สุดยอดเมืองห้ามพลาดในประเทศญี่ปุ่น
กิจกรรมยอดนิยมในเมือง
โตเกียว
ห้ามพลาด: การผจญภัยในตัวเมือง ศูนย์รวมความอร่อย ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ สวนสนุกสุดหรรษา
สำรวจเมืองโตเกียว
เกียวโต
ห้ามพลาด: ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม สิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติ ปลายทางในฝันของนักท่องเที่ยว
สำรวจเมืองเกียวโต
โอซาก้า
ห้ามพลาด: การผจญภัยในตัวเมือง ศูนย์รวมความอร่อย ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ สวนสนุกสุดหรรษา
สำรวจเมืองโอซาก้า
ซัปโปโร

สำรวจกิจกรรมทั้งหมดในประเทศญี่ปุ่น

เลือกแล้ว
${item.name}
ล้างตัวกรอง
Parents NSW Vouchers

${searchActivityTotal}

เคล็ดลับท่องเที่ยว

เกี่ยวกับประเทศญี่ปุ่น

ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่ผสมผสานความทันสมัยกับเสน่ห์ดั้งเดิมได้อย่างลงตัว ตั้งแต่ตึกระฟ้าในโตเกียว วัดเก่าแก่ในเกียวโต ไปจนถึงธรรมชาติอันสวยงามในฮอกไกโด ไม่ว่าจะอยากสัมผัสวัฒนธรรม ศิลปะ เทคโนโลยี อาหาร หรือสวนสนุกระดับโลก ญี่ปุ่นก็มีให้ครบทุกสไตล์ พร้อมระบบขนส่งสาธารณะที่สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย ทำให้การเดินทางไปยังทุกภูมิภาคเป็นเรื่องง่ายสำหรับนักท่องเที่ยวทุกคน


ไปเที่ยวญี่ปุ่นกับ Klook


ประเทศญี่ปุ่นเป็นจุดหมายปลายทางที่ผสมผสานระหว่างความเก่าแก่และความทันสมัยได้อย่างลงตัว นักท่องเที่ยวสามารถดื่มด่ำกับวัฒนธรรมดั้งเดิมได้ในเมืองอย่างเกียวโต ที่ซึ่งเต็มไปด้วยวัดวาอารามอันงดงาม ศาลเจ้าชินโตอันเงียบสงบ และสวนหินที่จัดไว้อย่างประณีต การได้ลองสวมชุดกิโมโน เดินชมป่าไผ่ หรือเข้าร่วมพิธีชงชา ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าจดจำ ไม่ไกลจากโตเกียว เมืองคาวาโกเอะหรือคามาคุระก็มอบเสน่ห์ของเมืองเก่าให้ได้สัมผัสเช่นกัน


ในขณะเดียวกัน ญี่ปุ่นก็เป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีและความทันสมัย มหานครอย่างโตเกียวคือศูนย์รวมของแสงสีเสียง ตึกระฟ้า แฟชั่นสุดล้ำ และย่านชิบูย่าอันโด่งดัง ส่วนโอซาก้าก็มีชื่อเสียงในฐานะ "ครัวของชาติ" ที่นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับสตรีทฟู้ดเลิศรสอย่างทาโกะยากิและโอโคโนมิยากิ นอกจากนี้ การเดินทางทั่วประเทศยังสะดวกสบายอย่างเหลือเชื่อด้วยรถไฟชินคันเซ็น (รถไฟหัวกระสุน) ที่ตรงต่อเวลา ทำให้การผจญภัยในญี่ปุ่นเป็นเรื่องง่ายและน่าประทับใจไม่รู้ลืม


เมืองยอดนิยมในญี่ปุ่น


ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยเสน่ห์หลากหลายรูปแบบ แต่ละเมืองมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ไม่ว่าคุณจะชอบความทันสมัย วัฒนธรรมดั้งเดิม อาหาร หรือธรรมชาติ ญี่ปุ่นก็มีเมืองที่ตอบโจทย์ทุกสไตล์การเดินทาง


โตเกียว (Tokyo)


โตเกียวคือหัวใจของญี่ปุ่นและหนึ่งในมหานครที่คึกคักที่สุดในโลก เต็มไปด้วยแหล่งช้อปปิ้งล้ำสมัย ย่านแฟชั่น วัฒนธรรมอนิเมะ คาเฟ่ธีมสุดครีเอทีฟ และแลนด์มาร์กดังอย่าง Tokyo Tower, Skytree และ Shibuya Crossing เมืองนี้ผสมผสานเทคโนโลยีล้ำอนาคตกับวัดเก่าอย่าง Asakusa ได้อย่างลงตัว เหมาะกับสาย Urban และคนที่ต้องการสัมผัสความเป็นญี่ปุ่นแบบหลากหลายที่สุด


โอซาก้า (Osaka)


โอซาก้าคือเมืองแห่งความอร่อยและความสนุก พลาดไม่ได้กับทาโกะยากิ โอโคโนมิยากิ และร้านอาหารตลอดเส้น Dotonbori นอกจากนี้ยังขึ้นชื่อในฐานะเมืองแห่งสวนสนุก โดยมี Universal Studios Japan (USJ) เป็นไฮไลต์สำคัญ เมืองนี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบบรรยากาศเป็นกันเอง เฮฮา และเพลิดเพลินกับอาหารท้องถิ่นตลอดการเดินทาง


เกียวโต (Kyoto)


เกียวโตคือเมืองหลวงเก่าที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์ วัดโบราณ ศาลเจ้าสวยงาม และเส้นทางเดินชมธรรมชาติ เช่น Arashiyama Bamboo Grove นักเดินทางสามารถสัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของญี่ปุ่นผ่านการใส่กิโมโน เดินเล่นย่าน Gion หรือเยี่ยมชมวัดดังอย่าง Kinkaku-ji เมืองนี้สงบ งดงาม และเต็มไปด้วยเสน่ห์แบบญี่ปุ่นแท้ เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการซึมซับความเป็นดั้งเดิมอย่างแท้จริง


ซัปโปโร (Sapporo)


เมืองหลวงของฮอกไกโดที่โด่งดังด้านฤดูหนาว ซัปโปโรมีสกีรีสอร์ตระดับโลก เทศกาลหิมะ Sapporo Snow Festival และอาหารขึ้นชื่ออย่างมิโซะราเมน รวมถึงซัปโปโรเบียร์ในตำนาน เมืองนี้อากาศเย็นสบายตลอดปี ธรรมชาติสวยงาม และมีบรรยากาศสบาย ๆ แบบเมืองเหนือ เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่ชอบฤดูหนาวและกิจกรรมกลางแจ้ง


โอกินาว่า (Okinawa)


โอกินาว่าคือสวรรค์ของคนรักทะเล ด้วยน้ำทะเลใส หาดทรายขาว และบรรยากาศแบบ Tropical คล้ายฮาวายของญี่ปุ่น เหมาะสำหรับดำน้ำ พักผ่อนริมชายหาด หรือเดินเล่นในเมืองที่มีวัฒนธรรมริวกิวอันเป็นเอกลักษณ์ เกาะนี้เหมาะสำหรับครอบครัว คู่รัก และนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักผ่อนท่ามกลางทะเลสวย


ฟุกุโอกะ (Fukuoka)


ฟุกุโอกะเป็นเมืองใหญ่ในคิวชูที่เดินทางง่ายและมีบรรยากาศชิลกว่าโตเกียว จุดเด่นคืออาหารขึ้นชื่อ เช่น ราเมงสไตล์ฮากาตะ (Hakata Ramen) และโซน Yatai ริมน้ำที่ขายอาหารท้องถิ่นแบบสตรีทฟู้ด เมืองนี้สะดวกสบายและเป็นประตูสู่ภูมิภาคคิวชู เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเที่ยวเมืองใหญ่ที่ไม่วุ่นวายจนเกินไป


