• ไปยังแอป
  • เลือกจุดหมายปลายทาง
  • คริสต์มาสญี่ปุ่น เที่ยวหน้าหนาวชมไฟประดับ พร้อมรู้ลึกวัฒนธรรมสุดน่ารัก

    Klook Thailand
    Klook Thailand
    อัปเดตล่าสุด 16 ธ.ค. 2025
    more
    คริสต์มาสญี่ปุ่น เที่ยวหน้าหนาวชมไฟประดับ พร้อมรู้ลึกวัฒนธรรมสุดน่ารัก
    งานไฟประดับฤดูหนาวที่ย่านมารุโนะอุจิ โตเกียว บรรยากาศโรแมนติก ไฟสวยงาม เป็นจุดท่องเที่ยวยอดนิยมของญี่ปุ่น
    ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศที่ทำให้เทศกาลคริสต์มาสมีเสน่ห์ต่างจากที่อื่นอย่างชัดเจน แม้จะไม่ใช่ประเทศที่นับถือศาสนาคริสต์เป็นหลัก แต่เมื่อเข้าสู่เดือนธันวาคมก็จะเริ่มเห็นเมืองต่าง ๆ ค่อย ๆ เปลี่ยนบรรยากาศไปสู่ความอบอุ่นแบบหน้าหนาว ต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ตั้งอยู่ตามหน้าห้าง ไฟประดับส่องสว่างไปทั่วถนนสายสำคัญ คาเฟ่และร้านขนมออกเมนูเฉพาะเทศกาล เรียกได้ว่าแค่เดินเล่นเฉย ๆ ก็รู้สึกได้ถึงความฟีลกู๊ดที่รายล้อมอยู่รอบตัว
    สำหรับใครที่กำลังวางแผนไปเที่ยว “คริสมาสญี่ปุ่น” สิ่งที่น่าสนใจไม่ใช่แค่ภาพเมืองที่เต็มไปด้วยไฟสวย ๆ เท่านั้น แต่ยังรวมถึงวัฒนธรรมที่ญี่ปุ่นนำคริสต์มาสมาปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของตัวเอง ทั้งการกินไก่ทอด เค้กสตรอว์เบอร์รี การออกเดตกับคนสำคัญ หรือการใช้เวลาเงียบ ๆ กับครอบครัว ท่ามกลางอากาศเย็นและหิมะโปรยบาง ๆ ในบางพื้นที่ บทความนี้จะพาไปรู้จักทั้งวัฒนธรรมคริสต์มาสแบบญี่ปุ่น ที่เที่ยวช่วงคริสต์มาสยอดนิยม และเคล็ดลับเล็ก ๆ ที่ช่วยให้การเที่ยวช่วงปลายปีในญี่ปุ่นพิเศษขึ้นกว่าเดิม

    คริสต์มาสญี่ปุ่นคืออะไร? ทำไมใคร ๆ ก็อยากไปช่วงเทศกาลนี้

    ช่วงคริสต์มาสในญี่ปุ่นมักไม่ได้ถูกพูดถึงในมุมของพิธีกรรมทางศาสนามากนัก แต่ถูกมองว่าเป็น “เทศกาลแห่งความสุขและความอบอุ่น” ที่ทุกคนสามารถร่วมสนุกได้ โดยไม่จำกัดว่าต้องนับถือศาสนาอะไร เมืองใหญ่อย่างโตเกียว โอซาก้า ซัปโปโร หรือเกียวโต จะเริ่มประดับไฟตั้งแต่กลาง–ปลายเดือนพฤศจิกายนลากยาวไปจนถึงช่วงปีใหม่ ทำให้บรรยากาศตั้งแต่หัวค่ำเต็มไปด้วยแสงสี ผู้คนออกมาเดินเล่น ถ่ายรูป และใช้เวลาร่วมกับคนที่ตัวเองรัก
    อีกมุมหนึ่งที่ทำให้คริสต์มาสในญี่ปุ่นต่างจากประเทศตะวันตก คือความรู้สึกที่คนญี่ปุ่นมักเชื่อมโยงเทศกาลนี้เข้ากับ “ความรักและความโรแมนติก” มากเป็นพิเศษ จนหลายคนเรียกขำ ๆ ว่าเป็นอีกหนึ่ง “วันสำคัญของคู่รัก” เลยทีเดียว ร้านอาหารจำนวนมากมีเซ็ตดินเนอร์สำหรับสองคน โรงแรมและร้านขนมมีโปรแกรมพิเศษสำหรับคืนคริสต์มาส ในขณะที่ครอบครัวที่มีเด็กเล็กก็จะสนุกกับการตกแต่งต้นคริสต์มาส ซื้อของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ และทานเค้กด้วยกันที่บ้าน เป็นบรรยากาศที่ไม่วุ่นวายจนเกินไป แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ทำให้รู้สึกอบอุ่น

    วัฒนธรรมคริสต์มาสญี่ปุ่นที่ควรรู้ก่อนเดินทาง

    วัฒนธรรมคริสต์มาสในญี่ปุ่นไม่ได้ลอกแบบมาจากที่ใดแบบตรงตัว แต่ค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นจากการผสมผสานวัฒนธรรมตะวันตกเข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนญี่ปุ่นเอง หลายอย่างดูคุ้นตา เช่น ต้นคริสต์มาส ซานตาคลอส หรือของขวัญ แต่เมื่อมองลึกลงไปในรายละเอียดจะพบว่าญี่ปุ่นตีความเทศกาลนี้ออกมาในแบบที่เป็นตัวเองมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นอาหารที่กินในวันสำคัญ เค้กประจำเทศกาล หรือบรรยากาศของค่ำคืนคริสต์มาสที่เน้นช่วงเวลาแห่งการเดตและการใช้เวลาร่วมกันของคนรัก

