พระบรมมหาราชวัง
รีวิวเที่ยว พระบรมมหาราชวัง
ที่เที่ยวใกล้ พระบรมมหาราชวัง
คำถามพบบ่อยเมื่อไป พระบรมมหาราชวัง
วัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวังเปิดให้บริการกี่โมง?
วัดพระแก้วและพระบรมมหาราชวังเปิดให้บริการกี่โมง?
เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวังคือเมื่อไหร่?
เวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวังคือเมื่อไหร่?
ฉันสามารถเดินทางไปพระบรมมหาราชวังได้อย่างไร?
ฉันสามารถเดินทางไปพระบรมมหาราชวังได้อย่างไร?
ค่าใช้จ่ายในการเข้าชมพระบรมมหาราชวังราคาเท่าไหร่?
ค่าใช้จ่ายในการเข้าชมพระบรมมหาราชวังราคาเท่าไหร่?
ฉันสามารถซื้อบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวังล่วงหน้าได้กี่วัน
ฉันสามารถซื้อบัตรเข้าชมพระบรมมหาราชวังล่วงหน้าได้กี่วัน
มี Audio Guide ให้บริการในการเข้าชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือไม่?
มี Audio Guide ให้บริการในการเข้าชมพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดารามหรือไม่?
ฉันควรแต่งกายอย่างไรหากต้องการไปเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวัง?
ฉันควรแต่งกายอย่างไรหากต้องการไปเยี่ยมชมพระบรมมหาราชวัง?
ก่อนไป พระบรมมหาราชวัง ต้องรู้อะไรบ้าง?
เที่ยวพระบรมมหาราชวัง
สถาปัตยกรรมแนะนำในพระบรมมหาราชวังและวัดพระศรีรัตนศาสดาราม

พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท
พระที่นั่งจักรีมหาปราสาทเป็นอาคารที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมไทยและตะวันตก สร้างในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 โดยสถาปนิกชาวอังกฤษ จอห์น คลูนิช อาคารมีลักษณะเป็นตึกแบบตะวันตกแต่มียอดเป็นปราสาทไทย ประกอบด้วยพระที่นั่ง 3 องค์เรียงกัน มีพระที่นั่งพุดตานถมเป็นพระแท่นราชบัลลังก์ พระที่นั่งนี้ใช้ในพระราชพิธีสำคัญ เช่น การรับรองพระราชอาคันตุกะ และเป็นที่ประดิษฐานพระโกศพระบรมอัฐิของพระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ การก่อสร้างแล้วเสร็จและมีพิธีเฉลิมฉลองในปี พ.ศ. 2425 ซึ่งตรงกับวาระครบรอบ 100 ปีการสถาปนากรุงรัตนโกสินทร์
พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท
พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทเป็นพระที่นั่งองค์สำคัญในพระบรมมหาราชวัง สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช แทนพระที่นั่งอินทราภิเษกมหาปราสาทที่ถูกฟ้าผ่าเสียหาย มีลักษณะเป็นพระที่นั่งทรงจตุรมุขยอดมหาปราสาท ถอดแบบมาจากพระที่นั่งสุริยาสอมรินทร์ในกรุงศรีอยุธยา พระที่นั่งองค์นี้ใช้เป็นที่เสด็จออกว่าราชการและประกอบพระราชพิธีสำคัญมาตั้งแต่รัชกาลที่ 1 จนถึงปัจจุบัน นอกจากนี้ยังใช้เป็นที่ประดิษฐานพระบรมศพพระมหากษัตริย์และพระศพพระบรมวงศานุวงศ์ชั้นสูง ภายในประดับด้วยพระแท่นราชบัลลังก์และพระแท่นราชบรรจถรณ์ประดับมุก มีการปรับปรุงและเพิ่มเติมส่วนต่างๆ ในแต่ละรัชกาล เช่น การสร้างพระที่นั่งบุษบกมาลาในรัชกาลที่ 4 และการสร้างห้องสรงในรัชกาลที่ 6 ปัจจุบัน พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาทยังคงใช้ในการประกอบพระราชพิธีสำคัญ เช่น พระราชพิธีฉัตรมงคล และพิธีเวียนเทียนสมโภชเบญจราชกกุธภัณฑ์ แสดงให้เห็นถึงความสำคัญที่ยังคงอยู่ของพระที่นั่งองค์นี้ในฐานะศูนย์กลางของพระราชพิธีสำคัญของราชวงศ์จักรี