ฮิโรชิมะ (Hiroshima)


ฮิโรชิมะเป็นเมืองประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยความสงบและความงดงาม เช่น ศาลเจ้าศาลเจ้าอิตสึกูชิมะ ที่มีเสาโทริอิกลางทะเล อุทยานสันติภาพฮิโรชิมะ และเกาะมิยาจิมะ อาหารเด่นคือฮิโรชิมะโอโคโนมิยากิ เมืองนี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากเรียนรู้ประวัติศาสตร์และชมธรรมชาติสวยงามไปพร้อมกัน


นาโกย่า (Nagoya)


เมืองใหญ่อีกแห่งที่ขึ้นชื่อเรื่องความสะดวกสบายและการเดินทางที่ง่าย นาโกย่ามีทั้งมรดกทางวัฒนธรรม เช่น ปราสาทนาโกย่า แหล่งช้อปปิ้งกลางเมือง และอาหารเด่นอย่าง Tebasaki และ Miso Katsu เมืองนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเที่ยวเมืองใหญ่แบบไม่พลุกพล่าน และใช้เป็นฐานเดินทางไปทาคายาม่า ชิราคาวะโกะ หรือหมู่บ้านรอบภูมิภาคชูบุ


ฮอกไกโด (Hokkaido)


ฮอกไกโดเป็นจุดหมายยอดนิยมของญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยธรรมชาติสวยงาม อากาศสดชื่น และอาหารขึ้นชื่ออย่างซีฟู้ดและผลิตภัณฑ์นมคุณภาพสูง เกาะทางเหนือแห่งนี้โดดเด่นทั้งในฤดูหนาวที่มีสกีรีสอร์ตระดับโลกและเทศกาลหิมะซัปโปโร รวมถึงฤดูร้อนที่งดงามด้วยทุ่งลาเวนเดอร์และทะเลสาบใสราวกระจก บรรยากาศเงียบสงบ ไม่แออัด ทำให้เหมาะกับทั้งครอบครัว คู่รัก และนักเดินทางที่ต้องการสัมผัสเสน่ห์ญี่ปุ่นแบบธรรมชาติอย่างแท้จริง


สถานที่ท่องเที่ยวห้ามพลาดในญี่ปุ่น




ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji)


ภูเขาไฟฟูจิเป็นสัญลักษณ์สำคัญของญี่ปุ่นและเป็นหนึ่งในภูเขาที่สวยที่สุดในโลก ด้วยรูปทรงกรวยสมบูรณ์และยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะในบางช่วงฤดู ทำให้วิวของฟูจิมองจากมุมไหนก็งดงามไปหมด นักท่องเที่ยวนิยมชมวิวจากทะเลสาบทั้งห้ารอบฟูจิ เช่น คาวากุจิโกะ หรือขึ้นกระเช้าและจุดชมวิวต่างๆ ในพื้นที่ฟูจิฟายฟ์เลคส์ นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมตามฤดูกาล เช่น ปีนเขาในหน้าร้อน ชมดอกซากุระหรือดอกชิบะซากุระในช่วงฤดูใบไม้ผลิ และชมใบไม้เปลี่ยนสีในช่วงฤดูใบไม้ร่วง เรียกได้ว่ามาเที่ยวญี่ปุ่นกี่ครั้ง ฟูจิก็ยังเป็นที่ที่หลายคนอยากกลับมาอีก




อาราชิยาม่า (Arashiyama - เกียวโต)


อาราชิยาม่าเป็นย่านธรรมชาติยอดนิยมในเกียวโตที่ผสมผสานทั้งภูเขา แม่น้ำ และวัดวาอารามอย่างลงตัว ไฮไลต์สำคัญคือป่าไผ่อาราชิยาม่า เส้นทางเดินท่ามกลางกอไผ่สูงเสียดฟ้าที่ให้บรรยากาศสงบและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ไหน นอกจากนี้ยังมีสะพานโทเก็ตสึเคียว (Togetsukyo Bridge) ที่สามารถชมวิวภูเขาและแม่น้ำฮัทสึได้สวยงามเป็นพิเศษในช่วงซากุระบานและใบไม้เปลี่ยนสี รอบๆ ยังมีวัดดัง เช่น วัดเทนริวจิ ร้านคาเฟ่และร้านขนมแบบดั้งเดิม เหมาะสำหรับการใช้เวลาครึ่งวันหรือหนึ่งวันเต็มแบบช้าๆ ในเกียวโต


ศาลเจ้าฟุชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha - เกียวโต)


ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริเป็นศาลเจ้าเทพอินาริที่มีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น จุดเด่นคือเสาโทริอิสีแดงนับพันต้นที่เรียงตัวกันเป็นอุโมงค์ยาวตามเส้นทางขึ้นเขา สร้างบรรยากาศขลังและสวยแปลกตา นักท่องเที่ยวนิยมถ่ายรูปที่ด้านล่างของภูเขาและเดินขึ้นตามเส้นทางบางส่วนเพื่อชมวิวเมืองเกียวโตจากมุมสูง วัดแห่งนี้ยังมีรูปปั้นสุนัขจิ้งจอก (สื่อถึงเทพอินาริ) อยู่หลายจุด และเป็นสถานที่สำคัญด้านความเชื่อเรื่องการค้าและความเจริญรุ่งเรือง เหมาะสำหรับทั้งสายสายถ่ายรูปและสายวัฒนธรรม




วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu-dera - เกียวโต)


วัดคิโยมิซุเดระเป็นวัดเก่าแก่ของเกียวโตที่ตั้งอยู่บนเนินเขา ทำให้สามารถมองเห็นวิวเมืองได้แบบพาโนรามา จุดเด่นคือระเบียงไม้ขนาดใหญ่ที่ยื่นออกมาจากตัวอาคารหลักโดยไม่ใช้ตะปู รองรับด้วยเสาไม้ขนาดใหญ่จำนวนมาก ด้านล่างและโดยรอบวัดเต็มไปด้วยต้นไม้ที่สวยงาม โดยเฉพาะช่วงซากุระและใบไม้แดงที่สีสันสดใส นักท่องเที่ยวยังสามารถเดินเล่นต่อไปยังย่านฮิกาชิยาม่า ถนนสายเก่าที่เต็มไปด้วยร้านชา ร้านขนม และร้านขายของที่ระลึก บรรยากาศย้อนยุคสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ




สวนนารา (Nara Park - นารา)


สวนนาราเป็นสวนขนาดใหญ่อยู่ใจกลางเมืองนารา ที่โด่งดังจาก “กวางนารา” ที่เดินเล่นอย่างอิสระทั่วสวนและคุ้นเคยกับนักท่องเที่ยว กวางที่นี่ได้รับการคุ้มครองในฐานะสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในความเชื่อดั้งเดิม นักท่องเที่ยวสามารถซื้อขนมสำหรับกวาง (Shika Senbei) เพื่อให้อาหารและถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด ภายในสวนยังเป็นที่ตั้งของวัดและศาลเจ้าสำคัญหลายแห่ง เช่น วัดโทไดจิ ที่มีหลวงพ่อโตไดบุทสึขนาดยักษ์ ทำให้สวนนาราเป็นทั้งพื้นที่ธรรมชาติและแหล่งวัฒนธรรมในที่เดียว เหมาะสำหรับครอบครัวและผู้ที่ต้องการบรรยากาศสงบสบาย


หมู่บ้านชิราคาวาโกะ (Shirakawa-go)