    1. กินไก่ทอดในวันคริสต์มาส ธรรมเนียมยอดฮิตแบบญี่ปุ่น

    ดินเนอร์คริสต์มาสสไตล์ญี่ปุ่น พร้อมเมนูไก่ทอดแบบดั้งเดิม
    หนึ่งในสิ่งที่หลายคนแปลกใจคือ คนญี่ปุ่นนิยมทาน “ไก่ทอด” ในวันคริสต์มาสกันอย่างจริงจัง ระดับที่บางร้านต้องจองล่วงหน้าเป็นสัปดาห์ ๆ เลยทีเดียว จุดเริ่มต้นมาจากแคมเปญโฆษณาในอดีตที่โปรโมตเซ็ตไก่ทอดสำหรับคริสต์มาส โดยใช้ภาพครอบครัวที่นั่งกินไก่ทอดด้วยกันในคืนวันพิเศษ จนภาพจำนี้ค่อย ๆ ติดอยู่ในหัวคนญี่ปุ่นจำนวนมาก และกลายเป็นธรรมเนียมยอดนิยมที่สืบต่อมาจนถึงปัจจุบัน
    สำหรับนักท่องเที่ยว การลองซื้อไก่ทอดในกล่องพิเศษช่วงคริสต์มาสมาลอง ถือเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์ที่สะท้อนวัฒนธรรมยุคใหม่ของญี่ปุ่นได้ดี บางร้านจะมีเซ็ตไก่ทอดพร้อมสลัด มักกะโรนี หรือไวน์ให้เลือก ขึ้นอยู่กับสไตล์ของแต่ละร้าน แม้จะไม่ใช่อาหารดั้งเดิมในมุมมองสากลของวันคริสต์มาส แต่กลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของ “คริสมาสญี่ปุ่น” ไปแล้วอย่างเต็มตัว

    2. เค้กสตรอว์เบอร์รี สัญลักษณ์หวาน ๆ ของคริสต์มาสในญี่ปุ่น

    ถ้าพูดถึงขนมประจำคริสต์มาสในญี่ปุ่น ภาพที่มักลอยมาเป็นอันดับแรกคือ “เค้กสตรอว์เบอร์รีครีมสด” ตัวเนื้อเค้กนุ่ม เบา ไม่หวานจัด ตัดกับสตรอว์เบอร์รีสีแดงสดและครีมสีขาว เป็นสีที่สื่อถึงความสดใสและความสุขในช่วงปลายปี เค้กแบบนี้มักถูกเรียกง่าย ๆ ว่า “คริสต์มาสเค้ก” และมีให้เห็นเต็มไปหมดตั้งแต่เชนเบเกอรีใหญ่ ๆ ไปจนถึงร้านขนมเล็ก ๆ ในย่านที่พักอาศัย
    หลายครอบครัวนิยมสั่งเค้กไว้ล่วงหน้า และนำมากินร่วมกันในคืนคริสต์มาสหลังจากทานอาหารเย็นเสร็จ สำหรับนักท่องเที่ยว การลองชิมเค้กสตรอว์เบอร์รีในร้านเบเกอรีญี่ปุ่นถือเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ช่วยเติมความรู้สึกของเทศกาลได้อย่างดี เพราะแต่ละร้านจะตกแต่งหน้าเค้กไม่เหมือนกัน บางที่ใช้รูปซานต้า บางที่ใช้ช็อกโกแลตคำว่า Merry Christmas หรือใช้ผลไม้หลากสีเพิ่มความสดใส เหมาะทั้งสำหรับถ่ายรูปและเป็นของหวานปิดท้ายวัน

    3. เดตในคืนคริสต์มาส คืนที่คู่รักรอคอย

    ผู้คนเดินเล่นบนถนนมารุโนะอุจิ นากะโดริ ที่ประดับไฟสวยงามในกรุงโตเกียวช่วงฤดูหนาว
    ในญี่ปุ่น วันที่ 24 และ 25 ธันวาคม มักถูกมองว่าเป็นช่วงเวลาที่โรแมนติกมาก โดยเฉพาะคืนวันที่ 24 ซึ่งหลายคู่จะใช้เวลาไปทานดินเนอร์ ดูวิวเมืองยามค่ำคืน หรือเดินชมไฟประดับตามย่านต่าง ๆ ร้านอาหารจำนวนไม่น้อยมีการจัดเมนู “Christmas Dinner” แบบคอร์สสำหรับสองคน โรงแรมบางแห่งจัดแพ็กเกจห้องพักพร้อมอาหารค่ำ บรรยากาศโดยรวมจึงออกมาในโทนโรแมนติกคล้ายวันวาเลนไทน์
    สำหรับนักท่องเที่ยว หากได้เดินเล่นในย่านยอดนิยมอย่างชินจูกุ ชิบูย่า รปปงงิ หรืออุเมดะในช่วงค่ำ จะเห็นคู่รักแต่งตัวสวย เดินจับมือกันถ่ายรูปกับไฟประดับและต้นคริสต์มาส บรรยากาศแบบนี้ช่วยเพิ่มเสน่ห์ให้การเที่ยวช่วงปลายปี ไม่ว่าคุณจะเดินคนเดียว กับเพื่อน หรือกับคนพิเศษ ก็สามารถซึมซับความรู้สึกดี ๆ จากรอบตัวได้ไม่ยาก

    4. ของขวัญเล็ก ๆ และการใช้เวลาร่วมกัน

    อีกหนึ่งมุมเล็ก ๆ ที่น่ารักของคริสมาสญี่ปุ่นคือการแลกเปลี่ยนของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ในหมู่เพื่อน ครอบครัว หรือคนที่ทำงานร่วมกัน ส่วนใหญ่มักเป็นของใช้ง่าย ๆ เช่น ผ้าพันคอ ถุงเท้าเท่ ๆ แก้วน้ำลายคริสต์มาส หรือขนมแพ็กสวย ๆ แทนการบอกความรู้สึกดี ๆ ในช่วงปลายปี ร้านค้าและห้างสรรพสินค้าจะมีมุมของขวัญพร้อมบริการห่ออย่างสวยงาม ทำให้การเลือกของขวัญกลายเป็นกิจกรรมสนุก ๆ อีกอย่างหนึ่ง
    การใช้เวลาร่วมกันเองก็สำคัญไม่แพ้กัน หลายครอบครัวอาจไม่ออกไปข้างนอก แต่เลือกทำอาหารง่าย ๆ ทานที่บ้าน เปิดเพลงคริสต์มาสเบา ๆ ตกแต่งต้นคริสต์มาสและถ่ายรูปเก็บไว้เป็นความทรงจำ สำหรับนักท่องเที่ยว การได้เห็นกิจกรรมแบบนี้ตามย่านที่พักอาศัย คาเฟ่เล็ก ๆ หรือร้านเบเกอรีในชุมชน ยิ่งทำให้รู้สึกว่าได้สัมผัสคริสต์มาสในมุมที่ไม่ใช่แค่ภาพของแสงสีในเมืองใหญ่เท่านั้น

