• ไปยังแอป
  • เลือกจุดหมายปลายทาง
  • เที่ยว 798 Art District ปักกิ่ง ย่านศิลปะสุดฮิปในจีน

    Klook Thailand
    Klook Thailand
    อัปเดตล่าสุด 18 ธ.ค. 2025
    more
    เที่ยว 798 Art District ปักกิ่ง ย่านศิลปะสุดฮิป
    ถ้าคุณเคยคิดว่าปักกิ่งมีแต่ที่เที่ยวสายประวัติศาสตร์อย่างกำแพงเมืองจีน พระราชวังต้องห้าม หรือจตุรัสเทียนอันเหมิน ลองเพิ่ม “798 Art District” ลงไปในลิสต์ดู แล้วคุณจะได้เห็นปักกิ่งอีกหน้า ที่เต็มไปด้วยความครีเอทีฟ ศิลปะร่วมสมัย และบรรยากาศเท่ ๆ แบบคนเมืองรุ่นใหม่ ย่านนี้คือแหล่งรวมแกลเลอรี พิพิธภัณฑ์ ร้านดีไซน์ คาเฟ่ และงานสตรีทอาร์ตที่เดินได้เพลินทั้งวัน แถมยังมีมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ให้เก็บคอนเทนต์ลงโซเชียลแบบรัว ๆ
    ย่าน 798 Art District ในกรุงปักกิ่ง ศูนย์รวมแกลเลอรีศิลปะร่วมสมัย ร้านคาเฟ่ และสตรีทอาร์ตสุดคูล
    เดิมที่นี่เคยเป็นโรงงานทหารและโรงงานอุตสาหกรรมในยุค 1950 ก่อนจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นพื้นที่ของศิลปินและดีไซเนอร์ จนพัฒนาเป็นย่านศิลปะระดับโลกที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนึ่งของจีน ทุกวันนี้ใครเป็นสายอาร์ต สายฮิปสเตอร์ หรือสายคาเฟ่ ถ้ามาปักกิ่งแล้วไม่แวะ 798 Art District ถือว่าพลาดมาก เพราะคุณจะได้ทั้งบรรยากาศดิบ ๆ ของอาคารโรงงานเก่า ผสมกับงานศิลปะสุดล้ำ แสงสวย ๆ ตอนบ่ายแก่ ไปจนถึงคาเฟ่นั่งชิลและร้านขายของที่ระลึกดีไซน์เท่
    บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 798 Art District แบบครบจบทีเดียว ตั้งแต่ประวัติเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เข้าใจที่มา ไฮไลต์ห้ามพลาด แกลเลอรีแนะนำ คาเฟ่ ร้านอาหาร วิธีเดินทางจากในเมืองปักกิ่ง ไปจนถึงทริกเที่ยวสำหรับมือใหม่ที่อยากจัดทริปเองให้คุ้มที่สุดในหนึ่งวัน

    798 Art District คือที่ไหน? ทำไมถึงต้องไปให้ได้สักครั้ง

    ก่อนจะเดินเที่ยว ย้อนดูนิดหนึ่งว่า “ย่านนี้มีดีอะไร” ถึงได้กลายเป็น Must-Visit สำหรับคนมาเที่ยวปักกิ่งเอง ในแผนเที่ยวนี้ ถ้าอยากบาลานซ์ระหว่างที่เที่ยวคลาสสิกกับที่เที่ยวเทรนดี้ การแทรก 798 Art District เข้าไปสักครึ่งวัน–หนึ่งวัน จะช่วยให้ทริปของคุณดูมีสีสันและหลากหลายขึ้นแบบเห็นได้ชัด
    798 Art District
    798 Art District ตั้งอยู่ในเขตเฉาหยาง (Chaoyang District) ทางตะวันออกเฉียงเหนือของปักกิ่ง เดิมเป็นส่วนหนึ่งของ “โรงงาน 718” ซึ่งเป็นโรงงานอุตสาหกรรมด้านการทหารที่สร้างขึ้นในยุคสงครามเย็น อาคารส่วนหนึ่งมีชื่อว่า “Factory 798” เลยกลายเป็นที่มาของชื่อย่านในปัจจุบัน สถาปัตยกรรมของที่นี่ออกแบบโดยทีมจากเยอรมนี มีสไตล์ Bauhaus เน้นเส้นสายเรียบ คม แสงธรรมชาติส่องเข้าทางหลังคา ทำให้เหมาะกับการใช้เป็นพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะในยุคหลังมาก ๆ
    ต่อมาในช่วงปลายทศวรรษ 1990–2000 ศิลปิน นักออกแบบ และแกลเลอรีหลายแห่งเริ่มย้ายเข้ามาเช่าพื้นที่โรงงานเดิม เปิดเป็นสตูดิโอและพื้นที่จัดแสดงผลงาน จนค่อย ๆ กลายเป็นชุมชนศิลปะขนาดใหญ่ ปัจจุบัน 798 Art District จึงเต็มไปด้วยแกลเลอรีตั้งแต่ระดับอินดี้ไปจนถึงระดับโลกอย่าง UCCA Center for Contemporary Art ซึ่งเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยชั้นนำของจีน
    สำหรับนักท่องเที่ยว ที่นี่ไม่ใช่แค่เดินชมภาพวาด แต่คือ “ประสบการณ์เดินอยู่ในงานศิลปะทั้งย่าน” ทุกตรอกซอกซอยมีงานดีไซน์ งานประติมากรรม หรือกราฟฟิตี้ให้แวะถ่ายรูปได้ตลอดทาง เหมาะกับคนที่อยากได้ที่เที่ยวปักกิ่งในโทนเท่ ๆ มีชีวิตชีวา และได้แรงบันดาลใจกับทริปนี้กลับไปไม่น้อยเลย