พระอุโบสถ
พระอุโบสถตั้งอยู่กลางกำแพงแก้วซึ่งสูงประมาณระดับอก มีใบเสมาคู่ประดิษฐานอยู่ทั้งแปดทิศเพื่อแสดงขอบเขตของพุทธาวาส การมีใบเสมาคู่นี้เป็นเครื่องบ่งชี้ว่าวัดแห่งนี้เป็นพระอารามหลวงที่สร้างขึ้นโดยพระมหากษัตริย์
ตัวพระอุโบสถสร้างขึ้นตามแบบสถาปัตยกรรมไทยประเพณี เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน หลังคามุงด้วยกระเบื้องเคลือบสีซ้อนกันหลายชั้น ประดับด้วยช่อฟ้า ใบระกา และหางหงส์อย่างงดงาม เสาเป็นเสาทรงหัวบัว ส่วนผนังด้านนอกตกแต่งด้วยการปิดทองและประดับกระจกสีเป็นลวดลายเรขาคณิต ภายในพระอุโบสถ ผนังด้านทิศตะวันตกเหนือประตูขึ้นไปเป็นภาพปริศนาธรรมเกี่ยวกับไตรภูมิ ส่วนผนังด้านทิศตะวันออกเป็นภาพพุทธประวัติตอนมารผจญและตรัสรู้ สำหรับผนังด้านทิศเหนือและใต้เป็นภาพพุทธประวัติในตอนต่างๆ และบริเวณใต้ช่องหน้าต่างของผนังทิศใต้มีภาพจิตรกรรมฝาผนังขนาดยาวเป็นภาพกระบวนพยุหยาตราชลมารคอันงดงามวิจิตร ขณะที่ผนังทิศเหนือเป็นภาพกระบวนพยุหยาตราสถลมารคที่แสดงให้เห็นขบวนทหารและบุคคลสำคัญบนหลังม้าและช้างอย่างยิ่งใหญ่
รอบฐานพระอุโบสถประดับด้วยรูปปั้นครุฑสัมฤทธิ์ปิดทองจำนวน 112 องค์กำลังยุดนาค ส่วนประตูทางเข้าออกทั้ง 6 บานทางด้านทิศตะวันออกและทิศตะวันตก มีสิงห์สำริดคู่ตั้งอยู่เพื่อพิทักษ์รักษา บานประตูแต่ละบานเป็นงานประดับมุกอันประณีตงดงาม แสดงภาพของเทพ อสูร และสัตว์ในป่าหิมพานต์ เช่นเดียวกับบานหน้าต่างประดับมุกทั้ง 9 บานทางทิศเหนือและ 9 บานทางทิศใต้ ซึ่งล้วนเป็นงานฝีมือชั้นสูงที่สร้างสรรค์ขึ้นอย่างประณีตบรรจงไม่แพ้กัน

พระมณฑป
อาคารสี่เหลี่ยมแบบดั้งเดิมนี้ ประดับด้วยบานประตูมุกแกะสลักฝังมุกและมีหลังคายอดมณฑปแบบไทย ถูกสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 เพื่อประดิษฐานตู้พระธรรมขนาดใหญ่ลงรักปิดทองประดับมุก ภายในบรรจุพระไตรปิฎกใบลาน ผนังภายนอกปูด้วยโมเสกแก้ว รอบฐานตกแต่งด้วยแถวเทพนมปูนปั้นปิดทองเรียงราย เหนือแถวยักษ์อสุรา สลับกับครุฑในตำนาน
ที่ประตูทั้งสี่ด้านมีรูปปั้นยักษ์สำริดปิดทองจากเรื่องรามเกียรติ์ยืนเฝ้าอยู่ บันไดทางขึ้นอาคารมีราวบันไดเป็นพญานาคเศียรคนทำจากปูนปั้นปิดทอง ที่มุมทั้งสี่ของอาคารยกพื้นประดิษฐานพระพุทธรูปหินจำลองสมัยพุทธศตวรรษที่ 19 (คริสต์ศตวรรษที่ 14) แทนของจริงที่แกะจากหินภูเขาไฟ ซึ่งเป็นของขวัญจากผู้สำเร็จราชการชาวดัตช์ถวายแด่รัชกาลที่ 5 เมื่อครั้งเสด็จเยือนวัดบุโรพุทโธ เกาะชวา อินโดนีเซีย ในปี พ.ศ. 2439 ปัจจุบันพระพุทธรูปของจริงได้ถูกย้ายไปประดิษฐานในพิพิธภัณฑ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ภายในพระบรมมหาราชวังแล้ว
หอพระมณเฑียรธรรม
หอพระมณเฑียรธรรมเป็นอาคารก่ออิฐถือปูนในพระบรมมหาราชวัง สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 โดยความร่วมมือระหว่างช่างหลวงและช่างวังหน้า ภายใต้การอำนวยการของสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาสุรสิงหนาท อาคารมีลักษณะสถาปัตยกรรมไทยประเพณี โดดเด่นด้วยซุ้มประตูทรงมณฑปตรงกลาง และซุ้มประตูทรงเรือนแก้วด้านข้าง บานประตูประดับด้วยงานศิลปะชั้นสูง ทั้งงานประดับมุกและลายรดน้ำ ภายในอาคารใช้เป็นที่เก็บรักษาพระไตรปิฎกฉบับต่างๆ ในตู้ประดับมุกจำนวน 9 ใบ นอกจากนี้ ยังมีจิตรกรรมฝาผนังที่แสดงถึงลักษณะศิลปะแบบวังหน้า