    เมืองและที่เที่ยวคริสต์มาสญี่ปุ่นยอดนิยม ที่ควรลองไปสักครั้ง

    ช่วงเทศกาลคริสต์มาส เมืองสำคัญทั่วญี่ปุ่นจะจัดงานไฟประดับและกิจกรรมฤดูหนาวในสไตล์ของตัวเอง บางเมืองโดดเด่นเรื่องสกายไลน์ยามค่ำคืน บางเมืองเด่นเรื่องไฟประดับสีฟ้าที่ดูเหมือนโลกแฟนตาซี ในขณะที่บางเมืองขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศหิมะและตลาดคริสต์มาสแบบยุโรป การเลือกเมืองจึงขึ้นอยู่กับสไตล์การเที่ยวที่ชอบ เช่น ถ้าอยากได้ความทันสมัย เดินทางสะดวก ร้านอาหารและช็อปปิ้งครบ อาจเลือกโตเกียวหรือโอซาก้า แต่ถ้าอยากได้อารมณ์หิมะขาวโพลนและบรรยากาศคล้ายยุโรป ฮอกไกโดก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก

    โตเกียว เมืองแห่งไฟประดับและบรรยากาศคริสต์มาสสุดคึกคัก

    โตเกียวเป็นเมืองที่สามารถสัมผัสคริสต์มาสสไตล์ญี่ปุ่นได้อย่างครบเกือบทุกมิติ ทั้งงานไฟตามย่านดัง ห้างสรรพสินค้าที่แข่งกันจัดต้นคริสต์มาส คาเฟ่และร้านขนมที่ออกเมนูพิเศษ รวมถึงตลาดคริสต์มาสที่ได้แรงบันดาลใจจากยุโรปในหลายจุด แต่ละย่านมีเอกลักษณ์แตกต่างกัน เช่น รปปงงิที่โรแมนติกเหมาะกับการดูวิวเมือง ชิบูย่าที่คึกคักสายสตรีท และย่านโอโมเตะซานโดที่ถนนทั้งสายเต็มไปด้วยไฟประดับสีทอง
    สำหรับนักท่องเที่ยว การวางแผนแบ่งโซนชมไฟประดับในหนึ่งเย็น เช่น เดินจากชิบูย่าไปชิบุย่า สแครมเบิลสแควร์ แล้วค่อยนั่งรถไฟต่อไปยังรปปงงิ หรือเลือกโฟกัสแค่หนึ่ง–สองย่านเพื่อเดินแบบสบาย ๆ ก็ทำได้ตามเวลาและสภาพอากาศ

    1. Roppongi Hills & Keyakizaka Illumination

     ไฟประดับคริสต์มาสยามค่ำคืนในโตเกียว ประเทศญี่ปุ่น 
    ถนนเคยากิซากะ (Keyakizaka Street) ในย่านรปปงงิเป็นหนึ่งในจุดชมไฟคริสต์มาสที่โด่งดังที่สุดของโตเกียว ไฮไลต์คือแนวต้นไม้ริมถนนที่ถูกประดับด้วยไฟสีฟ้าขาวตลอดทั้งสาย เมื่อมองไปปลายถนนจะเห็นโตเกียวทาวเวอร์ตั้งเด่นอยู่ เป็นมุมถ่ายรูปที่被พูดถึงบ่อยมากในช่วงปลายปี บรรยากาศเหมาะสำหรับการเดินเล่นช้า ๆ ท่ามกลางลมหนาว แวะถ่ายรูป แล้วค่อยขึ้นไปชมวิวจากจุดชมวิวบนตึก หรือเลือกนั่งร้านกาแฟแถวนั้นเพื่อพักขา
    ในบริเวณ Roppongi Hills เองมักมีการจัดต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ และบางปีก็มีตลาดเล็ก ๆ ที่ขายของตกแต่ง ของขวัญเล็ก ๆ หรือขนมสไตล์ยุโรปเพิ่มมิติให้การเดินเล่นย่านนี้ยิ่งสนุกขึ้น ใครที่อยากสัมผัสบรรยากาศคริสต์มาสแบบหรูหราแต่ยังรู้สึกสบาย ๆ โตเกียวในมุมรปปงงิก็เป็นตัวเลือกที่ดี

    2. Shibuya Blue Cave อุโมงค์ไฟสีฟ้าสุดโรแมนติก

    อุโมงค์ไฟสีฟ้าเรืองแสงริมถนนในชิบูย่าช่วงเทศกาลคริสต์มาส
    Shibuya Blue Cave หรือ “Ao no Dokutsu” เป็นงานไฟที่สร้างชื่อให้ชิบูย่าอย่างมาก ภาพของอุโมงค์ไฟสีฟ้าที่ทอดยาวตลอดแนวถนน ทำให้พื้นที่นี้กลายเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์กสำคัญของคริสต์มาสในโตเกียว ความพิเศษอยู่ที่โทนสีฟ้าเข้มที่สะท้อนกับพื้นถนนในคืนที่อากาศหนาว จนรู้สึกเหมือนกำลังเดินอยู่ในโลกอีกใบหนึ่ง
    ตลอดแนวทางเดินจะมีคนมาถ่ายรูป ทั้งคู่รัก เพื่อน หรือครอบครัว บางมุมจะมีร้านขายเครื่องดื่มร้อน ขนม หรือของที่ระลึกเล็ก ๆ ให้แวะซื้อแก้หนาว ก่อนกลับอาจเดินต่อเข้าไปในโซนช็อปปิ้งของชิบูย่า แวะดูไฟหน้าห้างสรรพสินค้า หรือขึ้นไปชมวิวสี่แยกชิบูย่าจากชั้นบน ๆ ของตึก ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีใช้เวลาค่ำคืนคริสต์มาสอย่างเพลิดเพลิน