    ไฮไลต์ห้ามพลาดเมื่อไป 798 Art District

    ก่อนลงรายละเอียดทีละจุด ขอสรุปภาพรวมก่อนว่า ถ้าคุณมีเวลาประมาณครึ่งวัน–หนึ่งวันใน 798 Art District สิ่งที่ควรทำคือ เดินเล่นดูแกลเลอรี แวะคาเฟ่ ถ่ายรูปกับสตรีทอาร์ต แวะช้อปของดีไซน์เก๋ ๆ ทั้งหมดนี้สามารถทำได้ในระยะเดินภายในย่านเดียว ไม่ต้องขึ้นรถไปไหนให้เสียเวลา เหมาะมากกับคนที่อยากจัดทริปแบบชิล ๆ แต่ได้คอนเทนต์กลับบ้านเพียบ
     798 Art District
    ย่านนี้มีทั้งแกลเลอรีขนาดใหญ่ที่จัดนิทรรศการระดับนานาชาติ และพื้นที่อินดี้เล็ก ๆ ของศิลปินท้องถิ่น ร้านคาเฟ่ก็มีหลากสไตล์ ตั้งแต่ร้านกาแฟมินิมอล ร้านลอฟต์เท่ ๆ ไปจนถึงร้านขนมและร้านเบียร์คราฟต์ ช่วงเสาร์–อาทิตย์มักมีอีเวนต์หรือ Pop-up เล็ก ๆ เช่น ตลาดงานศิลปะ เวิร์กช็อป หรือมินิคอนเสิร์ต ถ้าดวงดี คุณอาจเจออะไรสนุก ๆ เพิ่มระหว่างทาง
    เพื่อไม่ให้คุณหลงทางในย่านที่เต็มไปด้วยตัวเลือก เรารวบรวม 3 หมวดไฮไลต์หลัก ที่ควรปักหมุดไว้ล่วงหน้า ได้แก่ แกลเลอรีดัง, คาเฟ่ ร้านอาหารบรรยากาศดี และมุมถ่ายรูปยอดฮิตที่สายโซเชียลต้องรัก

    เดินเล่นชมนิทรรศการและแกลเลอรีดัง

    ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่เวลาไปเมืองไหน ต้องแวะเช็กอินพิพิธภัณฑ์หรือแกลเลอรี ที่ 798 Art District คือสวรรค์ชัด ๆ เพราะที่นี่รวมตั้งแต่แกลเลอรีระดับโลกไปจนถึงสเปซขนาดเล็กที่โชว์งานของศิลปินรุ่นใหม่ ทุกที่เดินถึงกันได้ และหลายแห่งเข้าได้ฟรีหรือเก็บค่าเข้าชมไม่แพง เหมาะกับการเจียดเวลา 2–3 ชั่วโมงสำหรับสายอาร์ตโดยเฉพาะ
    ในเชิงประสบการณ์ แกลเลอรีในย่านนี้ไม่ได้มีแค่ภาพวาดเรียงกันบนผนัง แต่มีทั้งงานอินสตอลเลชันขนาดใหญ่ งานวิดีโออาร์ต งานมัลติมีเดียที่ใช้เสียง แสง และพื้นที่สร้างอารมณ์ร่วม ทำให้แม้คนที่ไม่ได้เรียนสายศิลปะมาก่อน ก็ยังรู้สึกสนุกและ “ว้าว” ได้ไม่ยาก ถ้าไปกับเพื่อนหรือแฟน ยังได้ใช้เวลาเดินคุย แลกมุมมองกันเพลิน ๆ
    อีกข้อดีคือ แกลเลอรีหลายแห่งตั้งอยู่ในโครงสร้างโรงงานเดิมเพดานสูง ๆ แสงธรรมชาติส่องเข้า ทำให้ภาพรวมดูโปร่งและเท่มาก ตัวอาคารเองก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของงานศิลปะไปด้วย ใครชอบถ่ายรูปสถาปัตยกรรมหรือภาพมุมกว้างรับรองได้รูปกลับไปเพียบ แนะนำให้พกแบตสำรองและเมมโมรีเผื่อไว้เลย
    UCCA Center for Contemporary Art

