• ไปยังแอป
  • เลือกจุดหมายปลายทาง
  • 5 เส้นทางรถไฟโรแมนติกในญี่ปุ่น ชมใบไม้เปลี่ยนสีสุดประทับใจ

    Klook Thailand
    Klook Thailand
    อัปเดตล่าสุด 18 ก.ย. 2025
    more
    5 เส้นทางรถไฟสุดโรแมนติกชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น
    Sagano Romantic Train

    แนะนำ 5 เส้นทางรถไฟสุดโรแมนติกชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น

    ญี่ปุ่นในฤดูใบไม้ร่วงถือเป็นสวรรค์ของนักท่องเที่ยวที่รักธรรมชาติและความโรแมนติก เพราะตั้งแต่ปลายตุลาคมจนถึงกลางพฤศจิกายน ทั่วประเทศจะถูกแต่งแต้มไปด้วยสีสันของใบไม้ที่เปลี่ยนจากเขียวเป็นเหลือง ส้ม และแดงอย่างตระการตา การชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีมีหลายวิธี ทั้งการเดินเขา การล่องเรือ แต่หนึ่งในวิธีที่ทั้งสะดวก สบาย และสวยที่สุดก็คือการนั่งรถไฟ
    รถไฟในญี่ปุ่นขึ้นชื่อเรื่องความตรงต่อเวลา ความสะอาด และความปลอดภัย แต่ที่ทำให้พิเศษในช่วงฤดูใบไม้ร่วงคือการได้ชมวิวสวย ๆ จากหน้าต่างระหว่างการเดินทาง หลายเส้นทางถูกออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ เช่น Sagano Romantic Train ที่วิ่งเลียบแม่น้ำในเกียวโต หรือ Hakone Tozan Railway ที่ค่อยๆ ไต่ระดับขึ้นภูเขา พร้อมมอบวิวใบไม้แดงให้ชมแบบ 360 องศา
    บทความนี้เราจะพาคุณไปสำรวจ 5 เส้นทางรถไฟสุดโรแมนติก ที่คัดมาแล้วว่าสวยที่สุดสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสี พร้อม ข้อมูลการเดินทาง แผนที่รถไฟในญี่ปุ่น เคล็ดลับจองตั๋ว และเคล็ดลับเด็ดในการเลือกที่นั่ง เพื่อให้ทริปนี้พิเศษและประทับใจที่สุด

    เที่ยวญี่ปุ่นใบไม้เปลี่ยนสี

    ทำไมต้องนั่งรถไฟชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น?

    การชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่นถือเป็น Bucket List ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก แต่หลายคนอาจลังเลว่าจะเลือกเดินทางแบบไหนดี รถไฟคือคำตอบที่สมบูรณ์แบบด้วยเหตุผลหลายประการ และไม่ใช่แค่เรื่องความสะดวกเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวกับบรรยากาศและประสบการณ์ที่ไม่มีอะไรเหมือน

    เหตุผลที่ควรเลือกนั่งรถไฟในฤดูใบไม้ร่วง

    • วิวพาโนรามาแบบเต็มตา: รถไฟสายโรแมนติกในญี่ปุ่นมักออกแบบหน้าต่างบานใหญ่ เปิดโอกาสให้คุณชมวิวใบไม้แดงที่ปกคลุมหุบเขาและแม่น้ำได้อย่างจุใจ
    • สะดวกและปลอดภัย: ไม่ต้องขับรถเอง ไม่ต้องกังวลเรื่องที่จอด เพียงนั่งสบาย ๆ ชมวิวเพลิน ๆ
    • บรรยากาศโรแมนติก: สำหรับคู่รัก การนั่งรถไฟท่ามกลางใบไม้สีแดงคือโมเมนต์ที่อบอวลด้วยความโรแมนติก เหมาะสำหรับการถ่ายรูปสวย ๆ เก็บไว้เป็นความทรงจำ
    • คุ้มค่าเวลา: ในหนึ่งวันสามารถนั่งรถไฟหลายเส้นทาง หรือใช้ร่วมกับ JR Pass เพื่อเที่ยวหลายภูมิภาคได้
    ชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น

    ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสี

    ฤดูใบไม้ร่วงในญี่ปุ่นแตกต่างกันไปตามภูมิภาค ควรเช็คช่วงเวลากับภูมิภาคที่ไปให้ดี
    • ฮอกไกโด: ปลายกันยายน – ต้นตุลาคม
    • ภูมิภาคโทโฮคุ: ต้นถึงกลางตุลาคม
    • คันโตและคันไซ (โตเกียว, เกียวโต): ปลายตุลาคม – กลางพฤศจิกายน
    • คิวชู: ปลายพฤศจิกายน – ต้นธันวาคม
    Klook's Tips: ตรวจสอบเว็บไซต์ Japan Meteorological Agency หรือแอปอย่าง Navitime เพื่อดูพยากรณ์ใบไม้เปลี่ยนสี (Koyo Forecast) ก่อนเดินทาง

    ประเภทของรถไฟในญี่ปุ่นสำหรับเส้นทางชมวิว

    • รถไฟท่องเที่ยวพิเศษ (Sightseeing Train): มีการตกแต่งพิเศษ เช่น Sagano Romantic Train
    • รถไฟท้องถิ่น: วิ่งช้า เหมาะสำหรับการชมวิวแบบไม่รีบ
    • รถไฟไอน้ำ (Steam Locomotive): เช่น Oigawa Railway ให้บรรยากาศย้อนยุคเหมาะกับสายวินเทจ
    • รถไฟพร้อมบริการพิเศษ: บางขบวนมีตู้ Observation Deck หรือเสิร์ฟของว่างท้องถิ่น

    แผนที่และการเตรียมตัวสำหรับเส้นทางรถไฟในญี่ปุ่น

    การเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสีด้วยรถไฟในญี่ปุ่นจะสนุกและราบรื่นมากขึ้นถ้าคุณวางแผนล่วงหน้าอย่างรอบคอบ เพราะระบบรถไฟญี่ปุ่นมีความซับซ้อนแต่ก็ครอบคลุมทั่วประเทศ หากเข้าใจหลักการใช้งานและเตรียมเครื่องมือให้พร้อม คุณจะสามารถท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจ

    เข้าใจระบบรถไฟญี่ปุ่นและแผนที่ (Japan Rail Map)

    ญี่ปุ่นมีเครือข่ายรถไฟที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยแบ่งออกเป็น รถไฟ JR Group (รัฐวิสาหกิจ) และรถไฟเอกชนหลายสาย สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ JR Pass ถือเป็นสิ่งสำคัญเพราะครอบคลุมเส้นทางหลักแทบทั้งหมด หากคุณวางแผนเที่ยวหลายภูมิภาค การใช้ JR Pass จะช่วยประหยัดได้มาก
    Klook's Tips:
    • ดาวน์โหลด Japan Rail Map App หรือใช้เว็บไซต์ HyperDia / Navitime สำหรับวางแผนเส้นทาง
    • ทำความเข้าใจสัญลักษณ์ของแต่ละเส้นทาง เช่น JR East, JR West, JR Central
    • ตรวจสอบระยะเวลาของตั๋ว เช่น JR Pass ใช้ได้กี่วัน
    แผนที่เส้นทางรถไฟญี่ปุ่น JR

    สิ่งที่ควรเตรียมก่อนเดินทาง

    • ตั๋วล่วงหน้า: รถไฟสายโรแมนติกบางสาย เช่น Sagano Romantic Train มีที่นั่งจำกัดและเต็มเร็วมาก
    • แอปช่วยวางแผน: Navitime, Google Maps (เลือกโหมด Transit)
    • เงินสดสำรอง: บางเส้นทางต้องจ่ายเป็นเงินสดที่สถานีเล็ก ๆ
    • เวลา: อย่าลืมเผื่อเวลาต่อรถไฟ เพราะบางเส้นทางห่างกันมาก