    3. ตลาดคริสต์มาสและไฟประดับรอบ Tokyo Midtown

    บริเวณ Tokyo Midtown มักจัดตลาดคริสต์มาสสไตล์ยุโรปขนาดกะทัดรัด แต่บรรยากาศอบอุ่น มีซุ้มขายของตกแต่ง ของขวัญเล็ก ๆ เทียนหอม เครื่องดื่มร้อน และของกินเล่นแบบโฮมเมด บางปีจะมีลานสเก็ตน้ำแข็งกลางแจ้งให้ลองเล่นด้วย การเดินเล่นในพื้นที่นี้ให้ความรู้สึกต่างจากย่านช็อปปิ้งอึกทึก เพราะจัดแสงและเสียงในโทนที่ผ่อนคลาย เหมาะกับคนที่อยากใช้เวลาชิล ๆ
    การตกแต่งไฟในสวนโดยรอบยังเป็นอีกหนึ่งจุดดึงดูด แนะนำให้มาถึงก่อนมืดเล็กน้อยเพื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของบรรยากาศจากตอนที่ไฟเริ่มเปิดใหม่ ๆ จนถึงช่วงเวลาที่ไฟติดเต็มพื้นที่ จะได้เก็บภาพความประทับใจครบทั้งสองอารมณ์

    โอซาก้า คริสต์มาสสีสันสดใสและกิจกรรมแน่นเมือง

    โอซาก้ามักถูกจดจำในฐานะเมืองสายกินและความคึกคัก แต่พอเข้าสู่ช่วงคริสต์มาส เมืองนี้ก็เพิ่มอีกมิติหนึ่งเข้าไปด้วยงานไฟสุดอลังและอีเวนต์ต่าง ๆ รอบแม่น้ำและย่านศูนย์กลาง เมืองอย่างนัมบะ อุเมดะ และเกาะนากาโนะชิมะถูกประดับไปด้วยไฟหลากสี จัดแสดง Mapping บนตึกเก่า และมีบูธขายของกินให้เดินถือกินไปเพลิน ๆ
    สำหรับสายสวนสนุก ที่โอซาก้ามีธีมพาร์คชื่อดังที่จัดโปรแกรมคริสต์มาสอย่างจริงจัง ทั้งขบวนพาเหรด ฉากหิมะโปรย และต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ ทำให้โอซาก้าเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์ทั้งสายเที่ยวเมือง สายช็อป และสายสวนสนุกไปพร้อมกัน

    1. Osaka Hikari Renaissance และ Festival of the Lights

    เทศกาลแสงไฟฤดูหนาวที่โอซาก้า รวมงาน Midosuji Illumination และ Hikari Renaissance ที่ประดับไฟสวยงามทั่วเมือง
    งาน Osaka Hikari Renaissance เป็นเทศกาลไฟประดับที่จัดขึ้นบริเวณเกาะนากาโนะชิมะ ตลอดแนวแม่น้ำจะถูกตกแต่งด้วยไฟและประติมากรรมแสงสี ในขณะที่ตึกประวัติศาสตร์บางแห่งจะถูกใช้เป็นฉากสำหรับ Projection Mapping เล่าเรื่องราวต่าง ๆ ให้ชมแบบฟรี ๆ บรรยากาศยามค่ำคืนจึงสวยงามและมีเสน่ห์ต่างจากเมืองอื่น
    สองฝั่งทางเดินริมแม่น้ำยังเต็มไปด้วยร้านขายอาหารและเครื่องดื่มง่าย ๆ เช่น ฮ็อตด็อก ขนมปัง ไวน์ร้อน และช็อกโกแลตร้อน ทำให้สามารถเดินชมไฟไป ทานอะไรอุ่น ๆ ไปได้อย่างสบาย ๆ ใครที่ชอบถ่ายรูปหรือชอบเสพงานแสงสีที่ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมเก่า งานนี้ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของโอซาก้าช่วงปลายปี
    2. บรรยากาศคริสต์มาสในสวนสนุกชื่อดังของโอซาก้า: Universal Studios Japan (USJ) Christmas 2025 - Universal Christmas Joy
    Universal Studios Japan (USJ) Christmas 2025 - Universal Christmas Joy
    คริสต์มาสปี 2025 ที่ Universal Studios Japan จัดขึ้นในธีม Universal Christmas Joy มาพร้อมคอนเซปต์ “Today, I’ll decorate it myself” หรือ “วันนี้จะตกแต่งความสุขด้วยตัวเอง” ที่ชวนให้นักท่องเที่ยวสร้างโมเมนต์พิเศษในแบบของตัวเอง บรรยากาศทั่วทั้งสวนเต็มไปด้วยไฟประดับ เสียงเพลง และกิจกรรมฤดูหนาวที่อบอุ่นเป็นพิเศษ
    ไฮไลต์ของปีนี้คือโชว์ใหม่ Light Up the Night Christmas Celebration ที่จัดที่ Gramercy Park ผสมผสานแสงสีเสียง ดนตรี และเอฟเฟกต์หิมะโปรยที่สวยงามจนกลายเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่ทุกคนรอคอย นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว Universal Christmas Food Festival ครั้งแรก รวบรวมอาหารและขนมธีมคาแรกเตอร์ต่างๆ เช่น Hello Kitty Snoopy Sesame Street และ Minions พร้อมบูธสไตล์ตลาดเยอรมันและเมนูฤดูหนาวพิเศษ
    เหล่าตัวละครในสวนสนุกจะออกมาต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยชุดคริสต์มาสใหม่ทั้งหมด ทำให้การถ่ายรูปเพลิดเพลินยิ่งขึ้น ขณะที่โซน Harry Potter มีการแสดง Hogwarts Magical Night Winter Magic ที่ฉายโปรเจคชันลงบนปราสาทฮอกวอตส์สร้างบรรยากาศสุดขลังในช่วงฤดูหนาว
    Hogwarts Magical Night Winter Magic
    นักท่องเที่ยวจะได้เพลิดเพลินกับขบวนพาเหรด การแสดงสด ดนตรี ของที่ระลึกลิมิเต็ด และเมนูพิเศษตามร้านอาหารทั่วสวนสนุก เช่น มินเนียนบัน ขนมคริสต์มาส และของหวานธีมตัวละครที่มีเฉพาะช่วงเทศกาลนี้เท่านั้น
    ช่วงกลางวันให้บรรยากาศสนุกสดใส ส่วนตอนค่ำเมื่อไฟทั้งสวนเริ่มส่องสว่าง บรรยากาศจะเปลี่ยนเป็นโลกแฟนตาซีที่โรแมนติกและสวยงาม เหมาะกับครอบครัว คู่รัก และเพื่อนๆ ที่อยากเก็บภาพความทรงจำคริสต์มาสสวยๆ ในแบบที่มีเฉพาะที่ USJ ปี 2025