ชิราคาวาโกะเป็นหมู่บ้านมรดกโลกที่มีชื่อเสียงจากบ้านทรงกัสโชสึคุริ (Gassho-zukuri) หลังคาสูงชันคล้ายมือพนม ออกแบบมาเพื่อให้หิมะไหลลงได้ง่ายในฤดูหนาว บรรยากาศหมู่บ้านรายล้อมด้วยภูเขาและธรรมชาติ ทำให้รู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปสู่ญี่ปุ่นในยุคเก่า ทุกฤดูมีเสน่ห์ต่างกันไป ทั้งหิมะขาวโพลนในฤดูหนาว ดอกไม้และต้นไม้เขียวในฤดูใบไม้ผลิ และสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นจุดชมวิวมองหมู่บ้านจากมุมสูง หรือพักในบ้านกัสโชบางหลังที่เปิดเป็นที่พักโฮมสเตย์




โตเกียวสกายทรี และ โตเกียวทาวเวอร์ (Tokyo Skytree & Tokyo Skytree - โตเกียว)


โตเกียวสกายทรี และ โตเกียวทาวเวอร์ เป็นสองหอคอยชมวิวสำคัญของโตเกียวที่ให้บรรยากาศต่างกัน Tokyo Skytree สูงกว่าและทันสมัยกว่า มีจุดชมวิวบนความสูงกว่า 450 เมตร สามารถมองเห็นเมืองโตเกียวแบบสุดสายตา พร้อมทั้งมีศูนย์การค้าและพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำอยู่ด้านล่าง ส่วน Tokyo Tower ให้ความรู้สึกคลาสสิกด้วยโครงสร้างเหล็กสีแดง–ขาว สร้างบรรยากาศย้อนวันวานของโตเกียวในยุคก่อน ทั้งสองแห่งเป็นจุดชมวิวเมืองและถ่ายรูปยอดนิยม โดยเฉพาะในช่วงค่ำที่แสงไฟของเมืองส่องประกายเต็มท้องฟ้า


วัดเซนโซจิ อาซากุสะ (Asakusa Sensoji Temple - โตเกียว)


วัดเซนโซจิในย่านอาซากุสะเป็นวัดที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในโตเกียว และเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่นักท่องเที่ยวแทบทุกคนต้องมาเยือน จุดเด่นคือประตูคามินาริมง (Kaminarimon) ที่มีโคมแดงขนาดใหญ่ซึ่งกลายเป็นสัญลักษณ์ของอาซากุสะ เบื้องหน้าวัดมีถนนช้อปปิ้งนากามิเซะที่เต็มไปด้วยร้านขายของที่ระลึก ขนมญี่ปุ่น และของฝากต่างๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นอายญี่ปุ่นดั้งเดิมผสมกับความคึกคักของนักท่องเที่ยว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการมาถ่ายรูป เดินชิมขนม และสัมผัสวัฒนธรรมโตเกียวฝั่งเก่าที่มีเสน่ห์ไม่แพ้ย่านสมัยใหม่


ปราสาทโอซาก้า (Osaka Castle - โอซาก้า)


ปราสาทโอซาก้าเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญที่สุดของภูมิภาคคันไซ และเป็นสัญลักษณ์ประวัติศาสตร์ที่สะท้อนพลังอำนาจของญี่ปุ่นในยุคซามูไร ตัวปราสาทตั้งอยู่กลางสวนสาธารณะขนาดใหญ่ รายล้อมด้วยคูน้ำ ป้อมหิน และต้นซากุระนับพันต้นที่สวยงามเป็นพิเศษในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ภายในปราสาทมีพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวของโทโยโทมิ ฮิเดโยชิ ผู้สร้างปราสาท พร้อมแบบจำลองสงคราม การจัดแสดงยุทโธปกรณ์ และหอชมวิวชั้นบนสุดที่มองเห็นเมืองโอซาก้าแบบพาโนรามา เป็นหนึ่งในจุดที่ควรไปเยือนทั้งสำหรับผู้ที่ชอบประวัติศาสตร์ และคู่รักหรือครอบครัวที่ต้องการเดินเล่นชมบรรยากาศสวยๆ รอบปราสาท


สวนสนุกยอดนิยมในญี่ปุ่น


ญี่ปุ่นคือสวรรค์ของคนรักสวนสนุกและธีมปาร์ก ทุกเมืองใหญ่มีโลกแห่งจินตนาการเป็นของตัวเอง ไม่ว่าจะมาเป็นครอบครัว คู่รัก หรือสายแฟนคลับคาแรกเตอร์ ก็สามารถเลือกสวนสนุกให้ตรงสไตล์ได้ไม่ยาก


Tokyo Disneyland & Tokyo DisneySea


โตเกียวดิสนีย์แลนด์ คือจุดหมายในฝันของทั้งเด็กและผู้ใหญ่ โดยมีสองสวนหลักคือ Tokyo Disneyland ที่ให้บรรยากาศคลาสสิกแบบเทพนิยาย ปราสาท เจ้าหญิง ขบวนพาเหรด และเหล่าคาแรกเตอร์ดิสนีย์สุดคุ้นเคย เหมาะมากสำหรับครอบครัวและคนที่อยากย้อนวัยเด็ก ส่วนโตเกียวดิสนีย์ซี จะมาในธีมทะเลและการผจญภัย โทนจะโตขึ้น เครื่องเล่นเน้นตื่นเต้นขึ้น และดีเทลงานตกแต่งสวยละเอียดมาก ถือเป็นสวนสนุกที่มีคอนเซ็ปต์เฉพาะตัวไม่เหมือนที่ไหนในโลก แฟนดิสนีย์หลายคนตั้งใจมาญี่ปุ่นเพื่อที่นี่โดยเฉพาะ


Universal Studios Japan


ยูนิเวอร์ซัล สตูดิโอส์ เจแปนเป็นสวนสนุกระดับโลกในโอซาก้าที่รวมโลกภาพยนตร์และเกมดังไว้ในที่เดียว ไฮไลต์คือโซน The Wizarding World of Harry Potter ที่จำลองฮอกวอตส์และหมู่บ้านฮอกส์มี้ดได้สมจริง โซน Super Nintendo World สำหรับแฟนมาริโอที่ได้ใส่สายรัดข้อมือแล้วตะลุยเก็บเหรียญเหมือนหลุดเข้าไปในเกมจริง รวมถึงเครื่องเล่นสุดมันจากภาพยนตร์ฮิตอย่าง Jurassic Park, Minions และ Spider-Man บรรยากาศในสวนสนุกเต็มไปด้วยเพลง เอฟเฟกต์ และขบวนพาเหรด ทำให้ทั้งวันสนุกแบบไม่รู้สึกเบื่อเลย


Sanrio Puroland


สำหรับสายคาแร็กเตอร์น่ารัก Sanrio Puroland คือโลกของ Hello Kitty และผองเพื่อนที่คุณไม่ควรพลาด สวนสนุกแห่งนี้เป็นธีมปาร์กในร่ม อยู่ไม่ไกลจากใจกลางโตเกียว ตกแต่งด้วยโทนหวาน สีพาสเทล และเต็มไปด้วยคาแรกเตอร์จาก Sanrio ทั้ง Hello Kitty, My Melody, Cinnamoroll และอีกมากมาย ภายในมีทั้งโชว์บนเวที ขบวนพาเหรด พื้นที่ถ่ายรูปสวย และคาเฟ่ธีมตัวละครแต่ละตัว เหมาะมากสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก รวมถึงสายติ่งคาแรกเตอร์ที่อยากใส่ชุดน่ารักเดินเล่นทั้งวัน


Legoland Japan (Nagoya)


Legoland Japan ที่นาโกย่าเป็นจุดหมายยอดฮิตของครอบครัวที่มีเด็กวัยประถมและคนที่ชอบตัวต่อเลโก้ ภายในสวนสนุกเต็มไปด้วยโซนเครื่องเล่นที่ออกแบบให้เด็กเล่นได้อย่างปลอดภัย พร้อมโซน Miniland ที่จำลองแลนด์มาร์กญี่ปุ่นทั้งประเทศจากตัวต่อเลโก้ละเอียดระดับจิ๋ว ไปจนถึงโซน Workshop ให้เด็กและผู้ใหญ่ได้ลองสร้างผลงานเลโก้ของตัวเอง บรรยากาศโดยรวมสดใส ไม่โหดเท่าสวนสนุกแนวโรลเลอร์โคสเตอร์ใหญ่ เหมาะกับครอบครัวที่อยากให้ลูกสนุกและได้ใช้จินตนาการไปพร้อมกัน