    วิธีใช้ JR Pass ให้คุ้มค่า

    • เลือกเส้นทางที่ครอบคลุมหลายภูมิภาค เช่น Gono Line ทางเหนือ และ Hakone ทางคันโตในทริปเดียว
    • จองที่นั่งฟรีผ่านตู้ Midori no Madoguchi ที่สถานี JR หรือผ่านเว็บไซต์ JR East/West
    • ใช้ร่วมกับ Regional Pass ถ้าเที่ยวเฉพาะภูมิภาคเดียว เช่น JR East Pass หรือ JR Kansai Wide Area Pass

    5 เส้นทางรถไฟสุดโรแมนติกชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น

    ญี่ปุ่นมีเส้นทางรถไฟมากมายที่สามารถชมวิวใบไม้เปลี่ยนสีได้ แต่ 5 เส้นทางนี้คือที่สุดที่ไม่ควรพลาด แต่ละเส้นทางมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ทั้งวิวหุบเขา แม่น้ำ ภูเขาไฟ และป่าใบไม้แดง
    Sagano Romantic Train

    1. Sagano Romantic Train (เกียวโต)

    จุดเด่น: Sagano Romantic Train หรือที่เรียกว่า Torokko Train คือหนึ่งในเส้นทางยอดนิยมที่ตั้งอยู่ในเกียวโต จุดขายคือวิวสุดตระการตาของแม่น้ำโฮซุกาวะและหุบเขาอาราชิยามะ ซึ่งในฤดูใบไม้ร่วงจะถูกแต่งแต้มด้วยสีแดงและส้มสวยงามราวกับภาพวาด
    • ระยะทาง: 7 กม. ใช้เวลาประมาณ 25 นาที
    • จุดขึ้น: สถานี Torokko Saga (เชื่อม JR Sagano Line)
    • ที่นั่งพิเศษ: มีโบกี้เปิดโล่ง (The Rich Car) สำหรับถ่ายภาพแบบไม่มีกรอบกระจก
    • ช่วงเวลาสวยที่สุด: ต้นถึงกลางพฤศจิกายน
    Klook's Tips:
    • จองตั๋วล่วงหน้าผ่านอย่างน้อย 2–3 สัปดาห์
    • นั่งฝั่งซ้ายขาไปจะเห็นวิวแม่น้ำชัดกว่า
    บรรยากาศ: ระหว่างทางคุณจะได้เห็นโค้งแม่น้ำสีฟ้าใสตัดกับป่าใบไม้สีแดงทอง รถไฟจะแล่นช้าเพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ดื่มด่ำกับวิว แถมบางครั้งยังมีพนักงานโบกมือทักทายเพิ่มความเป็นกันเอง
    Hakone Tozan Railway

    2. Hakone Tozan Railway (ฮาโกเน่)

    จุดเด่น: เส้นทางนี้ขึ้นชื่อว่าเป็นรถไฟภูเขาสายแรกของญี่ปุ่น มีความยาวกว่า 15 กม. โดยจะค่อย ๆ ไต่ระดับจาก Hakone-Yumoto ขึ้นไปยัง Gora ระหว่างทางคุณจะได้สัมผัสวิวภูเขาที่ปกคลุมด้วยใบไม้แดงและเหลืองสลับกับหมู่บ้านเล็ก ๆ สุดคลาสสิก
    • เชื่อมต่อ: จาก Odawara → Hakone-Yumoto → Gora
    • เวลาที่แนะนำ: ปลายตุลาคมถึงต้นพฤศจิกายน
    • จุดเด่น:
      • ระบบสับราง (Switchback) ที่ทำให้รถไฟต้องถอยหลังขึ้นเขา
      • ใกล้กับแหล่งออนเซ็นชื่อดังของฮาโกเน่
    Klook's Tips:
    • ซื้อ Hakone Free Pass เพื่อประหยัดค่าเดินทางและใช้กับรถเคเบิลคาร์และเรือในทะเลสาบอาชิ
    • เลือกที่นั่งด้านขวาเพื่อชมวิวชัดขึ้น
    Kurobe Gorge Railway