    ฮอกไกโด คริสต์มาสท่ามกลางหิมะขาวและตลาดสไตล์ยุโรป

    ฮอกไกโดคือจุดหมายที่หลายคนนึกถึงเมื่อพูดถึงการเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาว เพราะมีทั้งหิมะ อากาศเย็นแบบเต็มขั้น และเมืองที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใคร ช่วงคริสต์มาส เมืองซัปโปโรและเมืองรอบ ๆ จะจัดไฟประดับผสมกับหิมะจนกลายเป็นภาพที่สวยมาก แถมยังมีตลาดคริสต์มาสที่ได้แรงบันดาลใจจากเยอรมัน ทั้งอาหาร เครื่องดื่ม และของตกแต่งที่ให้ฟีลยุโรปเบา ๆ ในญี่ปุ่น ใครชอบบรรยากาศเงียบกว่ากรุงโตเกียว แต่อยากได้ความรู้สึก “คริสต์มาสท่ามกลางหิมะ” ฮอกไกโดถือเป็นตัวเลือกที่ตอบโจทย์มาก

    1. Sapporo White Illumination งานไฟในเมืองหิมะ

    Sapporo White Illumination
    Sapporo White Illumination เป็นงานไฟประดับที่จัดขึ้นในสวนโอโดริและพื้นที่โดยรอบในตัวเมืองซัปโปโร เมื่อผสมเข้ากับหิมะที่ปกคลุมพื้นและต้นไม้ ทำให้บรรยากาศออกมาโรแมนติกมาก แสงสีจากไฟประดับสะท้อนกับหิมะจนดูนุ่มนวล ไม่แสบตาเหมือนบางเมืองที่ไม่มีหิมะ
    ในพื้นที่เดียวกันมักมีการตั้งบูธขายอาหารแบบง่าย ๆ ให้คนเดินถือกิน ไม่ว่าจะเป็นไส้กรอก ขนมปัง หรือเครื่องดื่มร้อนอย่างโกโก้และกาแฟ ช่วงที่คนนิยมมักเป็นหัวค่ำหลังเลิกงาน แต่ด้วยความที่พื้นที่ค่อนข้างกว้าง จึงยังสามารถหาโซนที่คนไม่หนาแน่นมากนักเพื่อเดินเล่นแบบสบาย ๆ ได้

    2. ตลาดคริสต์มาสสไตล์เยอรมันในซัปโปโร

    ใกล้ ๆ กับสวนโอโดริ มักมีการจัดตลาดคริสต์มาสที่ได้แรงบันดาลใจจากเยอรมัน มีซุ้มขายของตกแต่งต้นคริสต์มาส แก้วมัลด์ไวน์ เครื่องประดับเล็ก ๆ ไปจนถึงอาหารอย่างไส้กรอก ขนมปังอบร้อน และขนมหวานสไตล์ยุโรป บรรยากาศให้ความรู้สึกเหมือนกำลังเดินเล่นอยู่ในตลาดยุโรปท่ามกลางหิมะ แต่มีความเป็นญี่ปุ่นผสมอยู่ในดีเทลของการจัดร้านและความเป็นระเบียบเรียบร้อย
    การเดินตลาดในช่วงค่ำจะได้บรรยากาศที่สุด ทั้งไฟประดับจากบูธต่าง ๆ กลิ่นอาหารลอยมาเป็นระยะ และเสียงเพลงคริสต์มาสที่เปิดคลออยู่ตลอด ใครชอบซื้อของเล็ก ๆ กลับไปเป็นของฝาก น่าจะถูกใจกับโซนนี้เป็นพิเศษ

    เกียวโต คริสต์มาสท่ามกลางเมืองเก่าและบรรยากาศอบอุ่น

    เกียวโตอาจไม่ขึ้นชื่อด้านงานไฟอลังการเท่าโตเกียวหรือโอซาก้า แต่มีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง เพราะเป็นเมืองที่ผสมผสานวัดวา ศาลเจ้า สวนญี่ปุ่น และอาคารสมัยใหม่เข้าด้วยกัน ช่วงคริสต์มาสจึงได้บรรยากาศที่ทั้งสงบ นิ่ง และมีไฟประดับเสริมเล็ก ๆ ตามจุดสำคัญ เช่น สถานีเกียวโต หรือย่านช็อปปิ้งต่าง ๆ เหมาะกับคนที่อยากใช้เวลาปลายปีในแบบเงียบ ๆ แต่ยังสัมผัสกลิ่นอายของเทศกาล