Ghibli Museum และ Ghibli Park


สำหรับแฟนสตูดิโอจิบลิ ตั้งแต่ Totoro, Spirited Away, Howl’s Moving Castle การมาเยือน Ghibli Museumที่มิตากะใกล้โตเกียว หรือ Ghibli Park ที่จังหวัดไอจิ ถือเป็นทริปในฝัน Ghibli Museum มีบรรยากาศอบอุ่นเหมือนหลุดเข้าไปในโลกการ์ตูน ห้องจัดแสดงเบื้องหลังการสร้างแอนิเมชัน ภาพต้นฉบับ และมุมลับให้เดินค้นหา ในขณะที่ Ghibli Park เป็นพื้นที่กลางแจ้งขนาดใหญ่ที่จำลองฉากจากเรื่องต่างๆ เช่น บ้านซัทสึกิและเมย์ หรือเมืองใน Spirited Away อย่างมีชีวิตจริง ทุกดีเทลออกแบบด้วยความประณีต ทำให้แฟนจิบลิรู้สึกเหมือนได้ไปเยี่ยม “บ้าน” ของตัวละครที่รักมาตั้งแต่เด็ก


กิจกรรมน่าสนใจในญี่ปุ่น


เสพงานศิลป์ที่ teamLab Borderless และ teamLab Planets


teamLab คือประสบการณ์ดิจิทัลอาร์ตที่หลายคนยกให้เป็น “ที่ต้องไปสักครั้งในชีวิต” โดยเฉพาะ teamLab Borderless และ teamLab Planets ที่โตเกียว ไฮไลต์ของที่นี่คือการใช้แสง สี เสียง และภาพดิจิทัลสร้างโลกศิลปะที่โอบล้อมผู้เข้าชมแบบ 360 องศา คุณไม่ได้แค่ “ดูภาพ” แต่จะเดินเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลป์จริงๆ เดินผ่านห้องกระจก ห้องไฟระย้า ทะเลดอกไม้ดิจิทัล หรือห้องที่น้ำและแสงโต้ตอบกับการเคลื่อนไหวของร่างกาย ประสบการณ์จึงเปลี่ยนไปตามทุกก้าวเดิน เหมาะมากสำหรับทั้งสายถ่ายรูป สายอาร์ต และคนที่อยากลองอะไรใหม่ๆ ที่ญี่ปุ่นเท่านั้นถึงจะสัมผัสได้เต็มอารมณ์




ชมวิวที่จุดชมวิว Shibuya Sky และ Roppongi Hills


จุดชมวิวบนตึกสูงเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมยอดฮิตของการเที่ยวโตเกียว โดยเฉพาะตึกชิบูย่า สกายที่ตั้งอยู่เหนือย่านชิบุยะแสนคึกคัก ไฮไลต์คือดาดฟ้าแบบเปิดโล่งที่มองเห็นสี่แยกชิบุยาจากมุมสูง พร้อมวิวเมืองโตเกียวแบบพาโนรามา 360 องศา ทั้งกลางวันและกลางคืนให้ฟีลต่างกันอย่างชัดเจน ส่วน Roppongi Hills (Tokyo City View) จะให้บรรยากาศโตเกียวมุมเนี้ยบ เหมาะกับการชม Tokyo Tower และเส้นขอบฟ้าเมืองใหญ่จากด้านบน นักท่องเที่ยวจำนวนมากนิยมจองตั๋วล่วงหน้าเพื่อเลือกช่วงเวลาพระอาทิตย์ตกแล้วต่อด้วยวิวไฟกลางคืน ซึ่งกลายเป็นภาพจำของโตเกียวที่สวยที่สุดแบบหนึ่ง


แช่ออนเซ็นและน้ำพุร้อนในเมืองดังของญี่ปุ่น


การแช่ออนเซ็นถือเป็นประสบการณ์ที่แทบทุกคนอยากลองเมื่อมาท่องเที่ยวญี่ปุ่น ไม่ว่าจะเป็นออนเซ็นกลางแจ้งท่ามกลางหิมะในฮอกไกโด ออนเซ็นกลางหุบเขาในฮะโกเนะ หรือออนเซ็นวิวภูเขาฟูจิ น้ำแร่ธรรมชาติอุ่นๆ ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ บรรเทาความเมื่อยล้าจากการเดินทาง และยังเป็นช่วงเวลาให้คุณได้หยุดพักจากความวุ่นวายของเมืองใหญ่สักครู่ นอกจากออนเซ็นแบบบ่อรวมแล้ว ยังมีเรียวคังที่ให้ประสบการณ์พักแบบญี่ปุ่นแท้ๆ พร้อมอ่างออนเซ็นส่วนตัวในห้อง ทำให้คุณได้เพลิดเพลินกับทั้งอาหารไคเซกิ ชุดยูกาตะ และการแช่น้ำร้อนในบรรยากาศเงียบสงบครบในที่เดียว


เช่ากิโมโนในเกียวโตและอาซากุสะ


การเช่ากิโมโนถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ช่วยให้การเที่ยวญี่ปุ่นน่าจดจำขึ้นอีกหลายเท่า โดยเฉพาะในเกียวโตและย่านอาซากุสะ โตเกียว ร้านเช่ากิโมโนจะมีชุดให้เลือกหลากหลาย ตั้งแต่ลายคลาสสิกไปจนถึงโทนสีสมัยใหม่ พร้อมบริการแต่งตัว ทำผม และอาจมีบริการถ่ายภาพเสริม นักท่องเที่ยวมักใส่กิโมโนเดินเล่นตามวัดและศาลเจ้า เช่น วัดคิโยมิซุ ฟุชิมิอินาริ หรือวัดเซนโซจิในอาซากุสะ ได้บรรยากาศย้อนยุคสไตล์ญี่ปุ่นแท้ๆ และได้รูปสวยกลับบ้านจำนวนมาก กิจกรรมนี้เหมาะทั้งสำหรับคนเดินทางคนเดียว คู่รัก หรือกลุ่มเพื่อนที่อยากสนุกด้วยกัน


เล่นสกีและสโนว์บอร์ดที่ฮอกไกโดและนากาโนะ


ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางด้านสกีที่ดีที่สุดในโลก โดยเฉพาะฮอกไกโด เช่น นิเซโกะ ฟุราโนะ และนากาโนะ เช่น ฮาคุบะ และ โนซาวะออนเซ็น ที่ขึ้นชื่อเรื่องหิมะคุณภาพดีหรือที่เรียกว่า "Powder Snow" ละเอียด นุ่ม และเล่นสนุก รีสอร์ตจำนวนมากมีลานสกีสำหรับทั้งมือใหม่และมือโปร รวมถึงโรงเรียนสอนสกีที่มีครูพูดภาษาอังกฤษให้บริการ นอกจากสกีและสโนว์บอร์ดแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆ เช่น สโนว์โมบิล เลื่อนหิมะ และแช่ออนเซ็นหลังเล่นสกีทั้งวัน ทำให้การเที่ยวหิมะในญี่ปุ่นเป็นประสบการณ์ที่ครบตั้งแต่เช้าจนค่ำ