    UCCA Center for Contemporary Art หัวใจหลักของย่านศิลปะปักกิ่ง

    UCCA Center for Contemporary Art คือแลนด์มาร์กสำคัญใน 798 Art District และเป็นหนึ่งในพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัยที่สำคัญที่สุดในจีน ก่อตั้งเมื่อปี 2007 โดย Guy และ Myriam Ullens ปัจจุบัน UCCA มีทั้งนิทรรศการหมุนเวียนระดับนานาชาติ งานเดี่ยวของศิลปินจีนชื่อดัง และโปรแกรมกิจกรรมด้านศิลปะมากมาย เช่น เสวนา ฉายภาพยนตร์ และเวิร์กช็อปสำหรับครอบครัว
    พื้นที่ของ UCCA มีขนาดใหญ่มากกว่า 8,000 ตารางเมตร แบ่งเป็นห้องจัดแสดงหลายสเกล ตั้งแต่ห้องใหญ่สำหรับงานอินสตอลเลชันยักษ์ ไปจนถึงห้องขนาดเล็กแนว White Cube ที่เน้นโชว์งานของศิลปินเฉพาะกลุ่ม ด้านในยังมีร้านหนังสือและร้านของที่ระลึกซึ่งคัดสรรสินค้าดีไซน์เท่ ๆ เอาไว้ เช่น หนังสือศิลปะ โปสเตอร์ ลายเซ็นต์ อาร์ตทอย หรือของกระจุกกระจิกที่เอากลับไปเป็นของฝากได้แบบไม่ซ้ำใคร
    ใครที่ตั้งใจมา 798 Art District แนะนำให้เช็กเว็บหรือโซเชียลของ UCCA ล่วงหน้า ว่าช่วงที่คุณไปมีนิทรรศการอะไรพิเศษหรือไม่ เพราะบางช่วงมีงาน Collaboration กับศิลปินระดับโลกที่หาโอกาสดูได้ไม่ง่าย อย่างไรก็ตาม แม้ไม่ได้ตั้งใจจะเสพงานแบบจริงจัง แค่เข้าไปเดินดูบรรยากาศ และแวะคาเฟ่หรือร้านหนังสือของ UCCA ก็ถือว่าคุ้มค่าแล้ว
    798 Art District

    Pace Beijing, Tang Contemporary และแกลเลอรีอินเตอร์อื่น ๆ

    นอกจาก UCCA แล้ว ภายใน 798 Art District ยังมีแกลเลอรีเอกชนระดับนานาชาติหลายแห่ง เช่น Pace Beijing และ Tang Contemporary Art ที่มักจัดแสดงผลงานของศิลปินจีนและศิลปินต่างชาติระดับแนวหน้าของเอเชียและโลก ถ้าคุณเคยได้ยินชื่อศิลปินอย่าง Jeff Koons, Yoshitomo Nara หรือศิลปินจีนร่วมสมัยชื่อดัง โอกาสดีที่ผลงานบางส่วนอาจเคยมาแสดงผ่านพื้นที่เหล่านี้
    บรรยากาศในแกลเลอรีเหล่านี้มักจะเรียบเท่ในสไตล์โมเดิร์น พื้นที่ไม่ใหญ่มาก แต่จัดแสงและจัดวางงานศิลปะอย่างจริงจัง เหมาะกับการใช้เวลาเดินดูอย่างช้า ๆ พร้อมอ่านคำอธิบายผลงานบนผนังไปด้วย ใครที่กำลังเริ่มสนใจศิลปะร่วมสมัย แนะนำให้เปิดใจเดินเข้าไปลองชม ไม่ต้องกลัวว่าจะ “ไม่เข้าใจ” เพราะเป้าหมายของงานแนวนี้คือการเปิดพื้นที่ให้เราตีความและรู้สึกด้วยตัวเอง
    แกลเลอรีบางแห่งอาจมีร้านค้าเล็ก ๆ ขายแคตตาล็อกโปสเตอร์ หรือสินค้าที่เกี่ยวข้องกับนิทรรศการในช่วงนั้น ถ้าคุณอยากได้ของที่ระลึกเชิงศิลปะกลับบ้านแบบไม่ซ้ำคนอื่น ลองมองหาบริเวณใกล้เคาน์เตอร์หรือทางออก ส่วนใหญ่ดีไซน์จะมินิมอลและพิมพ์คุณภาพดี เหมาะกับการสะสมหรือหิ้วกลับมาแต่งบ้าน

