อยากเปลี่ยนการ เที่ยวญี่ปุ่น แบบเดิมๆ ให้เป็นการผจญภัยที่น่าจดจำไหม? ถ้าใช่... ไม่มีอะไรจะตอบโจทย์เท่าการออกไป "โร้ดทริป" อีกแล้ว! ลองจินตนาการถึงอิสระบนท้องถนน ที่มีเพียงรถคู่ใจพาคุณไปค้นพบเส้นทางใหม่ๆ ในญี่ปุ่นดูสิคะ
หากคุณกำลังมองหาประสบการณ์วันหยุดที่แตกต่าง การ ขับรถเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเอง จะเปิดโลกใบใหม่ให้คุณอย่างแน่นอน! ลืมการเบียดเสียดบนรถไฟชินคันเซ็นหรือรถไฟใต้ดินไปก่อน แล้วมาสัมผัสวิวทิวทัศน์สุดตระการตาสองข้างทาง พร้อมออกนอกเส้นทางไปเจอสถานที่ Unseen ที่การเดินทางสาธารณะไม่มีวันไปถึง
บทความนี้ได้รวบรวมเคล็ดลับสำคัญสำหรับคนอยากเช่ารถขับในญี่ปุ่น พร้อมแนะนำ 7 เส้นทางขับรถชมวิวที่สวยที่สุดในประเทศมาฝากกัน!
เตรียมตัวให้พร้อมก่อนขับรถเที่ยวในญี่ปุ่น
ก่อนที่คุณจะเริ่มวางแผนทริปขับรถเที่ยวญี่ปุ่นในฝัน มาดูเคล็ดลับเล็กๆ น้อยๆ ที่ควรรู้ และที่สำคัญคือต้องเตรียมเอกสารที่จำเป็นให้ครบถ้วนเพื่อที่จะได้ขับรถในญี่ปุ่นได้อย่างสบายใจ!
ใบขับขี่สากล (International Driving Permit - IDP)
ในการเช่าและขับรถยนต์ในญี่ปุ่น คุณจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้:
- อายุ 18 ปีขึ้นไป
- มีใบอนุญาตขับขี่รถยนต์ของประเทศไทย
- มี ใบขับขี่สากล (IDP) — สิ่งสำคัญคือต้องทำใบขับขี่สากลจากประเทศไทยไปให้เรียบร้อยก่อนเดินทางไปญี่ปุ่น
- เอกสารประกอบอื่นๆ ที่อาจต้องใช้คือ หนังสือเดินทาง (Passport) ดังนั้นควรพกติดตัวไว้เสมอ คุณอาจถูกขอให้แสดงหนังสือเดินทางและข้อมูลในนั้นตอนรับรถเช่า นอกจากนี้ ตอนจองรถล่วงหน้า คุณอาจต้องให้ข้อมูลหมายเลขเที่ยวบิน และระบุสถานที่รับและคืนรถด้วย
เอกสารประกอบอื่นๆ ที่อาจต้องใช้คือ หนังสือเดินทาง (Passport) ดังนั้นควรพกติดตัวไว้เสมอ คุณอาจถูกขอให้แสดงหนังสือเดินทางและข้อมูลในนั้นตอนรับรถเช่า นอกจากนี้ ตอนจองรถล่วงหน้า คุณอาจต้องให้ข้อมูลหมายเลขเที่ยวบิน และระบุสถานที่รับและคืนรถด้วย
จองรถเช่าของคุณผ่าน Klook
จะโร้ดทริปทั้งที ถ้าไม่มีรถก็คงไม่ได้! จัดการเรื่อง เช่ารถเที่ยวญี่ปุ่น ของคุณให้เรียบร้อยกับ Klook ได้เลย Klook มีบริการรถเช่าจากผู้ให้บริการชั้นนำที่น่าเชื่อถือและเป็นที่รู้จัก เช่น Hertz, Europcar และ Avis เพื่อให้คุณสบายใจตลอดการเดินทาง เราขอแนะนำให้คุณเพิ่มประกันภัยขั้นพื้นฐานเป็นอย่างน้อยเมื่อทำการจองรถเช่า
หมายเหตุ: หากคุณเดินทางพร้อมเด็ก โปรดทราบว่าตามกฎหมายของญี่ปุ่น เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีจะต้องนั่งบน คาร์ซีท (Child Seat) ตลอดการเดินทาง โปรดระบุจำนวนและอายุของเด็กเมื่อทำการจองรถบน Klook
GPS สำหรับรถเช่า
โดยทั่วไปแล้ว รถเช่าในญี่ปุ่นจะมีระบบนำทาง GPS ติดตั้งมาให้บนแผงหน้าปัด ในบางครั้ง แผนที่และเสียงนำทางอาจเป็นภาษาญี่ปุ่น แต่ก็สามารถเปลี่ยนเป็นภาษาอื่นได้
