ 2 ครั้ง คือในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ทำให้สามารถเห็นดอกซากุระและใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงเวลาเดียวกันได้ ซึ่งหาดูได้ยากมากในญี่ปุ่น
ไฮไลต์ของทัวร์:
- วัดเอโฮจิ (Toraikeyama Eihoji Temple): ชมต้นแปะก๊วยอายุกว่า 700 ปี และใบเมเปิ้ลแดงที่สวยงาม
- เทศกาลโอบาระ ชิคิซากุระ (Ohara Shiki Sakura Festival): เพลิดเพลินกับทิวทัศน์สุดตระการตาของต้นซากุระราว 10,000 ต้นที่เบ่งบานพร้อมใบไม้แดง
29. อามาโนะฮาชิดาเตะ & หมู่บ้านชาวประมงอิเนะ & หมู่บ้านมุงหลังคามิยามะ (Amanohashidate & Ine Funaya & Kyoto Gassho Village Miyama Thatched House No Sato Day Tour – Depart from Osaka)
ร่วมสำรวจความงดงามของฤดูใบไม้ร่วงที่เมืองอิเนะ (Ine Town) และอามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate) ในทัวร์วันเดียวสุดพิเศษนี้!
เมืองอิเนะ (Ine): เมืองประมงเล็กๆ ริมชายฝั่งที่มีเสน่ห์โดดเด่นจาก “ฟุนายะ” (Funaya) บ้านไม้ดั้งเดิมที่สร้างอยู่เหนือน้ำ ชั้นล่างใช้เก็บเรือ ส่วนชั้นบนเป็นที่อยู่อาศัย เมืองอิเนะขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศสงบเงียบ เปิดโอกาสให้ได้สัมผัสวิถีชีวิตชายฝั่งแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น และความสวยงามของธรรมชาติริมทะเลญี่ปุ่น
อามาโนะฮาชิดาเตะ (Amanohashidate): ตั้งอยู่ในจังหวัดเกียวโต (Kyoto) และเป็นหนึ่งใน “สามวิวทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดของญี่ปุ่น” (Nihon Sankei) จุดเด่นคือสันทรายธรรมชาติที่ปกคลุมด้วยต้นสนทอดยาวข้ามอ่าวมิยาสึ (Miyazu Bay) ได้รับฉายาว่า “สะพานสู่สวรรค์” (Bridge to Heaven) โดยหากชมจากจุดชมวิวที่สูงขึ้นไป จะเห็นเส้นทางธรรมชาติแห่งนี้ราวกับลอยอยู่บนท้องฟ้าเมื่อมองกลับหัว ซึ่งเป็นธรรมเนียมการชมวิวที่มีชื่อเสียงในพื้นที่ ที่นี่เหมาะทั้งสำหรับการเดินเล่น ชมวิวจากเรือ หรือพักผ่อนท่ามกลางความสงบของธรรมชาติ
หมู่บ้านมุงหลังคามิยามะ (Miyama Kayabukinosato): เป็นหนึ่งในสามหมู่บ้านบ้านมุงหลังคาฟางที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่น คู่กับหมู่บ้านกัสโช (Gassho) ในชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go) ไฮไลต์คือการได้เดินชมบรรยากาศแบบชนบทญี่ปุ่นดั้งเดิม และยังมีโอกาสลิ้มลองไอศกรีม “มิยามะมิลค์” (Miyama Milk Ice Cream) แสนอร่อยอีกด้วย