    3. Kurobe Gorge Railway (โทยามะ)

    จุดเด่น: หากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบธรรมชาติและอยากสัมผัสบรรยากาศหุบเขาลึกท่ามกลางป่าไม้สีสวย Kurobe Gorge Railway คือเส้นทางที่ไม่ควรพลาด เส้นทางนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดโทยามะ มีความยาวกว่า 20 กิโลเมตร และเป็นที่รู้จักในฐานะหนึ่งในเส้นทางรถไฟที่มีวิวสวยที่สุดของญี่ปุ่น โดยเฉพาะช่วงฤดูใบไม้ร่วง
    ตลอดเส้นทาง รถไฟจะวิ่งผ่านสะพานเหล็กสีแดงที่ตัดกับใบไม้สีสันสดใส ซึ่งเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยว รวมถึงอุโมงค์ที่เจาะผ่านภูเขา และจุดชมวิวแม่น้ำคุโรเบะที่น้ำใสสะท้อนสีใบไม้บนผิวน้ำอย่างสวยงาม
    • ระยะทาง: ประมาณ 20.1 กม. ใช้เวลาประมาณ 80 นาที
    • สถานีหลัก: Unazuki → Keyakidaira
    • ช่วงเวลาสวยที่สุด: ปลายตุลาคม – ต้นพฤศจิกายน
    • บรรยากาศ: สายลมเย็นจากแม่น้ำ เสียงรถไฟและเสียงใบไม้ไหวผสมผสานกัน เป็นความเงียบสงบที่ช่วยเติมเต็มพลัง
    Klook's Tips:
    • หากต้องการชมวิวเต็มตา แนะนำโบกี้เปิดโล่ง (Open Car) แต่ควรเตรียมเสื้อกันลมเพราะอากาศหนาวมากในปลายฤดูใบไม้ร่วง
    • ลงที่สถานี Keyakidaira แล้วเดินชมวิวบนสะพานสีแดง Shin-Yamabiko Bridge
    รถไฟโกโนะไลน์เลียบชายฝั่งทะเลญี่ปุ่นพร้อมวิวทะเล

    4. Gono Line (อาคิตะ – อาโอโมริ)

    จุดเด่น: เส้นทาง Gono Line ถือเป็นเส้นทางที่ผสมผสานวิวภูเขา ป่าไม้ และทะเลญี่ปุ่นเข้าด้วยกันอย่างลงตัว เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศใบไม้เปลี่ยนสีพร้อมวิวทะเล เส้นทางนี้เชื่อมระหว่างจังหวัดอาคิตะและอาโอโมริ โดยมีความยาวกว่า 147 กิโลเมตร
    จุดเด่นของ Gono Line คือการที่รถไฟวิ่งเลียบชายฝั่งทะเลญี่ปุ่น ทำให้คุณได้เห็นคลื่นกระทบชายฝั่งพร้อมกับภูเขาที่ปกคลุมไปด้วยใบไม้สีแดงและเหลืองในเวลาเดียวกัน รถไฟบางขบวนมีที่นั่งพิเศษพร้อมหน้าต่างพาโนรามา และบริการอาหารพื้นเมืองสำหรับนักท่องเที่ยว
    • ระยะทาง: 147 กม. ใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมง (ทั้งเส้นทาง)
    • สถานีสำคัญ: Higashi-Noshiro → Kawabe
    • ช่วงเวลาสวย: ปลายตุลาคม – ต้นพฤศจิกายน
    • บรรยากาศ: แสงอาทิตย์สะท้อนผืนน้ำทะเล ผสมกับสีสันใบไม้บนภูเขา ทำให้ภาพวิวระหว่างทางเหมือนภาพถ่ายโปสการ์ด
    Klook's Tips:
    • เลือกนั่งรถไฟขบวนพิเศษ Resort Shirakami ซึ่งเป็นรถไฟท่องเที่ยวสุดพิเศษของ Gono Line
    • จองตั๋วล่วงหน้าผ่าน JR East เพราะที่นั่งเต็มเร็วในฤดูใบไม้ร่วง
    • แนะนำให้นั่งฝั่งที่หันไปทางทะเล (ส่วนใหญ่เป็นฝั่งซ้ายเมื่อมุ่งหน้าไป Aomori)
    Oigawa Railway