ตอนรับรถ ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ว่ามี GPS ที่รองรับภาษาอังกฤษ (หรือภาษาที่คุณต้องการ) หรือไม่ และขอให้พวกเขาช่วยตั้งค่าให้
กฎจราจรพื้นฐานในญี่ปุ่น
ในญี่ปุ่น พวงมาลัยรถจะอยู่ทางด้านขวา และ ขับรถชิดซ้ายของถนน ซึ่งเหมือนกับประเทศไทย ทำให้คนไทยขับง่ายขึ้น อย่าลืมทำความคุ้นเคยกับกฎจราจรและป้ายจราจรต่างๆ ของญี่ปุ่นเพิ่มเติมจาก คู่มือสำหรับผู้ขับขี่ชาวต่างชาติในญี่ปุ่น
1. Venus Line, นากาโนะ (Nagano)
ใช้เวลากี่วัน? 1 วัน หรืออาจจะ 2 วันถ้าอยากพักค้างคืนริมทะเลสาบ!
Venus Line ในจังหวัดนากาโนะ เป็นถนนยาว 76 กิโลเมตรที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองชิโนะ (Chino) กับที่ราบสูงอุสึคุชิงาฮาระ (Utsukushigahara Highlands) ชื่อ 'Venus Line' มาจากความงดงามของภูเขาทาเทชินะ (Mt. Tateshina) ที่มองเห็นได้ตลอดเส้นทาง ซึ่งสวยงามราวกับเทพธิดาวีนัสเลยทีเดียว
เส้นทางนี้เป็นที่รู้จักและเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวสายขับรถ เพราะมีทิวทัศน์ที่สวยงามจับใจ ไม่ว่าจะเป็นเนินเขากว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้สีเหลืองสดใสในฤดูใบไม้ผลิ หรือป่าไม้ที่ย้อมไปด้วยสีแดงและสีทองในฤดูใบไม้ร่วง ทั้งหมดนี้อยู่ห่างจากเมืองมัตสึโมโตะ (Matsumoto) เพียง 1 ชั่วโมงเท่านั้น!
ไฮไลท์ห้ามพลาด:
น้ำตกทาเทชินะ โอทากิ (Tateshina Otaki Falls)
Image Credit: Nagano Tourism
น้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่อย่างลับๆ ซึ่งส่วนใหญ่จะมีแต่คนท้องถิ่นที่รู้จัก เดินเท้าเข้าไปไม่ไกลผ่านป่าที่ปกคลุมด้วยมอสเขียวชอุ่ม คุณจะได้พบกับน้ำตกและดื่มด่ำกับเสียงของธรรมชาติ
ทะเลสาบชิราคาบะ (Lake Shirakaba)
Image Credit: Wikimedia Commons
ทะเลสาบสวยบนที่ราบสูงบริเวณตีนเขาไฟทาเทชินะ เป็นจุดที่เหมาะสุดๆ สำหรับการปิกนิกมื้อกลางวัน และยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำ เช่น พายซัพบอร์ด (SUP) หรือพายเรือแคนู นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์หมีเท็ดดี้ และสวนสนุก Ikenotaira Family Land อยู่ใกล้ๆ อีกด้วย
ที่ราบสูงคิริงามิเนะ (Kirigamine Highlands)
Image Credit: Nagano Tourism
อาจเรียกได้ว่าเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดบนเส้นทางนี้เลยก็ว่าได้ ด้วยทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตาที่สามารถมองเห็นได้ทั้ง ภูเขาไฟฟูจิ (Mt. Fuji) และเทือกเขาเจแปนแอลป์ ทิวทัศน์ที่นี่จะเปลี่ยนไปทุกฤดู ตั้งแต่ดอกไม้สีเหลืองสดในฤดูใบไม้ผลิไปจนถึงทุ่งหญ้าแพมพัสสีเงินในฤดูใบไม้ร่วง
จุดน่าแวะอื่นๆ หากมีเวลา:
- ทาเทชินะ ออนเซ็น (Tateshina Onsen)
- หอคอยมูโชโต (Mushoto Tower)
- พื้นที่ชุ่มน้ำยาชิมะกาฮาระ (Yashimagahara Wetland)
- สวนสาธารณะทาเทอิชิ (Tateishi Park)
- พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งอุสึคุชิงาฮาระ (Utsukushigahara Kogen Museum)