31. ฤดูใบไม้ร่วงเท่านั้น: ทัวร์รถบัสโครันเค ชมใบไม้เปลี่ยนสี & โอบาระ ชิคิซากุระ (Autumn Only: Korankei Autumn Leaves & Obara Shikizakura Bus Tour – Depart from Nagoya)
ทัวร์รถบัส Autumn Maple and Obara Shikizakura Cherry Blossom เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่พาไปสัมผัสความงดงามเฉพาะฤดูกาลของญี่ปุ่น โดยจะพาไปยังสองจุดหมายสุดตระการตา ได้แก่ หุบเขาโครันเค (Korankei Gorge) ที่ขึ้นชื่อเรื่องใบเมเปิ้ลสีแดงสด และโอบาระ (Obara) ที่มีซากุระพันธุ์พิเศษ “ชิคิซากุระ” (Shikizakura) เบ่งบานท่ามกลางใบไม้ร่วง
32. ทัวร์วัดมีเดระ ชมไฟประดับใบไม้ร่วง + ถนนต้นเมทาเซคัวเอีย (Miidera Temple Autumn Leaves Illumination + Metasequoia Tree Lined Day Tour – Depart from Shiga / Osaka)
ทัวร์ Miidera Temple Autumn Lighting Day Tour มอบประสบการณ์ที่น่าหลงใหลกับการชมใบไม้ร่วงยามค่ำคืนที่ถูกประดับไฟ ณ วัดมีเดระ (Miidera Temple) จังหวัดชิกะ (Shiga) การได้ชมทั้งใบไม้เปลี่ยนสีญี่ปุ่น พร้อมสถาปัตยกรรมอันงดงามของวัด และสวนอันเงียบสงบในบรรยากาศยามค่ำคืน ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่แตกต่างออกไปจากการชมในเวลากลางวัน
ไฮไลต์อื่น ๆ ของทัวร์:
- วัดอิชิยามะเดระ (Ishiyama-dera Temple): มีชื่อเสียงในฐานะจุดเริ่มต้นของ วรรณคดีเรื่องเกนจิ (The Tale of Genji) ตัววัดตั้งอยู่บนหินแร่ wollastonite ขนาดใหญ่
- ทางเดินปรัชญา (Philosopher’s Path): เส้นทางเดินเล่นยาว 2 กม. ขนานไปกับคลองที่นำน้ำมาจากทะเลสาบบิวะ (Lake Biwa)
- ถนนต้นเมทาเซคัวเอีย (Metasequoia Avenue): เส้นทางที่งดงามด้วยแนวต้นเมทาเซคัวเอียเรียงรายทั้งสองข้างถนน
BONUS: แต่งกายด้วยกิโมโนหรือยูกาตะ (Kimono and Yukata)
อยากให้ภาพถ่ายใบไม้ร่วงดูพิเศษขึ้นอีกสักหน่อยไหม? ลองเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการแต่งชุดยูกาตะ (Yukata) หรือกิโมโน (Kimono) ถ่ายรูปกันดูสิ! บางร้านยังมีบริการให้เช่าชุดกิโมโนและยูกาตะสำหรับเด็กด้วย เหมาะสำหรับครอบครัวที่อยากถ่ายภาพร่วมกันเป็นที่ระลึก
เพียงแค่เช่าชุดยูกาตะหรือกิโมโนผ่าน Klook แล้วออกไปเก็บภาพสวย ๆ ท่ามกลางใบไม้เปลี่ยนสี รับรองว่าภาพจะออกมาสวยโดดเด่น จนเพื่อน ๆ ต้องอิจฉาในอินสตาแกรมแน่นอน!