Workshop วัฒนธรรม: ชงชา ทำซูชิ แกะสลักไม้ และกิจกรรมอื่นๆ


สำหรับคนที่อยากสัมผัสญี่ปุ่นให้ลึกกว่าการเดินเที่ยวทั่วไป กิจกรรมเวิร์กชอปเกี่ยวกับวัฒนธรรมคือคำตอบที่ดีมาก ไม่ว่าจะเป็นคลาสพิธีชงชาแบบดั้งเดิมที่คุณจะได้เรียนรู้ทั้งกิริยามารยาทและความหมายของแต่ละขั้นตอน คลาสทำซูชิหรือทำข้าวปั้นที่สอนโดยเชฟท้องถิ่นให้ลองปั้นเองจริงๆ หรือเวิร์กชอปงานฝีมืออย่างแกะสลักไม้ ทำพัดญี่ปุ่น เขียนพู่กัน หรือทำเครื่องรางสไตล์ญี่ปุ่น กิจกรรมเหล่านี้ช่วยให้เข้าใจความละเอียดอ่อนและความใส่ใจในรายละเอียดที่เป็นหัวใจของวัฒนธรรมญี่ปุ่น และยังได้ของที่ระลึกที่ตัวเองเป็นคนทำกลับไปด้วย


การเดินทางท่องเที่ยวในญี่ปุ่น


การเดินทางในญี่ปุ่นถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของทริป เพราะระบบขนส่งสาธารณะทั้งรถไฟ รถใต้ดิน และรถด่วนพิเศษมีความตรงเวลา สะอาด และครอบคลุมแทบทุกเมืองหลัก การเลือกใช้พาสและตั๋วเดินทางให้เหมาะกับแผนเที่ยวจึงช่วยประหยัดทั้งเวลาและงบประมาณได้มาก ด้านล่างนี้คือสินค้าขายดีที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เลือกจองล่วงหน้าก่อนเดินทาง


JR Pass - บัตรรถไฟ JR (ทุกภูมิภาคและรายภูมิภาค)


1. JR Pass แบบทั่วประเทศ


เหมาะสำหรับคนที่มีแพลนเที่ยวหลายเมืองในทริปเดียว เช่น โตเกียว - โอซาก้า - เกียวโต - ฮอกไกโด หรือฟุกุโอกะ จุดเด่นคือสามารถใช้ขึ้นรถไฟของเครือ JR ได้หลายประเภท ทั้งชินคันเซ็นส่วนใหญ่ รถด่วน รถเร็ว และรถท้องถิ่นภายในระยะวันที่กำหนด โดยไม่ต้องซื้อตั๋วแยกทุกครั้ง หากมีการขึ้นชินคันเซ็นข้ามเมืองหลายรอบ มูลค่าที่ได้คุ้มกว่าซื้อตั๋วเที่ยวเดี่ยวอย่างชัดเจน


2. JR Pass แบบรายภูมิภาค


ถ้าทริปของคุณเน้นเที่ยวเฉพาะภาค เช่น


- JR East (โทโฮขุ - คันโต)


- JR West (คันไซ - จูโงกุ)


- JR Hokkaido


- หรือพาสสำหรับ Kansai, Hokuriku, Chugoku ฯลฯ ก็จะยิ่งคุ้มขึ้นไปอีก เพราะราคาย่อมเยากว่าแบบทั่วประเทศ แต่ยังเดินทางได้ครอบคลุมในโซนที่เที่ยวจริง ตัวอย่างเช่น พาสภูมิภาคช่วยให้คุณนั่งชินคันเซ็นไปกลับระหว่างโอซาก้า เกียวโต ฮิโรชิมะ หรือคานาซาวะได้ในงบที่จับต้องได้มากกว่า


การจอง JR Pass ล่วงหน้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ช่วยให้คุณได้เอกสารหรือ QR Code พร้อมใช้งาน พอถึงญี่ปุ่นก็แค่ไปแลกเป็นพาสตัวจริงที่เคาน์เตอร์ JR และเริ่มใช้ได้ทันที


Tokyo Subway Pass


สำหรับการเที่ยวโตเกียวแบบเน้นในเมือง การซื้อ Tokyo Subway Pass เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่คุ้มที่สุด พาสนี้ใช้ขึ้นลงรถไฟใต้ดินของ Tokyo Metro และ Toei Subway ได้ไม่จำกัดเที่ยวในช่วงเวลาที่เลือก เช่น 24, 48 หรือ 72 ชั่วโมง เหมาะมากสำหรับคนที่วางแผนตะลุยหลายย่านในวันเดียว เช่น ชิบูย่า ชินจูกุ อากิฮาบาระ อุเอโนะ อาซากุสะ ฯลฯ


ข้อดีคือไม่ต้องคำนวณค่าโดยสารทุกครั้ง แค่แตะบัตรผ่านประตูเข้าออก แล้วเลือกเปลี่ยนสายตามแผนเที่ยวได้เลย ใครที่แพลนเที่ยวโตเกียวแบบแน่นๆ วันละหลายสถานี จะเห็นความคุ้มชัดเจนตั้งแต่วันแรกที่ใช้


Osaka Amazing Pass


Osaka Amazing Pass เป็นพาสที่รวมทั้งการเดินทางและสิทธิ์เข้าชมสถานที่ท่องเที่ยวในโอซาก้าหลายแห่งไว้ในใบเดียว เหมาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่อยากเก็บโอซาก้าให้คุ้มใน 1-2 วัน จุดเด่นคือ


ใช้ขึ้นรถไฟใต้ดินและรถไฟเอกชนที่ร่วมรายการได้ไม่จำกัดภายในโอซาก้า


เข้าฟรีหรือส่วนลดในสถานที่ดัง เช่น หอคอย Tsutenkaku, ล่องเรือในเมือง, พิพิธภัณฑ์บางแห่ง ฯลฯ


คนที่วางแผนเที่ยวแลนด์มาร์กในโอซาก้าแบบจัดเต็ม เช่น ปราสาทโอซาก้า ย่านนัมบะ เทนโนจิ และกิจกรรมล่องเรือชมวิวภายในวันเดียว จะพบว่าพาสนี้ช่วยประหยัดค่าเข้าและค่ารถได้มาก ช่วยลดความยุ่งยากในการซื้อตั๋วแยกหลายต่อ


Keisei Skyliner / Haruka Express / Nankai Rapi:t


กลุ่มรถด่วนสนามบินคือไอเทมที่ควรจองล่วงหน้ามากที่สุดอย่างหนึ่ง เพราะช่วยให้การเข้าเมืองหลังลงเครื่องเป็นเรื่องง่าย ไม่ต้องลากกระเป๋าเปลี่ยนขบวนหลายครั้ง


Keisei Skyliner (สนามบินนาริตะ – โตเกียว)


เหมาะสำหรับคนที่บินลงสนามบินนาริตะและต้องการเข้ากลางเมืองให้เร็วเป็นพิเศษ Skyliner ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีถึง Ueno หรือ Nippori ที่สามารถต่อ JR หรือ Tokyo Metro ต่อไปยังย่านอื่นได้สะดวก ที่นั่งกว้าง มีที่เก็บกระเป๋า และมีสำรองที่นั่งล่วงหน้าชัดเจน


Haruka Express (สนามบินคันไซ – โอซาก้า/เกียวโต)


หากคุณบินลงสนามบินคันไซ (KIX) และจะเข้าโอซาก้าหรือเกียวโต Haruka Express คือคำตอบที่สะดวกที่สุด รถด่วนเชื่อมสนามบินกับสถานีใหญ่ เช่น Tennoji, Shin-Osaka, Kyoto โดยไม่ต้องเปลี่ยนขบวนบ่อย และมักมีแพ็กเกจคู่กับบัตร IC หรือพาสอื่น ช่วยประหยัดค่าเดินทางเพิ่มเติม


Nankai Rapi:t (สนามบินคันไซ – Namba)เหมาะสำหรับคนที่ต้องการเข้าย่านนัมบะโดยตรง รถไฟดีไซน์ล้ำสมัย วิ่งตรงจากสนามบินคันไซเข้าสถานี Namba ใช้เวลาประมาณ 35–40 นาที และมักมีตั๋วโปรโมชั่นราคาพิเศษเมื่อจองล่วงหน้า เหมาะกับสายช้อปปิ้งหรือคนที่จองโรงแรมย่านนัมบะ ดนตันโบริ