2. Bandai-Azuma Skyline, ฟุกุชิมะ (Fukushima)
ใช้เวลากี่วัน? 1 วัน
Image Credit: Tohoku Tourism
มา ขับรถเหนือหมู่เมฆ บนเทือกเขาอาซูมะกัน! Bandai-Azuma Skyline คือเส้นทางขับรถชมวิวที่ทอดยาวกว่า 28.7 กิโลเมตร ลัดเลาะไปตามยอดเขาและหุบเขาอันงดงามของเทือกเขาอาซูมะ (ทางตะวันออกเฉียงเหนือของภูเขาบันได)
Image Credit: Tohoku Tourism
ถนนบนเทือกเขาสายนี้จะเปิดให้บริการตั้งแต่ต้นเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤศจิกายน และในแต่ละฤดูก็จะมอบประสบการณ์ที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็นการขับรถผ่าน กำแพงหิมะ (Snow Corridors) สูงตระหง่านในฤดูใบไม้ผลิ, ป่าไม้เขียวขจีในฤดูร้อน หรือ ชมใบไม้เปลี่ยนสี ที่งดงามในฤดูใบไม้ร่วง
ไฮไลท์ห้ามพลาด:
ทาคายุ ออนเซ็น (Takayu Onsen)
แวะแช่ออนเซ็นดีๆ เพื่อคลายความเมื่อยล้ากันที่ Takayu Onsen เมืองออนเซ็นเล็กๆ แห่งนี้ ซึ่งตั้งอยู่กลางทางขึ้นเขาอาซูมะ ที่นี่มีเรียวกังและบ่อออนเซ็นให้เลือกมากมาย
แต่ถ้าตัดสินใจไม่ได้ว่าจะเลือกที่ไหนดี ลองพักที่ Takayu Onsen Adachiya Ryokan สิ! เรียวกังแห่งนี้ให้บริการห้องพักสไตล์ญี่ปุ่นปูเสื่อทาทามิ พร้อมบ่อออนเซ็นกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัด อีกทั้งยังมีบ่อออนเซ็นส่วนตัวกลางแจ้งถึง 4 บ่อ และบ่อในร่มอีก 2 บ่อ ให้คุณได้ผ่อนคลายอย่างเต็มที่
ที่ราบสูงโจโดไดระ (Jododaira Plateau)
Image Credit: Tohoku Tourism
จุดพักรถที่อยู่กึ่งกลางของเส้นทาง Bandai-Azuma Skyline ที่นี่คุณจะได้พบกับทิวทัศน์ภูเขาไฟที่ดูแปลกตาตัดกับพื้นที่ชุ่มน้ำและป่าสนเขียวขจี หากมีเวลา ลองเดินป่าขึ้นไปยังขอบปากปล่องภูเขาไฟอาซูมะ-โคฟูจิ (Mt. Azuma-Kofuji) ดูสิคะ รับรองว่าสวยคุ้มค่าเหนื่อยแน่นอน
มีเส้นทางเดินป่าให้เลือกมากมาย! สามารถแวะที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว Jododaira Visitor Center เพื่อขอข้อมูลเส้นทางที่เหมาะกับคุณที่สุด แนะนำให้ลองเดินขึ้นไปจนถึงขอบปล่องภูเขาไฟของ ภูเขาอาซุมะ-โคฟุจิ (Mt. Azuma-Kofuji) ซึ่งถือเป็นหนึ่งในไฮไลท์ที่ไม่ควรพลาด
จุดน่าแวะอื่นๆ หากมีเวลา:
- ช่องเขาชิราคาบะ-โนะ-มิเนะ (Shirakaba-no-Mine Pass)
- หุบเขาสึบาคุโระ (Tsubakuro Valley)
- เท็นงู-โนะ-นิวะ (Tengu-no-Niwa)
- ช่องเขาอุมิมิ (Umimi Pass)
3. Chirihama Nagisa Driveway, โนโตะ (Noto)
ใช้เวลากี่วัน? 1 วัน
Image credit: Ishikawa Tourism
นี่คือประสบการณ์ขับรถที่ไม่เหมือนใครและหาที่ไหนไม่ได้อีกแล้ว เพราะนี่คือ ถนนเส้นเดียวในญี่ปุ่นที่เป็นชายหาด! คุณสามารถขับรถเลียบทะเลญี่ปุ่นบนหาดทรายที่อัดแน่นเป็นระยะทางกว่า 8 กิโลเมตรบนถนน Chirihama Nagisa Driveway ซึ่งอยู่ห่างจากเมืองคานาซาว่า (Kanazawa) ไปทางเหนือประมาณ 40 นาที
Image Credit: Ishikawa Tourism
กิจกรรมที่ไม่ควรพลาด:
- จอดรถทานอาหารกลางวันริมทะเล (อาหารทะเลสดๆ อร่อยมาก!)