Tips for Visiting Japan During Autumn
เคล็ดลับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นช่วงฤดูใบไม้ร่วง
1. จองล่วงหน้า — ช่วงพีคของการท่องเที่ยว
ฤดูใบไม้ร่วงถือเป็นหนึ่งในฤดูกาลท่องเที่ยวยอดนิยมที่สุดของญี่ปุ่น โดยเฉพาะเมืองดัง ๆ อย่างเกียวโต (Kyoto), นิกโก้ (Nikko) และภูมิภาคฟูจิไฟว์เลกส์ (Fuji Five Lakes) ที่พักและบัตรเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ มักจะถูกจองเต็มอย่างรวดเร็ว ดังนั้นควรวางแผนจองที่พักและทัวร์วันเดียวล่วงหน้าไว้ก่อน
🗓 Klook Tip: ใช้แผนที่พยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี (Foliage Forecast Maps) เพื่อติดตามช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการชมใบไม้ร่วงในแต่ละภูมิภาค พื้นที่ทางตอนเหนืออย่างฮอกไกโด (Hokkaido) จะเริ่มเปลี่ยนสีตั้งแต่ปลายเดือนกันยายน ส่วนโตเกียว (Tokyo) และเกียวโต (Kyoto) มักจะพีคช่วงกลางถึงปลายเดือนพฤศจิกายน
2. แต่งกายให้เหมาะกับสภาพอากาศ — การใส่เสื้อผ้าหลายชั้นคือกุญแจสำคัญ
ในฤดูใบไม้ร่วง อากาศอาจเย็นสดชื่นในตอนเช้า อบอุ่นในช่วงบ่าย และกลับมาหนาวในตอนกลางคืน การแต่งตัวแบบเลเยอร์ด้วยผ้าที่ระบายอากาศได้ดีจะช่วยให้ปรับตัวตามอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปได้ง่าย อย่าลืมพกเสื้อแจ็กเก็ตหรือผ้าพันคอเบาๆ ติดตัวไว้ หากมีแผนเดินทางขึ้นเขาหรือไปชนบท อากาศจะยิ่งหนาวเย็นมากขึ้น แนะนำให้เตรียมถุงมือหรือชุดกันหนาวแบบบาง ไปด้วยเพื่อความสบาย
3. เลือกพักที่พักบรรยากาศสวย เช่น เรียวกัง (Ryokan)
เพื่อสัมผัสบรรยากาศฤดูใบไม้ร่วงอย่างเต็มที่ การพักในเรียวกัง (Ryokan) แบบดั้งเดิมเป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก โดยเฉพาะในพื้นที่อย่างฮาโกเนะ (Hakone), ทาคายามะ (Takayama) หรือภูมิภาคฟูจิไฟว์เลกส์ (Fuji Five Lakes) หลายแห่งมีออนเซ็นกลางแจ้งพร้อมวิวใบไม้เปลี่ยนสีสุดตระการตา เหมาะสำหรับการแช่น้ำผ่อนคลายหลังจากเที่ยวชมทั้งวัน
4. ลิ้มลองอาหารตามฤดูกาลในฤดูใบไม้ร่วง
ฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นยังเป็นฤดูแห่งการเก็บเกี่ยวที่เต็มไปด้วยอาหารอร่อย ลองชิมเมนูยอดนิยมอย่าง เห็ดมัตสึตาเกะย่าง (Grilled Matsutake Mushrooms), มันหวานย่าง (Yaki Imo) และของหวานจากเกาลัด เช่น คุริ โยกัง (Kuri Yokan) แม้แต่ร้านสะดวกซื้อก็ยังมีขนมตามฤดูกาลพิเศษให้เลือกลองด้วย!
5. เคารพธรรมเนียมท้องถิ่น
ควรใส่ใจมารยาทท้องถิ่นอยู่เสมอ โดยเฉพาะเมื่อไปเยือนศาลเจ้า วัด หรือสถานที่ธรรมชาติที่งดงาม ปฏิบัติตามป้ายที่ติดไว้ พูดคุยด้วยน้ำเสียงเบา และไม่เก็บใบไม้ที่ร่วงลงพื้นกลับไป
เทศกาลฤดูใบไม้ร่วง & การประดับไฟใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น
ฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นยังเป็นฤดูกาลแห่งเทศกาล เต็มไปด้วยงานประเพณีและการประดับไฟยามค่ำคืนที่ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้ช่วงเวลานี้พิเศษยิ่งขึ้น
เทศกาลที่ไม่ควรพลาด:
- จิได มัตสึริ (Jidai Matsuri – Kyoto): ขบวนพาเหรดย้อนยุคในช่วงปลายเดือนตุลาคม ผู้เข้าร่วมจะแต่งกายด้วยชุดจากหลายยุคสมัยในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
- ซัปโปโร ออทัม เฟสต์ (Sapporo Autumn Fest): เทศกาลเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวของฮอกไกโด (Hokkaido) ที่เต็มไปด้วยอาหารท้องถิ่นและสาเก
- คุรามะ ไฟเออร์ เฟสต์ (Kurama Fire Festival – Kyoto): จัดขึ้นปลายเดือนตุลาคม เมืองเล็ก ๆ บนภูเขาจะสว่างไสวไปด้วยคบเพลิงยักษ์สุดอลังการ
สัมผัสมนต์เสน่ห์ใบไม้ร่วงยามค่ำคืน
วัดและสวนหลายแห่งจะจัดงานประดับไฟใบไม้ร่วงในตอนกลางคืน ทำให้ต้นไม้และสถาปัตยกรรมส่องประกายงดงามราวต้องมนตร์ สถานที่แนะนำ เช่น:
- วัดเอกันโดะ (Eikando Temple – Kyoto)
- สวนริคุงิเอน (Rikugien Garden – Tokyo)
วัดคิโยมิสุเดระ (Kiyomizu-dera – Kyoto): ในช่วงเปิดพิเศษยามค่ำคืนฤดูใบไม้ร่วง
ค้นพบไอเดียเที่ยวญี่ปุ่นอีกมากมายได้ที่นี่!