Private Airport Transfers (นาริต, ฮาเนดะ, คันไซ)


สำหรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางเป็นครอบครัว กลุ่มใหญ่ หรือมีสัมภาระเยอะ การใช้บริการรถรับส่งสนามบินแบบส่วนตัวเป็นตัวเลือกที่สะดวกและสบายที่สุด คนขับจะมารอรับที่จุดนัดหมายในสนามบิน ช่วยขนกระเป๋า และพาไปส่งโรงแรมโดยตรง ไม่ต้องเปลี่ยนรถไฟหรือหลงเรื่องเส้นทาง รถส่วนใหญ่เป็นรถตู้หรือรถเก๋งขนาดใหญ่ที่รองรับกระเป๋าเดินทางได้เพียงพอ


บริการนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับ


เที่ยวกับเด็กเล็กหรือผู้สูงอายุ


เครื่องลงดึกหรือไฟลท์เช้า


โรงแรมอยู่นอกโซนรถไฟใต้ดินหลัก


การจองล่วงหน้าผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ทำให้รู้ราคาชัดเจน ไม่ต้องกังวลเรื่องภาษา หรือการเรียกแท็กซี่หน้างานในช่วงเวลาคนเยอะ


ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่ “เปลี่ยนหน้า” สวยทุกฤดู การวางแผนเที่ยวให้ตรงกับช่วงฤดูกาลจึงช่วยให้ทริปพิเศษขึ้นมาก ด้านล่างนี้คือไฮไลต์ตามฤดูกาลที่นักท่องเที่ยวไม่ควรพลาด


ไฮไลต์ตามฤดูกาล เจาะฤดูกาลท่องเที่ยวสำคัญของญี่ปุ่น


ฤดูซากุระ (มี.ค.-เม.ย.)


ฤดูซากุระคือช่วงเวลาที่ญี่ปุ่นทั้งประเทศกลายเป็นภาพโปสการ์ดจริง บรรยากาศเต็มไปด้วยต้นซากุระเรียงรายตามสวนสาธารณะ แม่น้ำ และศาลเจ้าต่างๆ ผู้คนจะออกมาปูเสื่อทำฮานามิ (ปิกนิกชมดอกไม้) ใต้ต้นซากุระทั้งกลางวันและกลางคืน เมืองยอดนิยม เช่น โตเกียว เกียวโต โอซาก้า ฟุกุโอกะ และเซนได มีจุดชมซากุระชื่อดังนับไม่ถ้วน เช่น สวนอุเอโนะ แม่น้ำเมกุโระ ปราสาทฮิเมจิ สวนมารุยามะ หรือทางเดินนักปราชญ์ในเกียวโต


ช่วงเวลาบานจะต่างกันตามภูมิภาค โดยภาคใต้และเมืองอุ่นอย่างฟุกุโอกะ ฮิโรชิมะ มักเริ่มบานปลายมีนาคม ส่วนโทโฮคุและฮอกไกโดจะบานช้ากว่าออกไปถึงปลายเมษายนถึงต้นพฤษภาคม ทำให้สามารถวางแผนไล่ตามซากุระจากใต้ขึ้นเหนือได้ ทริปซากุระจึงเป็นเหตุผลหลักที่หลายคนเลือกไปญี่ปุ่นครั้งแรก และมักอยากกลับไปซ้ำในปีต่อๆ ไป


ใบไม้เปลี่ยนสี (ต.ค.-พ.ย.)


ใบไม้เปลี่ยนสีฤดูใบไม้ร่วงคืออีกหนึ่งช่วงที่โรแมนติกมากของญี่ปุ่น จากต้นไม้สีเขียวจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นเหลือง ส้ม แดง จนทั้งภูเขาและสวนกลายเป็นพรมสีอบอุ่น สถานที่ยอดนิยม เช่น อาราชิยาม่าในเกียวโต วัดคิโยมิซุ วัดเอนเรียคุจิรอบๆ ทะเลสาบบิวะ เส้นทางรอบทะเลสาบคาวากุจิโกะ และอุทยานแห่งชาติต่างๆ ในโทโฮคุและฮอกไกโด


บรรยากาศช่วงนี้อากาศเริ่มเย็นสบาย เหมาะสำหรับการเดินเที่ยว ถ่ายรูป และแช่ออนเซ็นกลางภูเขาที่รายล้อมด้วยใบไม้สีแดง ทริปใบไม้เปลี่ยนสีมักได้รับความนิยมในหมู่นักเดินทางที่เคยไปญี่ปุ่นช่วงซากุระมาแล้ว และอยากสัมผัสอีกบรรยากาศที่สวยไม่แพ้กันแต่คนแน่นน้อยกว่า จุดเด่นคือสีสันของเมืองเก่า วัด และปราสาทที่ยิ่งดูขลังเมื่อมีฉากหลังเป็นภูเขาสีแดงทั้งแนว


ฤดูหนาว & สกี (ธ.ค.-มี.ค.)


ฤดูหนาวของญี่ปุ่นคือสวรรค์ของคนรักหิมะ ตั้งแต่เดือนธันวาคมถึงมีนาคม หลายพื้นที่จะปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน โดยเฉพาะฮอกไกโด โทโฮคุ และนากาโนะ ที่ขึ้นชื่อเรื่องผงหิมะคุณภาพดี เหมาะกับการเล่นสกีและสโนว์บอร์ด รีสอร์ตยอดนิยม เช่น Niseko, Furano, Tomamu, Hakuba และ Nozawa Onsen มีทั้งลานสกีสำหรับมือใหม่ไปจนถึงระดับโปร รวมถึงโรงเรียนสอนสกีที่รองรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ


นอกจากสกีแล้ว ฤดูนี้ยังมีเสน่ห์จากเทศกาลหิมะ เช่น Sapporo Snow Festival ที่มีประติมากรรมหิมะขนาดยักษ์และไฟประดับอลังการ อีกทั้งการแช่ออนเซ็นกลางหิมะในเรียวคังภูเขาก็เป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้จากที่อื่น ช่วงนี้เหมาะสำหรับทั้งครอบครัวที่อยากให้เด็กสัมผัสหิมะแบบฟินๆ คู่รักที่มองหาบรรยากาศโรแมนติก และนักเดินทางสายกิจกรรมกลางแจ้ง


เทศกาลดอกไม้ไฟ ฤดูร้อน


ช่วงฤดูร้อนของญี่ปุ่น (โดยเฉพาะกรกฎาคม-สิงหาคม) จะเต็มไปด้วยเทศกาลดอกไม้ไฟและงานเทศกาลท้องถิ่นหรือ “มัตสึริ” ทั่วประเทศ ไฮไลต์คือการชมดอกไม้ไฟริมแม่น้ำ ผู้คนใส่ยูกาตะ นั่งชมพลุหลากสีสะท้อนบนผิวน้ำ บรรยากาศทั้งสนุกและอบอุ่นในเวลาเดียวกัน เทศกาลชื่อดัง เช่น ดอกไม้ไฟริมแม่น้ำซุมิดะในโตเกียว ดอกไม้ไฟนาเกาฮามะ หรือดอกไม้ไฟในโอซาก้าและเมืองริมทะเลต่างๆ


ในงานจะมีร้านแผงลอยขายอาหารสไตล์ญี่ปุ่น เช่น ทาโกะยากิ ยากิโซบะ ไก่ย่างเสียบไม้ ไอศกรีมและของเล่นเด็ก ทำให้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่สนุกได้พร้อมกัน นักท่องเที่ยวสามารถวางแผนให้ทริปญี่ปุ่นชนกับงานดอกไม้ไฟสักหนึ่งงาน เพื่อสัมผัสบรรยากาศหน้าร้อนแบบคนญี่ปุ่นแท้ๆ


