เมื่อสิ้นปีมาถึง สิ่งหนึ่งที่คนรักอาหารอย่างพวกเรารอคอยก็คือการประกาศรางวัลร้านอาหารในประเทศไทยที่ได้รางวัลมิชลินสตาร์! โดยในปีนี้ สุดยอดแห่งความภาคภูมิใจของคนไทยก็คือ เราได้เห็นร้านอาหารใต้ไฟน์ไดนิ่ง "ศรณ์" คว้ารางวัลสามดาวมิชลินร้านแรกในไทย ในขณะที่ร้านในตำนานอย่าง "เจ๊ไฝ" ก็คว้าหนึ่งดาวมิชลินมาเป็นปีที่ 8 ติดต่อกัน
ในปีนี้ นับได้ว่าการประกาศรางวัลมีความคึกคักเป็นอย่างมาก เพราะมีตั้งแต่รางวัลดาวมิชลินสามดวงครั้งแรกของประเทศ รางวัลสองดาวดวงใหม่ ร้านอาหารหนึ่งดาวมิชลิน และดาวมิชลินรักษ์โลกหน้าใหม่ จะมีร้านไหนที่เป็นร้านหน้าใหม่ที่ได้รับดาวมิชลินกันบ้าง มาอ่านบทความนี้กันเลย!
รางวัลสามดาวครั้งแรกของประเทศ
ศรณ์
ที่ตั้ง: กรุงเทพฯ
รูปแบบอาหาร: อาหารใต้
ร้านอาหารปักษ์ใต้ไฟน์ไดนิ่งแห่งนี้ตั้งอยู่ที่ ซ.สุขุมวิท 26 กรุงเทพมหานคร สร้างสรรค์ความอร่อยโดย “เชฟไอซ์-ศุภักษร จงศิริ” ร้านนี้ได้รับการจัดอันดับของมิชลินไกด์มาตั้งแต่ปี 2562 โดยในครั้งนั้นได้รับรางวัล 1 ดาวมิชลิน จากนั้น ศรณ์ ก็พัฒนาตนเองและเลื่อนระดับมาเป็น 2 ดาวมิชลินและครองอันดับนี้มาต่อเนื่องถึง 5 ปีเต็ม ในปี 2568 ศรณ์ก็ได้สร้างตำนานบทใหม่ ก้าวสู่การเป็นร้านอาหารไทยร้านแรกที่ได้รับรางวัลระดับ "3 ดาวมิชลิน" หรือร้านอาหารที่มิชลินไกด์ระบุว่าควรดั้นด้นเดินทางไปเพื่อชิมอาหารร้านนี้สักครั้ง
ร้านศรณ์ ปรุงอาหารใต้อย่างพิถีพิถัน ว่ากันว่าเชฟไอซ์-ศุภักษร จงศิริ ใช้ทั้งหัวใจ พรสวรรค์ และความพยายามในการสร้างสรรค์เมนูทุกจาน จึงทำให้เมนูของศรณ์เต็มไปด้วยความพิถีพิถันและลุ่มลึก สะท้อนถึงคุณภาพ ความเป็นเลิศ และอาหารที่มีรสชาติยอดเยี่ยมอันจะสร้างความทรงจำอันสุดแสนพิเศษให้ผู้มาชิมทุกท่าน
รางวัลสองดาวมิชลินหน้าใหม่
Côte by Mauro Colagreco
ที่ตั้ง: กรุงเทพฯ
รูปแบบอาหาร: อาหารสไตล์โมเดิร์น
โค้ทตั้งอยู่ที่ ชั้น 2 ของโรงแรมคาเพลลา กรุงเทพมหานคร ไม่เพียงแต่ร้านนี้ตั้งอยู่ในวิวสุดโรแมนติกที่เห็นคุ้งแม่น้ำเจ้าพระยา แต่ร้านนี้ยังขึ้นชื่อเรื่องการรังสรรค์อาหารสุดปราณีต ที่เชฟชาวอิตาเลียน Davide Garavaglia ได้นำเอารสชาติจากเฟรนช์ริเวียรา ผสมผสานกับกลิ่นอายจากเมดิเตอร์เรเนียน ฝรั่งเศส และอิตาลี ด้วยวัตถุดิบตามฤดูกาลที่ดีที่สุดผนวกกับฝีมือและความตั้งใจของเชฟ คุณจะได้รับประสบการณ์สุดพิเศษที่โค้ทอย่างแน่นอน
ร้านรางวัลหนึ่งดาวมิชลินหน้าใหม่
AVANT
ที่ตั้ง: กรุงเทพฯ
รูปแบบอาหาร: อาหารสไตล์โมเดิร์น
เอวองท์ตั้งอยู่ที่ชั้น 30 โรงแรมคิมป์ตัน มาลัย กรุงเทพมหานคร โดยมีเชฟชาวสิงคโปร์เป็นผู้สร้างสรรค์เมนูอาหารที่ผสานเทคนิคดั้งเดิมและสมัยใหม่เข้าด้วยกันอย่างลงตัว การนำเสนออาหารแต่ละเมนูมีความโดดเด่นสวยงามและมีศิลปะ สะท้อนให้เห็นถึงความพิถีพิถันในทุกรายละเอียดของเชฟ
GOAT
สถานที่: กรุงเทพฯ
รูปแบบอาหาร: อาหารไทยร่วมสมัย