    5. Oigawa Railway (ชิซุโอกะ)

    จุดเด่น: เส้นทางนี้เหมาะสำหรับผู้ที่ชื่นชอบความคลาสสิก เพราะ Oigawa Railway เป็นรถไฟจักรไอน้ำ (Steam Locomotive) ที่วิ่งผ่านแม่น้ำโออิกาวะในจังหวัดชิซุโอกะ ไฮไลต์ของเส้นทางนี้คือวิวใบไม้เปลี่ยนสีที่ตัดกับสายหมอกและภูเขาไฟฟูจิในบางจุด ทำให้คุณรู้สึกเหมือนย้อนเวลากลับไปยุคโชวะ
    • ระยะทาง: ประมาณ 37 กม. ใช้เวลาประมาณ 75 นาที
    • สถานีหลัก: Shin-Kanaya → Senzu
    • ช่วงเวลาสวย: ปลายตุลาคม – กลางพฤศจิกายน
    • บรรยากาศ: รถไฟปล่อยควันไอน้ำขาวตัดกับสีส้มของใบไม้ และเสียงหวูดที่ก้องไปทั่วหุบเขา
    Klook's Tips:
    • จองตั๋วล่วงหน้า เนื่องจากรถไฟไอน้ำมีที่นั่งจำกัด
    • เตรียมกล้องถ่ายรูป เพราะตลอดเส้นทางมีจุดถ่ายภาพมากมาย
    • หากต้องการเพิ่มประสบการณ์ แนะนำให้นั่งขบวนที่มีตู้ Observation Deck

    เคล็ดลับการนั่งรถไฟเที่ยวชมใบไม้เปลี่ยนสี

    การนั่งรถไฟชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่นเป็นประสบการณ์ที่ควรเตรียมความพร้อมก่อนเดินทางสักนิด เพื่อให้คุณสนุกและคุ้มค่าที่สุด โดยเรามีเคล็ดลับไม่ยากมาแนะนำ ดังนี้
    • จองตั๋วล่วงหน้า: รถไฟท่องเที่ยวเต็มเร็ว โดยเฉพาะช่วงพีคของฤดูใบไม้ร่วง
    • เลือกที่นั่ง: เลือกฝั่งที่หันไปทางวิว เช่น ฝั่งแม่น้ำหรือทะเล
    • พกเสื้อกันลม: เพราะอากาศหนาว โดยเฉพาะในโบกี้เปิดโล่ง
    • ตรวจสอบสภาพอากาศ: หากฝนตกอาจทำให้ใบไม้ร่วงเร็วขึ้น
    • ใช้ JR Pass หรือ Regional Pass: เพื่อประหยัดค่าเดินทางและขึ้นรถไฟได้หลายสาย

    📌 FAQ คำถามที่พบบ่อย: รถไฟชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น

    Q: ต้องจองตั๋วรถไฟชมใบไม้เปลี่ยนสีล่วงหน้าหรือไม่? A: ควรจองล่วงหน้า โดยเฉพาะเส้นทางยอดนิยม เช่น Sagano และ Gono Line ที่เต็มเร็วมากในช่วงพีค

    Q: JR Pass ใช้กับเส้นทางเหล่านี้ได้หรือไม่? A: ใช้ได้เกือบทุกเส้นทาง ยกเว้นบางรถไฟพิเศษ เช่น Sagano Romantic Train ที่อาจต้องซื้อต่างหาก