    คาเฟ่ ร้านอาหาร และไลฟ์สไตล์สุดชิลใน 798 Art District

    หนึ่งในความสนุกของการมาเที่ยว 798 Art District คือการ “แวะคาเฟ่ไปเรื่อย ๆ” เพราะที่นี่เต็มไปด้วยร้านกาแฟและร้านอาหารที่ตกแต่งในสไตล์ลอฟต์ โรงงานเก่า และมินิมอลเท่ ๆ ทุกมุมคือโลเคชันถ่ายรูปได้ เมื่อเดินชมศิลปะจนเมื่อยแล้ว การได้แวะนั่งพักในคาเฟ่ดี ๆ สักแห่ง ถือเป็นส่วนสำคัญของประสบการณ์เที่ยวย่านนี้เลย
    คาเฟ่ส่วนใหญ่จะใช้โทนสีเรียบง่าย ผนังปูนเปลือย ผสมเฟอร์นิเจอร์ไม้หรือเหล็ก บางร้านเปิดเพดานสูงเห็นโครงสร้างเดิมของโรงงาน ทำให้ฟีลไม่เหมือนคาเฟ่ในห้างหรือย่านอื่น ๆ ในปักกิ่ง เมนูเครื่องดื่มก็มีทั้งกาแฟสเปเชียลตี้ ชา โซดา และเบเกอรี พร้อมเมนูอาหารง่าย ๆ อย่างแซนด์วิช พาสต้า หรือขนมทานเล่น เหมาะกับทั้งสายมานั่งทำงานเบา ๆ และคนที่แค่อยากพักเท้าจากการเดินเล่นทั้งวัน
    สำหรับสายคอนเทนต์ คาเฟ่ใน 798 คือจุดที่ไม่ควรข้าม เพราะทั้งหน้าร้าน ป้ายไฟ หน้าต่างกระจก โปรเจกเตอร์ หรือเคาน์เตอร์บาร์ ล้วนถ่ายรูปออกมาดูดีแทบทุกมุม แนะนำให้ลองสั่งเมนู Signature ของร้าน มาวางคู่กับวิวด้านนอกหน้าต่างหรือพื้นที่จัดแสดงงานศิลปะ จะได้รูปที่เล่าเรื่องได้ดีและดูมีสตอรี่มากขึ้นกว่ารูปกาแฟธรรมดาทั่วไป
    คาเฟ่ ร้านอาหาร ใน 798 Art District

    คาเฟ่สไตล์ลอฟต์ แสงสวยมุมดี ถ่ายรูปยังไงก็รอด

    ร้านขนม คาเฟ่สไตล์ลอฟต์ในย่าน 798 มักใช้จุดแข็งของตัวอาคารเดิมอย่างเพดานสูง โครงเหล็ก และหน้าต่างบานใหญ่ มาเป็นองค์ประกอบหลักในการออกแบบ ทำให้เวลาคุณเข้าไปนั่ง จะรู้สึกเหมือนอยู่ในสตูดิโอศิลปินมากกว่าคาเฟ่ทั่วไป บางร้านมีแกลเลอรีเล็ก ๆ แปะงานภาพถ่ายหรือภาพวาดของศิลปินท้องถิ่นอยู่บนผนังด้วย ทำให้คุณได้เสพงานศิลปะไปพร้อมกับจิบกาแฟในแก้วโปรด
    เพื่อให้ได้บรรยากาศที่สุด แนะนำให้เลือกนั่งใกล้หน้าต่างหรือโซนที่มองเห็นตัวอาคารอิฐแดงด้านนอก ช่วงสายถึงบ่ายต้น ๆ แสงจะส่องเข้ามาพอดี ทำให้ภาพที่คุณถ่ายทั้งคนและแก้วกาแฟออกมาดูฟุ้งนิด ๆ แบบไม่ต้องใช้ฟิลเตอร์เยอะ นักท่องเที่ยวหลายคนถึงขั้นใช้คาเฟ่เหล่านี้เป็นโลเคชันถ่ายรูปโปรไฟล์หรือภาพคู่แบบจริงจัง
    เรื่องรสชาติกาแฟ ส่วนใหญ่จะได้มาตรฐาน มีเมล็ดให้เลือกทั้งสายเข้มและสายหอมละมุน ใครไม่ดื่มกาแฟก็มักมีเมนูชา ช็อกโกแลต และโซดาผลไม้ให้เลือกด้วย ราคาสูงกว่าคาเฟ่ท้องถิ่นทั่วไปเล็กน้อยตามโลเคชัน แต่เทียบกับบรรยากาศและรูปสวย ๆ ที่ได้กลับไป ถือว่าคุ้มค่า

    มุมถ่ายรูปยอดฮิต สายโซเชียลห้ามพลาด

    ถ้าคุณมา 798 Art District แล้วไม่หยิบมือถือหรือกล้องขึ้นมาถ่ายรูปเลย ถือว่าเสียของมาก ๆ เพราะทุกตรอกซอกซอยเต็มไปด้วยมุมเท่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นประติมากรรมโลหะขนาดใหญ่ กราฟฟิตี้สีสันจัดจ้าน ป้ายโรงงานเก่า หรือรางรถไฟที่ยังหลงเหลืออยู่จากยุคอุตสาหกรรมเดิม ที่นี่คือสวรรค์ของสายถ่ายรูปแนว Urban, Industrial และ Street Art แบบแท้จริง
    จุดหนึ่งที่หลายคนชอบมากคือบริเวณลานกว้างกลางย่าน ซึ่งมักมีงานประติมากรรมสลับหมุนเวียนมาตั้งแสดง ถ้าคุณใช้งานโซเชียลของจีนอย่าง Xiaohongshu หรือ WeChat Moments จะเห็นว่ามีหลายมุมที่ฮิตจนเรียกได้ว่าเป็น “จุดเช็กอินประจำ 798” เช่น ผนังอิฐแดงขนาดใหญ่ที่มีกราฟฟิตี้เต็มผืน ผนังโลหะสนิม หรือป้ายตัวเลข “798” ขนาดยักษ์ที่บางช่วงมีรูปแบบแตกต่างกันไป
    เทคนิคการเก็บภาพง่าย ๆ คือ ลองเดินย้อนไป–กลับตามตรอกเล็ก ๆ ไม่ตามแต่ทางหลักเท่านั้น คุณอาจเจองานสตรีทอาร์ตที่ซ่อนอยู่ หรือมุมสงบ ๆ ที่ไม่ค่อยมีคนถ่ายมาก่อน แนะนำให้มาก่อนบ่ายแก่ ๆ เล็กน้อย จากนั้นรอช่วง Golden Hour แสงจะนุ่มสวยทำให้ตึกอิฐแดงดูโดดเด่นยิ่งขึ้น ถ้าคุณพกเลนส์มุมกว้าง จะยิ่งเก็บบรรยากาศโรงงานเก่าได้เต็มเฟรม
    ผนังกราฟฟิตี้สีสันสดใสในย่านศิลปะ 798 Art District ปักกิ่ง