- ซื้อของที่ระลึก
- ชมพระอาทิตย์ตกดินสุดโรแมนติก
4. สะพานอิราบุ-โอฮาชิ, โอกินาว่า (Okinawa)
ใช้เวลากี่วัน? 1 วัน
Image Credit: Wikemedia Commons
โอกินาว่าเป็นที่รู้จักกันดีในเรื่องของ น้ำทะเลสีฟ้าคราม และหาดทรายขาวละเอียด ให้บรรยากาศที่แตกต่างจากเมืองใหญ่ๆ อย่างโตเกียวหรือโอซาก้าโดยสิ้นเชิง หมู่เกาะแห่งนี้ให้ความรู้สึกที่ผ่อนคลาย สบายๆ เหมาะสำหรับการมาพักผ่อนริมทะเลที่สุด
ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจเลยที่หนึ่งในเส้นทางขับรถที่สวยที่สุดจะอยู่ที่นี่! สะพานอิราบุ-โอฮาชิ (Irabu-Ohashi Bridge) เป็นสะพานที่ไม่เก็บค่าผ่านทางที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น ด้วยความยาวกว่า 3.5 กิโลเมตร เชื่อมระหว่างเกาะมิยาโกะจิมะ (Miyako-jima) และเกาะอิราบุจิมะ (Irabu-jima) มีรูปทรงโค้งเป็นเอกลักษณ์คล้ายกับคลื่นในทะเล
Image Credit: Wikimedia Commons
มีจุดจอดรถที่จัดไว้เป็นพิเศษ ให้สามารถจอดรถลงไปชมวิว สูดอากาศบริสุทธิ์ หรือถ่ายรูปเก็บความประทับใจได้อย่างเต็มที่
กิจกรรมที่ไม่ควรพลาด:
- จอดรถชมวิว โดยเฉพาะช่วงพระอาทิตย์ตกดินจะสวยงามเป็นพิเศษ
- หากมาตอนกลางคืน สามารถจอดรถเพื่อดูดาวได้
- แวะเที่ยวชายหาดสวยๆ ในบริเวณใกล้เคียง เช่น หาดโยนาฮะ-มาเอฮามะ (Yonaha-Maehama Beach) และหาดสุนายามะ (Sunayama Beach)
5. Izu Skyline, ชิซูโอกะ (Shizuoka)
ใช้เวลากี่วัน? แนะนำ 2-3 วัน เพื่อจะได้เที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
Image Credit: Wikimedia Commons
Izu Skyline น่าจะเป็นหนึ่งในเส้นทางขับรถที่น่าหลงใหลที่สุดในญี่ปุ่น ด้วย วิวภูเขาไฟฟูจิ อันยิ่งใหญ่ตระการตาตลอดเส้นทางยาว 40 กิโลเมตร ถนนสายนี้เชื่อมต่อระหว่าง Atami Pass และ Amagikogen ในเขตอุทยานแห่งชาติฟูจิ-ฮาโกเนะ-อิสุ (Fuji, Hakone, and Izu National Park) คาบสมุทรอิสุ (Izu Peninsula) อยู่ห่างจากโตเกียวไม่ถึง 3 ชั่วโมงโดยรถยนต์ ทำให้เป็นทริปขับรถที่สมบูรณ์แบบหลังจากเที่ยวโตเกียวจนหนำใจแล้ว!