    Q: ถ้าเที่ยวเฉพาะภูมิภาคเดียว ควรซื้อ Pass แบบไหน? A: แนะนำ Regional Pass เช่น JR East Pass หรือ JR Kansai Wide Area Pass จะคุ้มกว่าซื้อ JR Pass แบบ Nationwide

    Q: นั่งรถไฟเส้นไหนเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิ? A: แนะนำ Oigawa Railway ในชิซุโอกะ ซึ่งบางมุมจะเห็นภูเขาไฟฟูจิพร้อมใบไม้แดง

    Q: ช่วงไหนควรไปเพื่อให้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีสวยที่สุด? A: แตกต่างตามภูมิภาค โดยทั่วไปคือ ปลายตุลาคม – กลางพฤศจิกายน สำหรับโตเกียว เกียวโต และคันไซ
    เส้นทางรถไฟสุดโรแมนติกชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น

    สรุป: เส้นทางรถไฟสุดโรแมนติกชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่น

    การนั่งรถไฟชมใบไม้เปลี่ยนสีในญี่ปุ่นไม่ใช่แค่การเดินทางจากจุดหนึ่งไปยังอีกจุดหนึ่ง แต่คือการเปิดประสบการณ์ใหม่ที่ผสมผสานธรรมชาติ วัฒนธรรม และความโรแมนติกอย่างลงตัว ตลอดเส้นทางคุณจะได้สัมผัสวิวที่เปลี่ยนไปทุกโค้งของรางรถไฟ ตั้งแต่ป่าเขา แม่น้ำ สะพานสูง ไปจนถึงภูเขาไฟและชายฝั่งทะเล สายลมเย็นในฤดูใบไม้ร่วงและสีสันของใบไม้ที่เปลี่ยนเป็นเฉดสีแดง ส้ม และเหลืองจะทำให้ทุกนาทีของการเดินทางเต็มไปด้วยความสุขและความประทับใจ
    หากคุณกำลังมองหาทริปที่ผ่อนคลายแต่เต็มไปด้วยความทรงจำ การนั่งรถไฟตามหนึ่งใน 5 เส้นทางที่เราแนะนำคือคำตอบ ไม่ว่าคุณจะเดินทางกับคนรัก ครอบครัว หรือแม้แต่มาคนเดียว คุณจะได้พบกับช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดของปีในประเทศที่ขึ้นชื่อเรื่องการจัดการการเดินทางที่สะดวกสบายและปลอดภัย อย่าลืมจองตั๋วล่วงหน้า วางแผนเส้นทางให้ดี และเตรียมกล้องถ่ายภาพให้พร้อม เพราะประสบการณ์ครั้งนี้จะเป็นภาพจำที่ตราตรึงไปอีกนาน

    บทความเที่ยวญี่ปุ่นเพิ่มเติม

    ลดเพิ่ม5%เมื่อจองผ่านแอปครั้งแรก

    Klook คืออะไร?

    Klook คือแพลตฟอร์มชั้นนำของเอเชียสำหรับการจองกิจกรรมและบริการท่องเที่ยวแบบครบวงจร เราคัดสรรประสบการณ์คุณภาพ ตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ทัวร์ท้องถิ่น การเดินทางภายในประเทศ ไปจนถึงที่พักหลากสไตล์ ครอบคลุมกว่า 3,400 จุดหมายทั่วโลก
    รองรับการใช้งานใน 15 ภาษา และสามารถชำระเงินได้มากกว่า 40 สกุลเงิน ผ่านช่องทางชำระที่หลากหลาย ทำให้การจองกับ Klook สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
    Klook ก่อตั้งในปี 2014 มีเป้าหมายเพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับนักเดินทางทุกคน ไม่ว่าคุณจะเที่ยวใกล้บ้านหรือออกเดินทางไกล Klook พร้อมพาคุณเชื่อมต่อกับโลกแห่งประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา

    🧡 ติดตาม Klook ได้ทาง

    more