🇯🇵 สิ่งจำเป็นสำหรับการท่องเที่ยวญี่ปุ่น🇯🇵
กิจกรรมแนะนำเมื่อมาเที่ยวญี่ปุ่น
- สถานที่ท่องเที่ยวในโตเกียว (Tokyo): teamLab Planets | SHIBUYA SKY | Tokyo Disneyland and Tokyo DisneySea | Warner Bros. Studio Tour Tokyo | Go Kart Experience
- สถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้า (Osaka): Universal Studios Japan | teamLab Botanical Garden Osaka | Osaka Castle | Go Karting
- ถ้าวางแผนเที่ยวหลายสถานที่ในเมืองเดียวกัน แนะนำ Klook Pass Greater Tokyo (ประหยัดได้สูงสุดถึง 48%) หรือ Klook Pass Osaka (ประหยัดได้สูงสุดถึง 43%)
การเดินทาง (Getting Around)
- รถรับส่งสนามบินจากโตเกียว (Airport Transfer from Tokyo): Skyliner Narita Express | JR Narita Express (NEX) | Airport Limousine Bus
- รถรับส่งสนามบินจากโอซาก้า (Airport Transfer from Osaka): Nankai Rapi:t Kansai Airport Express | JR Haruka Kansai Airport
- รถไฟและรถบัส (Train and Bus): Tokyo Subway Ticket (1/2/3 Days) | Japan Rail Passes | Welcome Suica Card | Kyoto & Osaka Sightseeing Pass
การเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ใช้งานง่ายด้วย Japan 4G eSIM พร้อมค้นหาที่พักที่ดีที่สุดในญี่ปุ่นได้สะดวก — แถมยังมีโปรโมชั่นโรงแรมพิเศษและดีลแบบแพ็กเกจอีกด้วย!
Klook คืออะไร?
Klook คือแพลตฟอร์มชั้นนำของเอเชียสำหรับการจองกิจกรรมและบริการท่องเที่ยวแบบครบวงจร
เราคัดสรรประสบการณ์คุณภาพ ตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ทัวร์ท้องถิ่น การเดินทางภายในประเทศ ไปจนถึงที่พักหลากสไตล์ ครอบคลุมกว่า 3,400 จุดหมายทั่วโลก
รองรับการใช้งานใน 15 ภาษา และสามารถชำระเงินได้มากกว่า 40 สกุลเงิน ผ่านช่องทางชำระที่หลากหลาย ทำให้การจองกับ Klook สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
Klook ก่อตั้งในปี 2014 มีเป้าหมายเพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับนักเดินทางทุกคน ไม่ว่าคุณจะเที่ยวใกล้บ้านหรือออกเดินทางไกล Klook พร้อมพาคุณเชื่อมต่อกับโลกแห่งประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา
🧡 ติดตาม Klook ได้ทาง
- Facebook: @klookth
- Instagram: @klooktravel_th
- TikTok: @klookth
- YouTube: @klookTH
- LINE Official Account: @klookth









































