    1. Kyoto Station Illumination และต้นคริสต์มาสในอาคารสถานี

    ต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่และไฟประดับในอาคารสถานีรถไฟเกียวโต
    สถานีเกียวโตถือเป็นจุดศูนย์กลางการเดินทางของเมือง และในช่วงคริสต์มาสพื้นที่ภายในจะเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ต้นคริสต์มาสขนาดใหญ่ถูกตั้งไว้ตรงโถงกลาง พร้อมบันไดที่มีไฟ LED เปลี่ยนลวดลายตลอดเวลา บางช่วงมีการเปิดเพลงคริสต์มาสประกอบกับลวดลายบนบันได ทำให้ที่นี่กลายเป็นเหมือนลานกิจกรรมเล็ก ๆ ที่ทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวจะมายืนชมและถ่ายรูปกัน
    สำหรับคนที่พักใกล้สถานี การแวะมาดูไฟที่นี่ในคืนหนึ่งของทริปถือเป็นไอเดียที่ดี เพราะไม่ต้องเดินไกล แถมยังมีร้านอาหาร คาเฟ่ และช็อปปิ้งให้เลือกอยู่ในอาคารเดียวกัน

    2. เส้นทางไฟประดับและคาเฟ่บรรยากาศดีรอบเมืองเกียวโต

    แม้เกียวโตจะไม่จัดงานไฟใหญ่เท่าเมืองอื่น แต่ในย่านสำคัญอย่างชิราคาวะ กิออน หรือรอบ ๆ ศาลเจ้าบางแห่ง จะมีการประดับไฟเพิ่มบรรยากาศในช่วงหน้าหนาว ร้านคาเฟ่และร้านอาหารเล็ก ๆ ก็ปรับตกแต่งหน้าร้านให้เข้ากับเทศกาล มีเมนูเครื่องดื่มอุ่น ๆ และขนมตามฤดูกาลให้ลองชิม ใครที่ชอบเดินเล่นในเมืองเก่า ยิ่งตอนกลางคืนที่ผู้คนบางตาลงและอากาศเย็นสบาย จะรู้สึกได้ถึงความผ่อนคลายเป็นพิเศษ โดยถ้าหากเลือกพักในเกียวโตช่วงคริสต์มาส การใช้เวลาหนึ่งเย็นเดินเล่นรอบเมือง แวะคาเฟ่เล็ก ๆ หรือร้านอิซากายะที่คนท้องถิ่นนิยมกัน นับเป็นอีกแบบของการฉลองคริสต์มาสที่เรียบง่าย แต่อบอุ่นมาก

    กิจกรรมที่ควรทำเมื่อไปเที่ยวช่วงคริสต์มาสญี่ปุ่น

    นอกจากการเดินชมไฟประดับตามเมืองต่าง ๆ แล้ว ช่วงคริสต์มาสในญี่ปุ่นยังมีกิจกรรมอีกหลายอย่างที่ช่วยเติมสีสันให้ทริป ไม่ว่าจะเป็นการลองชิมเมนูพิเศษเฉพาะฤดูกาล เดินตลาดคริสต์มาส เล่นสกี หรือแช่ออนเซ็นท่ามกลางอากาศหนาว การผสมผสานกิจกรรมเหล่านี้เข้าด้วยกันทำให้ได้ทั้งฟีลของเทศกาลและเสน่ห์ของฤดูหนาวแบบญี่ปุ่นอย่างเต็มที่

    ชมไฟประดับ Illumination ตามย่านดัง

    ไฟประดับหรือ Illumination เป็นหัวใจหลักของการเที่ยวคริสมาสญี่ปุ่นแทบทุกเมือง แต่ละที่มีการออกแบบและธีมแตกต่างกัน บางที่เน้นสีฟ้าให้ความรู้สึกเหมือนโลกน้ำแข็ง บางที่เน้นสีทองให้บรรยากาศอุ่น ๆ คล้ายเมืองยุโรปในคืนคริสต์มาส การเดินเล่นชมไฟประดับจึงเป็นกิจกรรมที่ทำได้ทุกวัน และไม่จำเป็นต้องมีแผนซับซ้อนมากนัก แค่เลือกพื้นที่ใกล้ที่พักหรือย่านที่สนใจ แล้วค่อยเดินตระเวนไปเรื่อย ๆ
    เคล็ดลับเล็ก ๆ คือควรมาถึงก่อนเวลาที่คนจะหนาแน่น เช่น ช่วงหัวค่ำหรือก่อนเลิกงานเล็กน้อย จะช่วยให้มีพื้นที่ถ่ายรูปมากขึ้น และไม่ต้องต่อคิวรอนานตามจุดยอดนิยม บางแห่งมีจัดโชว์เป็นรอบ ๆ หากเช็กเวลาไว้ล่วงหน้าแล้วมาถึงให้ทันรอบที่อยากดู ก็จะยิ่งคุ้มกับเวลาที่ใช้ในแต่ละสถานที่
    ตลาดคริสต์มาสในญี่ปุ่น

    เดินตลาดคริสต์มาส ชิมของอร่อยและหาของฝาก

    ตลาดคริสต์มาสในญี่ปุ่นมักได้รับแรงบันดาลใจจากตลาดยุโรป แต่ถูกปรับให้เข้ากับไลฟ์สไตล์ของคนญี่ปุ่น บรรยากาศจึงทั้งอบอุ่นและเป็นระเบียบ ในตลาดจะมีร้านขายของตกแต่งต้นคริสต์มาส เครื่องประดับเล็ก ๆ เทียนหอม แก้วลายพิเศษ ไปจนถึงขนมปังอบร้อน ไส้กรอก ช็อกโกแลตร้อน และเครื่องดื่มร้อนแบบต่าง ๆ เหมาะกับการเดินถือกินไปพลาง ถ่ายรูปไฟประดับรอบ ๆ ไปด้วย
    สำหรับคนที่มองหาของฝาก ตลาดแบบนี้เป็นแหล่งรวมของเล็ก ๆ ที่ไม่เหมือนของตามห้าง เช่น ของทำมือ หรือของตกแต่งฤดูกาลที่ผลิตจำนวนจำกัด การได้เลือกของชิ้นเล็ก ๆ กลับไปฝากเพื่อนหรือครอบครัว ก็เป็นอีกหนึ่งความสนุกของการเที่ยวช่วงคริสต์มาสในญี่ปุ่น