ไฮไลท์ห้ามพลาด:
ถ้ำโดกาชิมะ (Dogashima Caves)
Image Credit: Dogashima Website
โดกาชิมะ มีชื่อเสียงด้านทิวทัศน์ชายฝั่งที่สวยงาม ซึ่งเต็มไปด้วยโขดหินรูปร่างแปลกตาและถ้ำต่างๆ วิธีที่ดีที่สุดในการชม "ถ้ำสีน้ำเงิน (Blue Cave)" อันเป็นเอกลักษณ์คือการล่องเรือทัวร์ ซึ่งจะพาคุณเข้าไปชมความงามของถ้ำอย่างใกล้ชิด
หากคุณมีเวลา แนะนำให้ขับรถต่อไปอีกเพียง 10 นาทีเพื่อแวะชมพระอาทิตย์ตกที่ สวนโคกาเนะซากิ (Koganezaki Park) จุดชมวิวสุดโรแมนติกที่คนท้องถิ่นนิยมมาในช่วงเย็น เพราะช่วง Golden Hour ที่นี่สวยงามจนไม่ควรพลาดจริง ๆ
แหลมอิโรซากิ (Cape Irozaki)
Image Credit: Cape Irozaki Tourism Association
อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่ต้องไปเยือนบนคาบสมุทรอิสุ ที่นี่คุณจะได้พบกับประภาคารอิโรซากิ (ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็น 1 ใน 50 ประภาคารที่ดีที่สุดในญี่ปุ่น) และศาลเจ้าอิโระที่ตั้งอยู่ปลายแหลม มองเห็นวิวทะเลสีครามสุดลูกหูลูกตา
ชูเซ็นจิ ออนเซ็น (Shuzenji Onsen)
Image Credit: Japan Guide
หนึ่งในเมืองออนเซ็นที่เก่าแก่ที่สุดของญี่ปุ่น ที่นี่เป็นสถานที่ที่มีเสน่ห์เหมาะสำหรับการแช่ออนเซ็นเพื่อผ่อนคลายในบรรยากาศย้อนยุค ใกล้ๆ กันยังมีวัดและป่าไผ่ให้เดินเล่นอีกด้วย รวมถึง บ่อแช่เท้า สำหรับใครที่อยากผ่อนคลายแบบสบาย ๆ โดยไม่ต้องลงแช่ทั้งตัว
ปล. ถ้าแวะทานขนมหรือเครื่องดื่ม อย่าลืมลองเมนูพิเศษที่ทำจากวาซาบิ เพราะเมืองนี้ขึ้นชื่อเรื่องผลิตภัณฑ์จากวาซาบิมาก!
6. Rollercoaster Road, ฮอกไกโด (Hokkaido)
ใช้เวลากี่วัน? 1 วัน
Image Credit: Hokkaido Tourism
ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่า Rollercoaster Road! เหมือนได้ขับรถเที่ยวและเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกไปพร้อมๆ กัน แต่อย่าเพิ่งกังวลไป! ตราบใดที่คุณไม่ได้ขับเร็วเหมือนรถไฟเหาะ นี่คือเส้นทางขับรถที่ปลอดภัยและสนุกสนานใน ฮอกไกโด ที่คุณไม่ควรพลาด!
ถนนเส้นนี้ยาวประมาณ 2.5 กิโลเมตร เป็นทางขึ้นๆ ลงๆ ลัดเลาะไปตามเนินเขาที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตา ขนาบข้างด้วยป่าไม้ที่สวยงามของฮอกไกโด เป็นการผสมผสานการผจญภัยและการชมวิวที่ลงตัวสุดๆ
กิจกรรมที่ไม่ควรพลาด:
- แวะชม ทุ่งดอกไม้ สวยๆ ของฮอกไกโดอย่าง ฟาร์มโทมิตะ (Farm Tomita)
- ขับรถไปชมความมหัศจรรย์ของ สระฟ้า บิเอะ (Biei Blue Pond)
7. Irohazaka Winding Road, นิกโก้ (Nikko)
ใช้เวลากี่วัน? แนะนำ 2-3 วัน เพื่อจะได้เที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ได้อย่างเต็มที่
Image Credit: Japan Guide
ถนนสายคดเคี้ยวอิโรฮะซากะ (Irohazaka Winding Road) ในนิกโก้ คือถนนคู่ที่เชื่อมระหว่างพื้นที่ต่ำใกล้ใจกลางเมืองนิกโก้กับพื้นที่สูงบนภูเขาโอกุนิกโก้ (Okunikko)