Winter Illuminations ทั่วประเทศ


ตั้งแต่ปลายพฤศจิกายนยาวไปจนถึงกุมภาพันธ์ ญี่ปุ่นจะมีงานประดับไฟฤดูหนาวหรือ Winter Illuminations ตามเมืองใหญ่และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญ บางที่จัดในศูนย์การค้า บางที่จัดในสวนกลางแจ้งหรือ theme park จุดเด่นคือการใช้ไฟ LED นับล้านดวงสร้างเป็นอุโมงค์ไฟ ทุ่งไฟ และฉากจำลองต่างๆ เช่น ท้องฟ้ายามค่ำคืน ทะเลดาว หรือเทพนิยาย


เมืองยอดนิยม เช่น โตเกียว (Shibuya, Roppongi, Marunouchi), นาโกย่า, โอซาก้า และสถานที่พิเศษอย่าง Nabana no Sato ในจังหวัดมิเอะ ที่ขึ้นชื่อเรื่องทุ่งไฟและอุโมงค์ไฟที่ยาวและสวยมาก งาน Illumination เหล่านี้ช่วยเติมเสน่ห์ให้ฤดูหนาวญี่ปุ่นโรแมนติกขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เหมาะสำหรับคู่รัก นักถ่ายภาพ และนักท่องเที่ยวที่อยากปิดท้ายวันเที่ยวด้วยการเดินชมไฟยามค่ำคืนแบบสบายๆ


เที่ยวญี่ปุ่น กินอะไรดี?


อาหารญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในเหตุผลสำคัญที่ทำให้ผู้คนจากทั่วโลกเดินทางมาญี่ปุ่น เพราะมีทั้งความประณีต เรียบง่าย แต่เต็มไปด้วยรสชาติที่ลึกซึ้ง อาหารแต่ละภูมิภาคมักสะท้อนธรรมชาติ วัตถุดิบ และวัฒนธรรมการกินของพื้นที่นั้นๆ ทำให้การเที่ยวญี่ปุ่นคือการ “ชิมญี่ปุ่นแบบแท้จริง” ไปในตัวด้วย นี่คืออาหารยอดนิยมที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนญี่ปุ่น


ซูชิ (Sushi)


อาหารประจำชาติที่มีชื่อเสียงที่สุดในญี่ปุ่น ซูชิเน้นวัตถุดิบทะเลสดคุณภาพสูง เช่น ปลาแซลมอน มากุโระ อูนางิ และหอยเชลล์ ร้านซูชิญี่ปุ่นมีตั้งแต่ Kaiten Sushi (ซูชิสายพาน) ไปจนถึงร้าน Omakase ที่เชฟจะคัดวัตถุดิบและปั้นซูชิให้แบบจานต่อจาน จุดเด่นคือความสดและความเรียบง่ายที่เน้นรสธรรมชาติของปลาเป็นหลัก


ราเมน (Ramen)


ราเมนญี่ปุ่นมีหลากหลายสไตล์ตามภูมิภาค เช่น


มิโซะราเมน ซัปโปโร: ซุปเข้มข้น หอมมัน


ชิโอะราเมน ฮาโกดาเตะ: ซุปรสเบา ใส แต่กลมกล่อม


โชยุราเมน โตเกียว/อาซาฮิคาวะ: กลิ่นซีอิ๊วหอมชัด


ทงคตสึราเมน ฟุกุโอกะ (ฮากาตะ): ซุปกระดูกหมูเข้มข้น
ราเมนคืออาหารที่ช่วยบอกตัวตนของแต่ละเมืองได้เป็นอย่างดี ทั้งเส้น เนื้อหมูชาชู และท็อปปิงต่างๆ


เทมปุระ (Tempura)


เทมปุระของญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องแป้งบางเบา กรอบ แต่ไม่อมน้ำมัน นิยมทอดกุ้ง ผัก ปลา ตามฤดูกาล เสิร์ฟคู่ข้าวและซอสเท็นซึยุ ความพิเศษของเทมปุระอยู่ที่ความแม่นยำของเชฟในการควบคุมอุณหภูมิและเวลา


วากิว (Wagyu)


วากิวหรือเนื้อวัวญี่ปุ่นเป็นอาหารระดับพรีเมียมที่หลายคนตั้งใจไปกินถึงถิ่น จุดเด่นอยู่ที่ไขมันลายหินอ่อนกระจายทั่วเนื้อ ทำให้เนื้อนุ่มละลายในปาก นิยมรับประทานแบบปิ้งย่าง (Yakiniku), สุกี้ยากี้ หรือชาบูชาบู สายเนื้อไม่ควรพลาดลองเปรียบเทียบวากิวแต่ละเกรดและแต่ละภูมิภาค เช่น โกเบ มัตสึซากะ หรือโอมิ


ชาบู–สุกี้ยากี้ (Shabu & Sukiyaki)


ชาบูเป็นการลวกเนื้อและผักในน้ำซุปร้อนเบาๆ ก่อนจิ้มซอสพอนสึหรือซอสงาครีม ส่วนสุกี้ยากี้จะตุ๋นเนื้อในซอสหวานเค็ม แล้วจุ่มไข่ดิบก่อนกิน ทั้งสองเมนูเป็นอาหารสำหรับมื้อสบายๆ เหมาะกับวันอากาศเย็นหรือมื้อครอบครัวที่อบอุ่น


ทงคัตสึ (Tonkatsu)


หมูชุบแป้งทอดแบบญี่ปุ่นที่เน้นความกรอบนอกนุ่มใน นิยมเสิร์ฟคู่ข้าว กะหล่ำฝอย และซอสทงคัตสึรสหวานเค็ม มีทั้งแบบหมูสันนอก สันใน หรือทงคัตสึชีส เป็นเมนูที่กินง่าย ถูกใจทั้งเด็กและผู้ใหญ่


อุด้ง & โซบะ (Udon & Soba)


อุด้งเส้นหนานุ่มและโซบะเส้นบักวีตเป็นเมนูที่พบได้ทั่วญี่ปุ่น แต่ละเมืองจะมีสูตรซุปและวิธีเสิร์ฟที่ต่างกัน เช่น อุด้งซานุกิจากคางาวะ หรือโซบะนาโงะจากนากาโนะ เหมาะสำหรับมื้อกลางวันแบบรวดเร็ว หรือวันที่อยากกินอะไรเบาๆ


โอโคโนมิยากิ & ทาโกยากิ (Osaka Street Food)


สองเมนูดาวเด่นของโอซาก้า


โอโคโนมิยากิ: แพนเค้กญี่ปุ่นใส่ผัก หมู อาหารทะเล ราดซอสหวาน


ทาโกยากิ: แป้งกลมยัดปลาหมึก โรยปลาแห้ง
บรรยากาศการเดินกินตามย่านโดทงโบริเป็นอีกเอกลักษณ์หนึ่งที่ทำให้โอซาก้าสนุกมากขึ้น


ขนมหวานญี่ปุ่น (Japanese Sweets)


ญี่ปุ่นมีของหวานหลากหลาย ตั้งแต่ โมจิ ชูว์ครีม ชีสทาร์ต ไดฟุกุ ไปจนถึงซอฟต์ครีมรสนมเข้มข้นจากฮอกไกโด ร้านขนมแต่ละภูมิภาคมีสูตรเฉพาะของตัวเอง เช่น มัชฉะเกียวโต หรือเมล่อนฮอกไกโด


ทัวร์ยอดนิยมในญี่ปุ่น


ทริปแบบไปเช้าเย็นกลับและทัวร์หลายวันในญี่ปุ่นได้รับความนิยมมาก เพราะช่วยให้เที่ยวได้หลายจุดแบบไม่ต้องกังวลเรื่องการต่อรถ วางแผนเส้นทาง หรือภาษา ไกด์จัดให้ครบทั้งการเดินทาง ไฮไลต์ และจุดถ่ายรูปสำคัญ ด้านล่างคือประเภททัวร์ยอดนิยมที่นักท่องเที่ยวมักจองบ่อย