ร้านโกทตั้งอยู่ที่ เอกมัย 10 แยก 2 เพียงก้าวเท้าเข้าไปในร้านก็สัมผัสได้ถึงเอกลักษณ์ของร้านที่ตกแต่งด้วยสีสันโดดเด่นในสไตล์ชิโน โปรตุกีส อาหารของร้านโกทเป็นอาหารไทยที่ผสมผสานกับวัฒนธรรมจีนและตะวันตกเข้าด้วยกันอย่างสนุกสนาน โดยเชฟใช้วัตถุดิบคุณภาพจากทั่วประเทศไทยมารังสรรค์เมนูสุดพิเศษให้กับแขกทุกท่าน
AKKEE
สถานที่ตั้ง: นนทบุรี
รูปแบบอาหาร: อาหารไทย
ร้านอัคคีตั้งอยู่ที่ อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ร้านแห่งนี้โดดเด่นด้วยรสชาติที่จัดจ้านจัดเต็มจากภูมิภาคต่างๆ ของไทย เชฟสิทธิกร ผู้เป็นเจ้าของร้านได้สร้างสรรค์เมนูไทยคลาสสิคให้เป็นอาหารที่มีเอกลักษณ์ รสชาติที่ถูกปาก มาพร้อมกับเซ็ตเมนูที่รับประทานคู่กับเบียร์สดของไทยได้อย่างลงตัว
Aulis
สถานที่: พังงา
รูปแบบอาหาร: อาหารเชิงสร้างสรรค์
ย้ายมาทางใต้กันบ้าง กับร้านอาวลิส ซึ่งตั้งอยู่ที่ ตะกั่วป่า จ.พังงา ร้านแห่งนี้นำโดยเชฟ Simon Rogan เปิดให้บริการครั้งแรกในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2566 ซึ่งเป็นร้านสไตล์เชฟส์เทเบิล ที่เสิร์ฟเมนูอาหารหลากหลายคอร์ส ใช้วัตถุดิบท้องถิ่นที่ปลูกโดยเกษตรกรในพื้นที่ ด้วยสไตล์ของเชฟส์เทเบิล คุณจะสามารถเพลิดเพลินไปกับวิธีการรังสรรค์อาหารของเชฟที่ปรุงอาหารด้วยเทคนิคชั้นเลิศ
Coda
สถานที่ตั้ง: กรุงเทพฯ
รูปแบบอาหาร: อาหารไทยร่วมสมัย
ร้านโคด้าตั้งอยู่ที่ ถ.วิทยุ กรุงเทพมหานคร ร้านไฟน์ไดนิ่งแห่งนี้พร้อมนำเสนอรสชาติอันแสนคุ้นเคยของอาหารไทยมาทำใหม่ให้น่าสนุกขึ้น ‘เชฟแท็ป-ศุภสิทธิ์ ก๊กผล’ ได้ผสมผสานมุมมองระดับสากลเข้ากับความรักบ้านเกิด มหาชัย ได้อย่างลงตัว โดยเชฟกล่าวว่าปรัชญาการทำอาหารคือการเชิดชูแก่นแท้ของอาหารไทยท้องถิ่น ทุกคำของอาหารเต็มไปด้วยความปราณีตละเอียดอ่อนและมีมิติ
รางวัลดาวมิชลินรักษ์โลกหน้าใหม่
บ้านเทพา
สถานที่ตั้ง: กรุงเทพฯ
รูปแบบอาหาร: อาหารไทยร่วมสมัย
ร้านอาหารบ้านเทพา ตั้งอยู่ที่ ถ.รามคำแหง หัวหมาก โดยมีเชฟตาม-ชุดารี เทพาคำ ผู้ชนะรางวัล MICHELIN Young Chef Award และเป็นหญิงไทยคนแรกที่พาร้านอาหารไทยไปสู่รางวัลสองดาวมิชลินเมื่อปี 2567 วันนี้เธอได้สร้างตำนานอีกครั้งเมื่อได้รับรางวัลดาวมิชลินรักษ์โลก ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงหลักปรัชญาในการทำงานรังสรรค์อาหารของเชฟตาม เธอให้ความสำคัญกับหลักการ Farm to Table นำเสนออาหารไทยรสชาติเยี่ยม ใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลจากผู้ผลิตที่คำนึงถึงความยั่งยืน และบางส่วนวัตถุดิบก็มาจากสวนของเธอนั่นเอง กล่าวกันว่า "ขยะ" เป็นสิ่งที่ไม่มีจริงที่บ้านเทพา เพราะที่นี่จะใช้วัตถุดิบทุกอย่างอย่างคุ้มค่า เศษอาหารจะถูกนำไปแปรรูปเป็นเครื่องปรุง,กระดองปูกลายเป็นงานศิลปะ, เศษผักผลไม้กลายเป็นปุ๋ยหมักคุณภาพดี ทำให้บ้านเทพาคู่ควรเป็นอย่างมากกับรางวัลดาวมิชลินรักษ์โลก





