    วิธีเดินทางไป 798 Art District จากในเมืองปักกิ่ง

    สำหรับสไตล์เราจะเน้น “เดินทางง่าย ใช้จริงได้” ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถไฟฟ้าใต้ดิน ต่อรถบัส หรือเรียกแท็กซี่/Didi ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลาเดินทางจากใจกลางเมืองปักกิ่งประมาณ 30–60 นาที ขึ้นอยู่กับจุดเริ่มต้นและสภาพการจราจรในวันนั้น
    798 Art District ตั้งอยู่บริเวณถนน Jiuxianqiao Road ฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง ใกล้เขตธุรกิจและทางไปสนามบินปักกิ่ง ทำให้การนั่งแท็กซี่หรือ Didi เป็นอีกตัวเลือกที่สะดวกมาก โดยเฉพาะถ้าคุณเดินทางกันหลายคน หรือมีแผนจะช้อปของดีไซน์กลับเยอะ ๆ ส่วนผู้ที่อยากประหยัดงบหน่อย รถไฟฟ้าใต้ดินบวกเดินหรือบวกบัส ก็เป็นทางเลือกที่ใช้ได้ดีเช่นกัน
     798 Art District

    เดินทางด้วยรถไฟฟ้าใต้ดิน (Subway) + เดินหรือแท็กซี่ต่อ

    การนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินถือเป็นวิธีที่ทั้งสะดวกและค่อนข้างแน่นอนเรื่องเวลา โดยจุดที่นิยมใช้คือ สาย 14 ลงที่สถานี Wangjing South (望京南站) หรือ Jiangtai (将台站) แล้วต่อแท็กซี่หรือเดินต่อประมาณ 15–20 นาทีถึง 798 Art District โดยมีแพลนง่าย ๆ ดังนี้
    • จากในเมือง เช่น Wangfujing หรือ Tiananmen นั่งรถไฟใต้ดินเชื่อมต่อมาที่ Line 14
    • ลงสถานี Wangjing South
    • จากนั้นเลือกได้ 2 แบบ ถ้าเดิน 15–20 นาที (เหมาะกับคนไม่รีบและอากาศดี) หรือเลือกต่อแท็กซี่/Didi ประมาณ 10 นาที (สะดวกสุด โดยเฉพาะหน้าหนาวหรือหน้าร้อนจัด)
    ข้อดีของวิธีนี้คือ ค่าโดยสารถูก และเวลาถึงค่อนข้างแน่นอนกว่าใช้แท็กซี่อย่างเดียวที่อาจติดรถติดกลางเมืองหนัก ๆ โดยเฉพาะช่วง Rush Hour ตอนเช้าและเย็น ถ้าคุณพักอยู่ในโซนที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าอยู่แล้ว วิธีนี้ถือว่าคุ้มค่าและเป็นมิตรกับงบประมาณมาก
    อีกทางเลือกคือใช้รถไฟฟ้า สาย 10 หรือสาย 1 ลงบางสถานีที่มีบัสต่อไปยังป้าย Dashanzi Lukou Nan หรือป้ายใกล้ Jiuxianqiao Road แล้วเดินเข้าย่าน แต่จะต้องต่อรถมากขึ้นเล็กน้อย เหมาะกับผู้ที่ชินกับการใช้ขนส่งสาธารณะในจีนและอยากประหยัดที่สุดเท่าที่จะทำได้