ปัจจุบัน หอพระมณเฑียรธรรมยังคงมีบทบาทสำคัญในการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา โดยมีการนิมนต์พระสงฆ์มาแสดงพระธรรมเทศนาทุกวันอาทิตย์และวันพระ เว้นแต่จะมีงานพระราชพิธีในพระบรมมหาราชวัง แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของอาคารนี้ในฐานะศูนย์กลางทางศาสนาและวัฒนธรรมภายในพระราชวัง
ปราสาทพระเทพบิดร
ปราสาทพระเทพบิดรเป็นสถาปัตยกรรมจัตุรมุขทรงไทยที่มีหลังคายกยอดแบบปรางค์ สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เมื่อปี พ.ศ. 2399 โดยเดิมมีพระราชประสงค์จะใช้เป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต แต่เมื่อสร้างเสร็จกลับพบว่าคับแคบเกินไป ในรัชกาลที่ 5 จึงได้นำเจดีย์กาไหล่ทองมาประดิษฐานแทน ต่อมาเกิดเหตุไฟไหม้และได้รับการบูรณะในรัชกาลที่ 6 พร้อมทั้งอัญเชิญพระบรมรูปของพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 1-5 มาประดิษฐาน และเปลี่ยนชื่อเป็น "ปราสาทพระเทพบิดร" ปัจจุบันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมรูปของพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 1-9 และมีการเปิดให้ถวายบังคมในวันสำคัญ
พระศรีรัตนเจดีย์
พระศรีรัตนเจดีย์เป็นเจดีย์ทรงระฆังคว่ำ สูง 40 เมตร ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2398 เพื่อประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ โดยแรกสร้างเป็นเจดีย์อิฐถือปูน ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้มีการประดับกระเบื้องสีทองจากอิตาลี ซึ่งเสร็จสิ้นในปี พ.ศ. 2425 พอถึงสมัยรัชกาลที่ 9 ได้มีการบูรณะอีกครั้ง โดยสั่งซื้อกระเบื้องสีทองจากอิตาลีมาแทนของเดิมที่ชำรุด เพื่อเฉลิมฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปีในปี พ.ศ. 2525
พระแก้วมรกต
พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะล้านนาตอนปลาย สร้างจากเนื้อหยกสีเขียวทั้งองค์ ขนาดหน้าตักกว้าง 48.3 เซนติเมตร สูง 66 เซนติเมตร เดิมพบในเจดีย์วัดป่าเยียะ เมืองเชียงราย และถูกหุ้มด้วยปูน เมื่อปูนกะเทาะออกจึงเห็นว่าเป็นหยกสีเขียว พระแก้วมรกตถูกอัญเชิญไปยังเมืองต่าง ๆ รวมถึงลำปาง เชียงใหม่ และหลวงพระบาง ก่อนจะมาอยู่ที่กรุงธนบุรีและสุดท้ายประดิษฐานที่วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ในสมัยรัชกาลที่ 1 พร้อมทั้งมีการสร้างเครื่องทรงสำหรับ 3 ฤดู

ความสำคัญทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ของพระบรมมหาราชวัง
พระบรมมหาราชวังเป็นพระราชวังหลวงที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 แห่งราชวงศ์จักรี เมื่อปี พ.ศ. 2325 เพื่อเป็นที่ประทับและศูนย์กลางการปกครองของราชธานีแห่งใหม่ คือ กรุงเทพมหานคร
พระองค์ทรงเลือกทำเลที่ตั้งบนฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา และโปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือวัดพระแก้ว ขึ้นภายในบริเวณพระบรมมหาราชวัง ตามธรรมเนียมโบราณที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย
ในการนี้ ได้อัญเชิญพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต จากวัดอรุณราชวราราม มาประดิษฐานในพระอุโบสถของวัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง
พระบรมมหาราชวังและวัดพระแก้วจึงเป็นศูนย์รวมของสถาปัตยกรรมและศิลปกรรมชั้นสูงของไทย แสดงถึงพระบรมเดชานุภาพของพระมหากษัตริย์และความเจริญรุ่งเรืองของราชอาณาจักรสยามในยุคต้นรัตนโกสินทร์
6 ที่เที่ยวใกล้พระบรมมหาราชวัง
1. วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)
ตั้งอยู่ฝั่งตรงข้ามถนนจากพระบรมมหาราชวัง วัดโพธิ์ถือเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดในกรุงเทพฯ มีชื่อเสียงเรื่องพระพุทธไสยาสน์ (พระนอน) ที่มีขนาดใหญ่ยาวถึง 46 เมตร เป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพานที่งดงามมาก ภายในวัดยังเป็นแหล่งกำเนิดของการนวดแผนไทยดั้งเดิม นักท่องเที่ยวสามารถเข้าชมจิตรกรรมฝาผนัง วิหารต่างๆ และสามารถรับบริการนวดไทยเพื่อผ่อนคลายได้อีกด้วย
2. วัดอรุณราชวราราม (วัดแจ้ง)
สามารถเดินทางข้ามเรือจากท่าเตียนฝั่งพระบรมมหาราชวังมายังฝั่งธนบุรี วัดอรุณมีจุดเด่นคือพระปรางค์สูงใหญ่ที่ประดับด้วยกระเบื้องเคลือบและชิ้นเปลือกหอยจีนสวยงามมาก โดยเฉพาะยามพระอาทิตย์ตก วัดอรุณถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของกรุงเทพฯ นักท่องเที่ยวสามารถปีนขึ้นไปยังชั้นบนเพื่อชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยาและเมืองเก่าได้
3. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพระนคร
ตั้งอยู่ใกล้กับพระบรมมหาราชวัง เดินถึงได้ง่าย ที่นี่จัดแสดงโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ และพระราชพัสตราภรณ์ต่างๆ ที่สะท้อนถึงประวัติศาสตร์ไทยตั้งแต่ยุคก่อนสุโขทัยจนถึงรัตนโกสินทร์ เหมาะสำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ และศิลปะไทยอย่างลึกซึ้ง
4. ถนนพระสุเมรุและป้อมพระสุเมรุ
ห่างจากพระบรมมหาราชวังเพียงไม่กี่นาที เป็นย่านเมืองเก่าที่ผสมผสานความเป็นวินเทจกับศิลปะร่วมสมัย เต็มไปด้วยคาเฟ่เก๋ๆ ร้านหนังสืออิสระ แกลเลอรี และงานสตรีทอาร์ต ป้อมพระสุเมรุเป็นป้อมปราการโบราณที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 1 เพื่อป้องกันเมือง
5. ถนนข้าวสาร
ถนนข้าวสาร อยู่ห่างจากพระบรมมหาราชวังประมาณ 10–15 นาทีโดยรถหรือเดินเท้า เป็นแหล่งรวมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก มีร้านอาหารนานาชาติ บาร์ ที่พักราคาประหยัด และร้านขายของฝากมากมาย แม้จะเป็นถนนสายเล็กแต่มีชีวิตชีวาและคึกคักตลอดทั้งวันและคืน
6. ท่ามหาราช
ท่ามหาราชเป็นท่าริมน้ำเจ้าพระยาที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ให้กลายเป็นศูนย์การค้าขนาดย่อม มีร้านอาหาร คาเฟ่ และบรรยากาศริมแม่น้ำสบายๆ สามารถชมวิวพระอาทิตย์ตกเหนือแม่น้ำเจ้าพระยาและพระบรมมหาราชวังได้อย่างสวยงาม เหมาะสำหรับการพักผ่อนระหว่างวัน
ดูกิจกรรมอื่น ๆ บน Klook
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในกรุงเทพมหานคร
- 1 ไอคอนสยาม
- 2 ซาฟารีเวิลด์
- 3 เซ็นทรัลเวิลด์
- 4 วัดอรุณ
- 5 สยามพารากอน (Siam Paragon)
- 6 วัดโพธิ์
- 7 เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟรอนท์
- 8 ตลาดนัดสุดสัปดาห์สวนจตุจักร
- 9 คิง เพาเวอร์ มหานคร
- 10 ถนนข้าวสาร
- 11 จ๊อดแฟร์
- 12 เอ็ม บี เค เซ็นเตอร์
- 13 วัดปากน้ําภาษีเจริญ
- 14 บรรทัดทอง
- 15 พร้อมพงษ์
- 16 สวนลุมพินี
- 17 ศูนย์การค้า เดอะ แพลทินัม แฟชั่น มอลล์
- 18 เกาะลันตา
- 19 ถนนเยาวราช