    ลองเมนูพิเศษเฉพาะเทศกาลคริสต์มาส

    ช่วงปลายปี ร้านขนมและคาเฟ่ในญี่ปุ่นมักออกเมนูพิเศษที่มีเฉพาะช่วงสั้น ๆ เท่านั้น เช่น เค้กตกแต่งลายซานต้า แพนเค้กหน้าคริสต์มาส เครื่องดื่มโกโก้ร้อนท็อปด้วยมาร์ชแมลโลว์ หรือชาแนวโฮจิฉะกับส้มยูสุที่ช่วยเพิ่มความอุ่นได้ดี การได้ลองเมนูเหล่านี้ทำให้รู้สึกว่ากำลังอยู่ในช่วงเวลาพิเศษจริง ๆ ไม่ใช่แค่ฤดูหนาวธรรมดา
    ในห้างสรรพสินค้าโซนของฝากและเบเกอรีมักเต็มไปด้วยขนมแพ็กเกจลายคริสต์มาส เช่น คุกกี้ กล่องช็อกโกแลต หรือขนมญี่ปุ่นที่ปรับรูปลักษณ์ให้เข้ากับเทศกาล เหมาะทั้งกับการซื้อกลับไปกินที่ที่พักหลังจากเดินเที่ยวเหนื่อย ๆ และการซื้อกลับเป็นของฝากให้คนที่บ้าน

    เล่นสกี แช่ออนเซ็น และสนุกกับหิมะ

    นักท่องเที่ยวเล่นสกีบนลานหิมะในญี่ปุ่นพร้อมภูเขาหิมะเป็นฉากหลัง
    หากต้องการเพิ่มความพิเศษให้ทริปคริสต์มาส การแทรกโปรแกรมเล่นสกีหรือไปพักในเมืองออนเซ็นสัก 1–2 คืนเป็นไอเดียที่น่าสนใจมาก ญี่ปุ่นมีสกีรีสอร์ตชื่อดังทั้งในฮอกไกโด นากาโนะ กุนมะ และภูมิภาคอื่น ๆ ที่เดินทางสะดวกจากเมืองใหญ่ หลายแห่งมีทั้งลานสกีสำหรับมือใหม่ พื้นที่เล่นสโนว์บอร์ด และโซนเล่นหิมะสำหรับเด็กหรือคนที่ไม่อยากเล่นสกีจริงจัง แต่แค่อยากสัมผัสหิมะและถ่ายรูปสนุก ๆ
    หลังจากเล่นหิมะหรือเดินกลางอากาศหนาวมาทั้งวัน การได้แช่ออนเซ็นในที่พักหรือออนเซ็นสาธารณะถือเป็นการรีเซ็ตร่างกายที่ดีมาก น้ำร้อนช่วยให้กล้ามเนื้อผ่อนคลาย และยังเป็นอีกหนึ่งประสบการณ์สำคัญของการเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวที่หลายคนประทับใจ
    แช่ออนเซ็นในญี่ปุ่น ฤดูหนาว

    เคล็ดลับวางแผนเที่ยวคริสต์มาสญี่ปุ่นให้ราบรื่น

    การเที่ยวญี่ปุ่นช่วงคริสต์มาสจะสนุกและสบายขึ้นมาก หากมีการเตรียมตัวล่วงหน้านิดหน่อย ทั้งในเรื่องเสื้อผ้า อากาศ ที่พัก และการเดินทางระหว่างเมือง เพราะหลายพื้นที่จะมีนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด การจองบางอย่างช้าเกินไปอาจทำให้ตัวเลือกเหลือน้อยลง หรือราคาสูงขึ้นกว่าช่วงปกติ

    จองที่พักล่วงหน้าและเลือกทำเลใกล้ขนส่งสาธารณะ

    ช่วงปลายปีโดยเฉพาะตั้งแต่กลางธันวาคมไปจนถึงต้นมกราคม ถือเป็นช่วงท่องเที่ยวที่ค่อนข้างคึกคัก การจองที่พักล่วงหน้า 2–3 เดือนจะช่วยให้มีตัวเลือกทำเลดี ใกล้สถานีรถไฟ หรืออยู่ไม่ไกลจากย่านชมไฟ ในราคาที่สมเหตุสมผลมากกว่าการจองแบบกระชั้นชิด การเลือกพักใกล้สถานีหลัก เช่น Shinjuku, Shibuya, Umeda หรือ Sapporo Station ทำให้เดินทางไปยังโซนอื่น ๆ ได้สะดวก และช่วยประหยัดเวลาได้มาก
    ห้องพักโรงแรมในญี่ปุ่นที่มองเห็นวิวหิมะในฤดูหนาว

    เช็กอุณหภูมิและเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะกับสภาพอากาศ

    อุณหภูมิในญี่ปุ่นช่วงคริสต์มาสจะแตกต่างกันไปตามภูมิภาค เมืองใหญ่แถบคันโตและคันไซ เช่น โตเกียวและโอซาก้า อาจอยู่ที่ประมาณ 5–10 องศา ในขณะที่ฮอกไกโดอาจลดลงติดลบและมีหิมะหนา การเตรียมเสื้อกันหนาวที่กันลมได้ดี อินเนอร์แบบบางแต่ให้ความอบอุ่น ผ้าพันคอ ถุงมือ หมวก และรองเท้าที่พื้นยึดเกาะดี จะช่วยให้เดินเที่ยวกลางแจ้งได้นานขึ้นโดยไม่หนาวจนเกินไป
    การใส่เสื้อผ้าแบบเลเยอร์ยังช่วยให้ปรับตัวได้เมื่อเข้า–ออกอาคาร เพราะข้างในมักเปิดฮีตเตอร์ค่อนข้างอุ่น ถ้าใส่หนาเกินไปอาจรู้สึกร้อน พอออกมานอกอาคารค่อยสวมโค้ตทับและพันผ้าพันคอเพิ่ม เป็นวิธีแต่งตัวที่ทำให้ร่างกายรับมือกับอุณหภูมิที่เปลี่ยนไปตลอดวันได้ดียิ่งขึ้น