Image Credit: Japan Guide
ถนนสายนี้ประกอบด้วย โค้งหักศอกมากถึง 48 โค้ง ผ่านทิวทัศน์ที่งดงามจนแทบลืมหายใจ ช่วงเวลาที่สวยที่สุดคือฤดูใบไม้ร่วง (ปลายเดือนตุลาคมถึงต้นเดือนพฤศจิกายน) ที่คุณจะได้เห็นวิวสีแดงและสีทองสุดลูกหูลูกตา และฤดูหนาว (ธันวาคมถึงมีนาคม) ที่จะได้พบกับทิวทัศน์ขาวโพลนของหิมะ
ไฮไลท์ห้ามพลาด:
น้ำตกเคงอน (Kegon Falls)
Image Credit: Japan Guide
น้ำตกเคงอน (Kegon Waterfall) ได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งในสามน้ำตกที่สวยที่สุดของญี่ปุ่น ดังนั้นที่นี่จึงเป็นจุดที่ห้ามพลาดเด็ดขาด ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมคือนฤดูใบไม้ร่วง เพราะน้ำตกจะถูกประดับประดาไปด้วยสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีโดยรอบ
Image Credit: Wikimedia Commons
น้ำตกเคงอน (Kegon Waterfall) มีต้นน้ำมาจากทะเลสาบชูเซ็นจิ (Lake Chuzenji) คุณสามารถชมวิวทะเลสาบและน้ำตกได้จาก จุดชมวิวอาเคจิดาอิระ (Akechidaira Observatory) ซึ่งสามารถเดินทางขึ้นไปได้ทั้งทางกระเช้าโรปเวย์ หรือจะเลือกเดินเท้าจากที่ราบอาเคจิดาอิระก็ได้เช่นกัน
สะพานชินเคียว (Shinkyo Bridge)
Image Credit: Wikimedia Commons
ชื่อ "ชินเคียว" แปลว่า "สะพานศักดิ์สิทธิ์" และยังถือเป็นหนึ่งในสามสะพานที่สวยที่สุดของญี่ปุ่นอีกด้วย! แม้จะมีค่าข้ามสะพานประมาณ 300 เยน แต่รับรองว่าคุ้มค่ากับวิวสวยๆ ราวกับโปสการ์ดแน่นอน!
จุดน่าแวะอื่นๆ หากมีเวลา:
- ยูโมโตะ ออนเซ็น (Yumoto Onsen)
- ศาลเจ้านิกโก้โทโชกู (Nikko Toshogu)
- อุทยานแห่งชาตินิกโก้ (Nikko National Park)
- หุบเขาริวโอเคียว (Ryuokyo Canyon)
บทความท่องเที่ยวญี่ปุ่น
เช็คลิสต์เที่ยวญี่ปุ่น 🇯🇵 ของต้องมีสำหรับทริปสุดปัง!
วางแผนเที่ยวญี่ปุ่นอยู่ใช่ไหม? มาดูเช็คลิสต์ของที่ต้องเตรียม เพื่อทริปที่ราบรื่นกันเลย!
🚅 เริ่มต้นกันที่ JR Pass สำหรับทั่วประเทศ (Whole Japan JR Pass) ที่เป็นไอเทม Must-have สำหรับการผจญภัยของคุณ ตั๋วนี้จะมีประโยชน์มากเมื่อคุณเดินทางข้ามเมืองต่างๆ! แต่ถ้าคุณใช้เวลาส่วนใหญ่อยู่ในเมืองหรือภูมิภาคเดียว JR Pass สำหรับภูมิภาค (Regional JR Pass) อาจเป็นตัวเลือกที่ดีและคุ้มค่ากว่า
🏮 ของต้องมีในโตเกียว: บัตรเดินทางและที่เที่ยวห้ามพลาด
➡️ อยากประหยัดยิ่งกว่า? เที่ยวครบทุกไฮไลท์ในโตเกียวและ ประหยัดสูงสุด 48% ด้วย Klook Pass โตเกียว!
🏮 ของต้องมีในโอซาก้า: บัตรเดินทางและที่เที่ยวห้ามพลาด
➡️ อยากประหยัดยิ่งกว่า? เที่ยวครบทุกไฮไลท์ในโอซาก้าและ ประหยัดสูงสุด 43% ด้วย Klook Pass โอซาก้า!
✨ ไอเทมจำเป็นอื่นๆ
🧡 ติดตาม Klook ได้ทาง
- Facebook: @klookth
- Instagram: @klooktravel_th
- TikTok: @klookth
- YouTube: @klookTH
- LINE Official Account: @klookth