ทัวร์ฟูจิ-ฮาโกเนะ


ทัวร์ฟูจิ-ฮาโกเนะเป็นหนึ่งในทริปยอดนิยมที่สุดสำหรับผู้ที่พักในโตเกียวและอยากเห็นภูเขาไฟฟูจิแบบใกล้ๆ ในหนึ่งวัน โดยปกติทัวร์จะรวมการเดินทางจากโตเกียวด้วยรถบัสหรือรถไฟ นำไปยังจุดชมวิวสำคัญรอบภูเขาไฟฟูจิ เช่น ทะเลสาบคาวากุจิโกะ หมู่บ้านโอชิโนะฮัคไค หรือจุดชมวิวตามฤดูกาล


บางแพ็กเกจจะพาไปนั่งเรือชมวิวบนทะเลสาบ แวะจุดชมวิวที่จะได้เห็นฟูจิสลับกับวิวเมืองเล็กๆ หรือขึ้นกระเช้าชมวิวเทือกเขาและทะเลสาบจากมุมสูง จากนั้นมักต่อไปยังฮาโกเนะ พื้นที่ออนเซ็นชื่อดังที่โอบล้อมด้วยภูเขาและธรรมชาติ มีทั้งหุบเขาโอวาคุดานิ พิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง และจุดชมวิวฟูจิในอีกมุมหนึ่ง ทัวร์ประเภทนี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวครั้งแรกในญี่ปุ่น ครอบครัว และคู่รักที่มีเวลาในโตเกียวไม่มาก แต่อยากสัมผัสทั้งภูเขาไฟฟูจิและบรรยากาศธรรมชาติใกล้กรุงให้ครบในวันเดียว


ทัวร์วัฒนธรรมเกียวโต


ทัวร์วัฒนธรรมเกียวโตเน้นการพาเที่ยววัด ศาลเจ้า และย่านเมืองเก่าที่สะท้อนความเป็นญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่างเต็มที่ มักเริ่มจากแลนด์มาร์กอย่างวัดคิโยมิซุเดระที่ตั้งอยู่บนเนินเขา มีระเบียงไม้ชมวิวเมืองเกียวโต จากนั้นอาจพาต่อไปยังฟุชิมิอินาริที่มีเสาโทริอิสีแดงเรียงกันเป็นอุโมงค์ หรือลานวัดทองคินคะคุจิที่สะท้อนเงาลงบนสระน้ำอย่างงดงาม


หลายทัวร์จะผสมประสบการณ์เชิงวัฒนธรรมเข้าไปด้วย เช่น การเดินเล่นย่านกิออนที่มีบ้านไม้โบราณ การลองใส่กิโมโนเพื่อถ่ายรูปตามตรอกเก่า หรือการเข้าชมโชว์วัฒนธรรมญี่ปุ่นที่รวมการรำ การดนตรี และพิธีชงชาไว้ในที่เดียว ทัวร์แบบนี้เหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากเข้าใจ “จิตวิญญาณญี่ปุ่น” ผ่านศิลปะ วัด และเมืองเก่ามากกว่าการวิ่งเก็บแค่แลนด์มาร์กถ่ายรูป


ทัวร์นาราครึ่งวัน


ทัวร์นาราครึ่งวันเหมาะมากสำหรับผู้ที่พักอยู่ในโอซาก้าหรือเกียวโตและอยากหาเวลาออกมาสัมผัสบรรยากาศเงียบๆ ในเมืองประวัติศาสตร์พร้อม "กวางนารา" อันโด่งดัง ทัวร์ทั่วไปจะพาไปยัง Nara Park ที่มีทั้งสวนขนาดใหญ่ วัดโทไดจิ และกวางกว่า 1,000 ตัวที่ใช้ชีวิตอย่างอิสระ


นักท่องเที่ยวสามารถซื้อขนมสำหรับกวาง (Shika Senbei) เพื่อให้อาหารและถ่ายรูปอย่างใกล้ชิด ไกด์มักจะเล่าเรื่องความเชื่อดั้งเดิมเกี่ยวกับกวางที่ถูกมองว่าเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงประวัติของเมืองนาราในฐานะเมืองหลวงเก่า ทัวร์ครึ่งวันทำให้คุณไป-กลับจากโอซาก้าหรือเกียวโตได้โดยไม่ต้องค้างคืน เหมาะมากสำหรับครอบครัวและคนที่ชอบทั้งธรรมชาติและวัดแบบสงบๆ ในทริปเดียว


ทัวร์หมู่บ้านชิราคาวาโกะ


ทัวร์หมู่บ้านชิราคาวาโกะเป็นทริปยอดนิยมสำหรับคนที่อยากสัมผัสญี่ปุ่นในบรรยากาศชนบทแท้ๆ หมู่บ้านแห่งนี้ขึ้นชื่อจากบ้านทรงกัสโชสึคุริ หลังคาสูงชันคล้ายมือพนมที่ออกแบบมาให้รับมือกับหิมะได้ดี พื้นที่รอบๆ ล้อมด้วยภูเขาและธรรมชาติ มองไปมุมไหนก็เหมือนภาพในโปสการ์ด


ทัวร์แบบไปเช้าเย็นกลับมักออกจากทาคายามะ คานาซาวะ หรือนาโกย่า โดยจะพาแวะจุดชมวิวที่มองเห็นทั้งหมู่บ้านจากมุมสูง จากนั้นให้เวลาเดินเล่นในหมู่บ้าน แวะร้านของหวาน ร้านชา พิพิธภัณฑ์บ้านเก่า หรือถ่ายรูปตามสะพานและลำธารเล็กๆ ชิ ราคาวาโกะสวยทุกฤดู ทั้งหิมะขาวโพลนในฤดูหนาว นาข้าวและต้นไม้เขียวในฤดูร้อน และใบไม้เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง ทัวร์นี้จึงเหมาะกับทั้งสายถ่ายรูปและคนที่อยากสัมผัสมรดกโลกในบรรยากาศอบอุ่นแบบหมู่บ้านญี่ปุ่น


ทัวร์สกีรีสอร์ต


ทัวร์สกีรีสอร์ตและทำกิจกรรมหิมะแบบไปเช้าเย็นกลับเป็นตัวเลือกยอดนิยมของผู้ที่พักในโตเกียวหรือนาโกย่า แต่อยากสัมผัสหิมะแบบเต็มวันโดยไม่ต้องค้างคืนในสกีรีสอร์ต ทัวร์ประเภทนี้มักรวมการเดินทาง รถรับส่ง อุปกรณ์ และบางครั้งรวมตั๋วลานสกีหรือกิจกรรมไว้เรียบร้อย


กิจกรรมยอดนิยม เช่น เล่นเลื่อนหิมะ สกีพื้นฐาน สโนว์บอร์ด เที่ยวลานหิมะสำหรับเด็ก หรือเดินเล่นในหมู่บ้านหิมะ บางทริปจะพาไปออนเซ็นหลังจากเล่นหิมะทั้งวันเพื่อให้ร่างกายผ่อนคลายมากขึ้น เหมาะสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก คู่รักที่อยากได้ภาพโรแมนติกท่ามกลางหิมะ และนักท่องเที่ยวที่อยากลองเล่นหิมะครั้งแรก โดยมีทีมงานคอยดูแลเรื่องความปลอดภัยและอุปกรณ์ให้เรียบร้อย

ข้อมูลทั่วไป

  • สกุลเงิน
    เยนญี่ปุ่น (JPY)

    1MYR = 37.72JPY

  • ภาษา
    ภาษาญี่ปุ่น
  • เวลาที่ดีที่สุดในการเดินทาง
    • มีนาคม - เมษายน

      ฤดูกาลชมดอกซากุระบาน

เมืองท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น