    วางแผนการเดินทางและเวลาให้สอดคล้องกับกิจกรรมหน้าหนาว

    รถไฟญี่ปุ่นท่ามกลางบรรยากาศฤดูหนาวและหิมะ
    ช่วงหน้าหนาวกลางคืนจะมืดเร็วและอากาศเย็นลงไว การจัดตารางเที่ยวให้กิจกรรมกลางแจ้งอยู่ในช่วงกลางวันเป็นหลัก แล้วค่อยค่อยเก็บกิจกรรมชมไฟและตลาดคริสต์มาสไว้สำหรับช่วงหัวค่ำ จะทำให้เที่ยวได้อย่างสบายตัวมากขึ้น หากต้องเดินทางระหว่างเมืองด้วยรถไฟชินคันเซ็นหรือไฟลต์ภายในประเทศ ควรวางแผนให้ถึงที่หมายก่อนมืด เพื่อมีเวลาเช็กอินและเดินสำรวจบรรยากาศรอบที่พักได้อย่างไม่เร่งรีบ
    การเช็กตารางงานไฟ ไทม์โชว์ หรือเวลาปิดสถานที่ล่วงหน้าก็สำคัญ เพราะบางงานมีช่วงเวลาจำกัด หากต้องการดูโชว์ไฟให้ทันรอบที่อยากชม การวางแผนให้ถึงก่อนสักเล็กน้อย จะช่วยให้ไม่พลาดไฮไลต์ของทริป

    พกฮีตแพคและอุปกรณ์กันหนาวเล็ก ๆ ติดตัวเสมอ

    อีกหนึ่งไอเท็มที่ช่วยชีวิตเวลาเที่ยวญี่ปุ่นหน้าหนาวคือฮีตแพคหรือแผ่นให้ความร้อนแบบใช้แล้วทิ้ง ซึ่งหาซื้อได้ง่ายตามร้านสะดวกซื้อและร้านขายยาในญี่ปุ่น การพกไว้ในกระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋ากางเกงช่วยให้ร่างกายอุ่นขึ้นโดยเฉพาะในวันที่มีลมแรง นอกจากนี้ ลิปบาล์มและครีมทามือก็เป็นของที่ควรมี เพราะอากาศหนาวและแห้งอาจทำให้ปากแตกหรือมือแห้งได้ง่าย
    รองเท้าที่พื้นยึดเกาะดี โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีหิมะหรือน้ำแข็ง เป็นอีกอย่างที่ควรให้ความสำคัญ การลื่นล้มเพราะรองเท้าไม่เหมาะกับพื้นผิวสามารถทำให้ทริปสะดุดได้ การเตรียมรองเท้าที่ใช้เดินได้นานและปลอดภัย จึงเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าในการเที่ยวหน้าหนาว

    สรุป: คริสต์มาสญี่ปุ่น เทศกาลเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและรายละเอียดน่าประทับใจ

    คริสมาสญี่ปุ่นอาจไม่ใช่เทศกาลใหญ่ในเชิงศาสนา แต่กลับเป็นช่วงเวลาที่เต็มไปด้วยบรรยากาศดี ๆ ทั้งไฟประดับสวยงาม เมนูอาหารและขนมพิเศษ วัฒนธรรมการกินไก่ทอดและเค้กสตรอว์เบอร์รี ไปจนถึงการใช้เวลาร่วมกับคนสำคัญท่ามกลางอากาศหนาว เมืองต่าง ๆ ทั่วญี่ปุ่นก็ใส่ไอเดียลงไปในงานไฟและกิจกรรมหน้าหนาวของตัวเองอย่างเต็มที่ ทำให้ทุกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว
    ไม่ว่าจะเลือกเดินเล่นชมไฟในโตเกียว สนุกกับงานแสงสีในโอซาก้า ดื่มด่ำบรรยากาศหิมะและตลาดสไตล์ยุโรปในฮอกไกโด หรือใช้เวลาเงียบ ๆ ในเมืองเก่าอย่างเกียวโต คริสมาสญี่ปุ่นล้วนมอบประสบการณ์ที่อบอุ่นและน่าจดจำในแบบของตัวเอง สำหรับใครที่กำลังมองหาทริปปลายปีที่ไม่เพียงแค่สวยงาม แต่เต็มไปด้วยรายละเอียดเล็ก ๆ ที่ทำให้ยิ้มได้ง่าย ๆ การลองไปสัมผัสคริสต์มาสหนึ่งครั้งในญี่ปุ่น น่าจะกลายเป็นความทรงจำที่อยากกลับไปซ้ำอีกครั้งในอนาคต

    บทความท่องเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มเติม

    ลดเพิ่ม5%เมื่อจองผ่านแอปครั้งแรก

    Klook คืออะไร?

    Klook คือแพลตฟอร์มชั้นนำของเอเชียสำหรับการจองกิจกรรมและบริการท่องเที่ยวแบบครบวงจร เราคัดสรรประสบการณ์คุณภาพ ตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ทัวร์ท้องถิ่น การเดินทางภายในประเทศ ไปจนถึงที่พักหลากสไตล์ ครอบคลุมกว่า 3,400 จุดหมายทั่วโลก
    รองรับการใช้งานใน 15 ภาษา และสามารถชำระเงินได้มากกว่า 40 สกุลเงิน ผ่านช่องทางชำระที่หลากหลาย ทำให้การจองกับ Klook สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
    Klook ก่อตั้งในปี 2014 มีเป้าหมายเพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับนักเดินทางทุกคน ไม่ว่าคุณจะเที่ยวใกล้บ้านหรือออกเดินทางไกล Klook พร้อมพาคุณเชื่อมต่อกับโลกแห่งประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา

    🧡 ติดตาม Klook ได้ทาง

    more