    เดินทางด้วยรถบัส เหมาะกับสายงบน้อยและอยากลองใช้ชีวิตแบบคนท้องถิ่น

    ถ้าคุณอยากลองใช้ “ชีวิตแบบคนปักกิ่ง” การนั่งรถบัสไป 798 Art District ก็เป็นตัวเลือกที่น่าเล่น โดยเฉพาะถ้าคุณออกจากย่านที่มีเส้นทางตรง เช่น เขต Chaoyang บางส่วนหรือย่านใกล้เคียง มีหลายสายที่วิ่งผ่านใกล้ย่านนี้ เช่น 401, 402, 405, 445, 403, 418, 593, 988, 991 และอื่น ๆ โดยส่วนใหญ่จะจอดที่บริเวณแยก Dashanzi หรือป้าย Dashanzi Lukou Nan แล้วคุณเดินต่อเข้าไปในย่านแค่ไม่กี่นาที
    ข้อดีคือ ค่าโดยสารถูกมาก และระหว่างทางคุณจะได้เห็นบรรยากาศเมืองปักกิ่งในมุมที่นักท่องเที่ยวทั่วไปอาจไม่ได้เห็น เช่น แถวออฟฟิศย่านธุรกิจหรือย่านที่พักชานเมือง แต่ข้อควรระวังคือ ป้ายรถบัสส่วนใหญ่จะใช้ภาษาจีนเป็นหลัก ถ้าคุณไม่ชินกับระบบขนส่งสาธารณะของจีน อาจต้องเตรียมแผนที่ในแอปอย่าง Baidu Maps เป็นตัวช่วยดูตำแหน่ง
    แนะนำสำหรับคนที่พออ่านตัวจีนได้บ้าง หรือเคยใช้ขนส่งสาธารณะในเมืองใหญ่ ๆ มาบ้างแล้ว หากไปครั้งแรกและไม่อยากเครียดเรื่องลงป้ายผิด แนะนำให้ใช้รถไฟใต้ดินหรือแท็กซี่จะสะดวกกว่า แต่หากคุณอาจใช้เวลาไม่รีบ และอยากลองอะไรโลคอลขึ้นอีกระดับ รถบัสก็คุ้มเองเหมือนกัน

    แท็กซี่หรือ Didi สะดวกที่สุด โดยเฉพาะถ้าไปกันหลายคน

    สำหรับคนที่เน้นความสบายและไม่อยากกังวลเรื่องเปลี่ยนสายรถไฟหรือรถบัส การเรียก แท็กซี่หรือ Didi (แอปรถเรียกของจีนคล้าย Grab) คือวิธีที่ง่ายและตรงที่สุด คุณสามารถออกจากโรงแรมหรือจุดท่องเที่ยวใดก็ได้ แล้วให้คนขับไปส่งที่ “七九八艺术区 (Qījiǔbā Yìshù Qū)” หรือแสดงตัวอักษรภาษาจีนหรือแผนที่ให้ดูได้เลย
    จากย่านฮิตอย่าง Sanlitun ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ถ้ารถไม่ติดมาก จากโซนกลางเมืองอย่าง Tiananmen หรือ Wangfujing อาจใช้เวลาราว 30–40 นาที ขึ้นอยู่กับการจราจร ช่วงที่ควรหลีกเลี่ยงคือ Rush Hour ตอนเช้าและเย็น เพราะรถบนเส้นทางออกนอกเมืองอาจติดพอสมควร
    ค่าโดยสารจากใจกลางเมืองไป 798 จะอยู่ราว ๆ 50–80 หยวน (ขึ้นกับระยะทางและเวลา) ถ้าไปกัน 3–4 คนแล้วหารกัน ถือว่าไม่ได้ต่างจากค่ารถไฟใต้ดินมากนัก แต่ได้ความสะดวกแบบ Door-to-door แถมไม่ต้องเหนื่อยเดินต่อหรือเปลี่ยนสาย ระบบ Didi ก็รองรับภาษาอังกฤษในเวอร์ชันแอปส่วนใหญ่ ทำให้คนต่างชาติใช้งานได้ไม่ยาก
     798 Art District

    ใช้เวลากี่ชั่วโมงดี? แพลนเที่ยว 798 Art District แบบ 1 วันเต็ม

    สำหรับคนที่ชอบแพลนทริปแบบชัดเจน คำถามยอดฮิตคือ “ต้องเผื่อเวลาให้ 798 Art District เท่าไหร่ถึงจะพอ?” คำตอบคือ ขึ้นอยู่กับสไตล์การเที่ยวของคุณ แต่โดยรวมแล้ว อย่างน้อยครึ่งวัน (3–4 ชั่วโมง) จะกำลังดีสำหรับการเดินดูแกลเลอรีหลัก ๆ แวะคาเฟ่สักหนึ่งร้าน และถ่ายรูปในมุมยอดฮิต ถ้าคุณเป็นสายอาร์ตหนัก ๆ ที่ชอบอ่านรายละเอียดงานทีละชิ้น แนะนำให้เผื่อ 1 วันเต็ม จะคุ้มกว่า
    แพลนตัวอย่างสำหรับ 1 วันง่าย ๆ:
    • เช้า: เดินทางจากในเมืองมาถึง 798 Art District
    • สาย: เริ่มที่ UCCA หรือแกลเลอรีใหญ่ ๆ สัก 1–2 ที่
    • เที่ยง: แวะกินข้าวกลางวันในย่าน มีร้านอาหารและคาเฟ่ให้เลือกหลายแบบ
    • บ่าย: เดินเล่นตามตรอกเล็ก ๆ แวะแกลเลอรีเล็กบ้าง ร้านดีไซน์บ้าง ถ่ายรูปกับกราฟฟิตี้และประติมากรรม
    • เย็น: ปิดท้ายด้วยคาเฟ่หรือบาร์เล็ก ๆ ก่อนนั่งรถกลับเข้าเมือง
    ข้อดีของการให้เวลาทั้งวันคือ คุณจะได้เดินแบบไม่ต้องรีบ มีเวลานั่งพักในคาเฟ่และสังเกตวิถีชีวิตคนท้องถิ่น ศิลปิน และนักท่องเที่ยวคนอื่น ๆ ที่มาใช้ชีวิตในย่านนี้ ซึ่งเป็นเสน่ห์อีกอย่างของการเที่ยว 798 ที่ไม่ใช่แค่การ “มาเช็กอินแล้วกลับ” เท่านั้น
    798 Art District

    ทริกเที่ยว 798 Art District สไตล์มือโปร ให้คุ้มทั้งเวลาและงบ

    เพื่อให้ทริปของคุณลื่นไหลแบบที่ชอบ เรารวมทริกเล็ก ๆ มาให้คุณเอาไปใช้ได้จริงเวลาวางแผนเที่ยว 798 Art District ไม่ว่าคุณจะมาเดี่ยว มาเป็นคู่ หรือมาเป็นกลุ่มเพื่อน

    เลือกช่วงเวลาไปให้เหมาะ แสงสวย คนไม่แน่นเกินไป

    ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการมา 798 Art District คือสาย ๆ ถึงบ่าย และอยู่ต่อถึงเย็นสักหน่อย คุณจะได้เห็นบรรยากาศของย่านในหลายโทน ตั้งแต่แสงเช้าค่อนวันไปจนถึง Golden Hour ที่ตึกอิฐแดงและผลงานกลางแจ้งมีมิติขึ้นมาก ถ้าคุณอยากถ่ายรูปแบบไม่ติดคนเยอะเกินไป แนะนำให้เลี่ยงช่วงบ่ายแก่ ๆ วันเสาร์–อาทิตย์ ซึ่งมักจะมีทั้งคนท้องถิ่นและนักท่องเที่ยวต่างชาติแห่มากันเยอะ
    ในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง อากาศจะเย็นสบาย เดินกลางแจ้งได้นานแบบไม่เหนื่อยมาก เหมาะกับการเดินทั้งวัน ฤดูหนาวแม้จะหนาวจัด แต่แสงจะคมและท้องฟ้าชัด เหมาะกับการถ่ายรูปแนว Street และอาคาร ส่วนฤดูร้อนแดดอาจแรงและร้อนอบอ้าว ควรพกหมวก แว่นกันแดด และน้ำดื่มติดตัว
    การเริ่มต้นวันให้ดีช่วยให้ทั้งทริปสนุกขึ้น ลองออกจากโรงแรมหลังมื้อเช้า เดินทางถึง 798 ช่วงสาย ๆ คุณจะได้เริ่มจากแกลเลอรีที่อยากเข้าชมที่สุด ตอนที่ยังไม่เหนื่อยมาก จากนั้นค่อยปล่อยตัวเองไปกับการเดินเล่นตามตรอกเล็ก ๆ ในตอนบ่าย
    798 Art District

    การแต่งตัว เตรียมของให้ถ่ายรูปและเดินเยอะได้จริง

    เพราะ 798 Art District เน้น “เดินเยอะ” เป็นหลัก และเต็มไปด้วยมุมสวย ๆ ที่ทำให้คุณอยากหยุดถ่ายรูปตลอดเวลา การแต่งตัวและเตรียมของเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เหมาะจึงสำคัญกว่าที่คิด รองเท้าควรเป็นคู่ที่เดินสบายจริง ๆ ไม่กัดและไม่เมื่อยง่าย เพราะคุณอาจเดินวันละเกิน 10,000 ก้าวได้โดยไม่รู้ตัว
    ในแง่การแต่งตัว ถ้าคุณตั้งใจมาถ่ายรูป แนะนำโทนเสื้อผ้าเรียบ ๆ เช่น ขาว ดำ เทา หรือเอิร์ธโทน เพราะจะตัดกับผนังกราฟฟิตี้สีสดและตึกอิฐแดงได้สวยมาก นอกจากนี้พวกพร็อพต่าง ๆ อย่างหมวก ผ้าพันคอ หรือแว่นกันแดด ก็ช่วยให้ภาพออกมาดูมีสไตล์มากขึ้น
    อย่าลืมพก Power Bank และเมมโมรีกล้อง/มือถือสำรอง เพราะแทบทุกซอยมีอะไรให้ถ่าย ถ้าคุณใช้แอปหลายตัวควบคู่กัน แบตก็จะลดไวขึ้นด้วย อีกอย่างที่ควรมีคือทิชชูเปียกหรือทิชชูแห้ง เผื่อเวลานั่งพักตามขั้นบันได โรงงาน หรือม้านั่งกลางแจ้ง จะได้เช็ดให้สะอาดนั่งสบาย

    เช็กข้อมูลนิทรรศการล่วงหน้า + ผูกทริปกับที่เที่ยวอื่นในปักกิ่ง

    ก่อนออกเดินทาง ลองเข้าเว็บไซต์หรือโซเชียลของ UCCA และแกลเลอรีใหญ่ ๆ ในย่าน 798 ดูก่อนว่ามีงานอะไรจัดในช่วงที่คุณไปบ้าง บางนิทรรศการเป็นระดับใหญ่ที่จัดแค่ช่วงสั้น ๆ ถ้าได้ดูจะเป็นโบนัสพิเศษของทริปนี้เลย บางงานอาจต้องซื้อตั๋วล่วงหน้าหรือมีรอบเวลาชัดเจน การรู้ก่อนจะช่วยให้คุณจัดสรรเวลาได้ดีขึ้น
    นอกจากนี้ คุณยังสามารถผูกการเที่ยว 798 เข้ากับที่เที่ยวอื่นในโซนตะวันออกของปักกิ่ง เช่น ย่าน Sanlitun (ช้อปปิ้ง+อาหาร+บาร์), หรือแวะกินมื้อเย็นในโซนใกล้ ๆ ระหว่างทางกลับเข้าเมือง การจัดทริปแบบนี้ช่วยให้คุณใช้เวลาในแต่ละวันได้คุ้มค่า ไม่ต้องเสียเวลาไป–กลับหลายรอบ
    ถ้าคุณเลือกพักในย่านที่เชื่อมต่อรถไฟฟ้าได้สะดวก เช่น ใกล้สถานีใหญ่ ๆ หรือย่าน Sanlitun การรวม 798 Art District ไว้เป็น One-day Trip ที่ออกจากโรงแรมสายหน่อย กลับดึกนิด ๆ จะเป็นแพลนที่สมดุล ทั้งได้เที่ยว ได้กิน และได้ช้อปครบในวันเดียว

    สรุป ทำไม 798 Art District ควรอยู่ในลิสต์เที่ยวปักกิ่งของคุณ

    ถ้าคุณอยากให้ทริปปักกิ่งของตัวเองมีมากกว่าการชมโบราณสถานและแลนด์มาร์กยอดฮิต 798 Art District คือคำตอบที่ดีมากสำหรับการเติม “มิติความครีเอทีฟ” เข้าไปในแผนเที่ยว เมืองหลวงของจีนไม่ได้มีแค่ความยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ แต่ยังมีซีนศิลปะร่วมสมัยที่เติบโตเร็วและน่าสนใจสุด ๆ ย่านนี้คือเวทีสำคัญที่ทำให้คุณเห็นพลังของศิลปินจีนรุ่นใหม่และวงการครีเอทีฟในเอเชีย
    ในทริปเดียว คุณจะได้เดินชมแกลเลอรีระดับโลกอย่าง UCCA ได้ลองคาเฟ่สไตล์ลอฟต์ในโรงงานเก่า ได้ถ่ายรูปกับกราฟฟิตี้และประติมากรรมกลางแจ้งที่ไม่เหมือนที่ไหน และได้เดินผ่านตรอกเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยดีไซน์แปลกตา ทุกอย่างนี้ทำให้ 798 Art District ไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยว แต่มันคือ “ประสบการณ์” ที่คุณจะนึกถึงเวลาพูดถึงปักกิ่งในมุมที่ทันสมัยและมีชีวิตชีวา
    สำหรับคนที่ชอบเที่ยวเองแบบอิสระ เที่ยวเพลิน เดินชิล ปรับแพลนหน้างานได้ 798 Art District คือจุดที่ควรจองเวลาไว้ในแผนอย่างน้อยครึ่งวัน–หนึ่งวัน รับรองว่าคุณจะได้ทั้งแรงบันดาลใจ ภาพสวย ๆ และเรื่องเล่ากลับบ้านไปเพียบ และถ้าอยากให้ทริปปักกิ่งครั้งนี้ลื่นไหลยิ่งขึ้น คุณสามารถจับคู่การมา 798 เข้ากับการจองกิจกรรมหรือทัวร์เมืองปักกิ่งอื่น ๆ ล่วงหน้าที่ Klook ได้แบบไม่ยุ่งยากเลย
    ลดเพิ่ม5%เมื่อจองผ่านแอปครั้งแรก

    Klook คืออะไร?

    Klook คือแพลตฟอร์มชั้นนำของเอเชียสำหรับการจองกิจกรรมและบริการท่องเที่ยวแบบครบวงจร เราคัดสรรประสบการณ์คุณภาพ ตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ทัวร์ท้องถิ่น การเดินทางภายในประเทศ ไปจนถึงที่พักหลากสไตล์ ครอบคลุมกว่า 3,400 จุดหมายทั่วโลก
    รองรับการใช้งานใน 15 ภาษา และสามารถชำระเงินได้มากกว่า 40 สกุลเงิน ผ่านช่องทางชำระที่หลากหลาย ทำให้การจองกับ Klook สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
    Klook ก่อตั้งในปี 2014 มีเป้าหมายเพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับนักเดินทางทุกคน ไม่ว่าคุณจะเที่ยวใกล้บ้านหรือออกเดินทางไกล Klook พร้อมพาคุณเชื่อมต่อกับโลกแห่งประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา

    🧡 ติดตาม Klook ได้ทาง

    more