วัดคินคะคุจิ
รีวิวเที่ยว วัดคินคะคุจิ
ที่เที่ยวใกล้ วัดคินคะคุจิ
คำถามพบบ่อยเมื่อไป วัดคินคะคุจิ
ช่วงเวลาไหนที่เหมาะกับการเยี่ยมชมวัดคิงกะกุมากที่สุด?
ช่วงเวลาไหนที่เหมาะกับการเยี่ยมชมวัดคิงกะกุมากที่สุด?
ฉันสามารถเดินทางไปวัดคิงกะกุจากสถานีเกียวโตได้อย่างไร?
ฉันสามารถเดินทางไปวัดคิงกะกุจากสถานีเกียวโตได้อย่างไร?
วัดคิงกะกุเปิดให้บริการกี่โมง?
วัดคิงกะกุเปิดให้บริการกี่โมง?
ข้อควรปฏิบัติในการเยี่ยมชมวัดคิงกะกุมีอะไรบ้าง?
ข้อควรปฏิบัติในการเยี่ยมชมวัดคิงกะกุมีอะไรบ้าง?
สามารถเข้าไปภายในศาลาทองได้หรือไม่?
สามารถเข้าไปภายในศาลาทองได้หรือไม่?
ภายในวัดมีร้านขายของที่ระลึกหรือไม่?
ภายในวัดมีร้านขายของที่ระลึกหรือไม่?
ก่อนไป วัดคินคะคุจิ ต้องรู้อะไรบ้าง?
เที่ยววัดคิงกะกุ

อาคารสำคัญภายในวันวัดคิงกะกุ
คิงกะกุ (Kinkaku)
คิงกะกุ หรือ ศาลาทอง เป็นอาคารหลักของวัด ซึ่งถือเป็นสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของวัดแห่งนี้ โครงสร้างอันวิจิตรตระการตาถูกออกแบบให้เป็นอาคารสามชั้นที่สะท้อนถึงรูปแบบสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกันในแต่ละยุคสมัย การออกแบบที่มีเอกลักษณ์นี้ช่วยสะท้อนถึงความหลากหลายทางวัฒนธรรมของญี่ปุ่น และแสดงถึงความงามที่เหนือกาลเวลา
ชั้นที่ 1 ของคิงกะกุถูกสร้างขึ้นในรูปแบบของ พระราชวังยุคเฮอัน (Heian Palace Style) ซึ่งเป็นยุคทองของศิลปะและวรรณกรรมญี่ปุ่น พื้นที่ภายในได้รับการตกแต่งอย่างหรูหราด้วยไม้ธรรมชาติ สื่อถึงความสง่างามและความโอ่อ่าของชนชั้นสูงในยุคนั้น
ชั้นที่ 2 สะท้อนถึงสถาปัตยกรรมแบบ ซามูไร (Bukke Style) ที่เรียบง่ายแต่สง่างาม สไตล์นี้สะท้อนถึงยุคที่นักรบซามูไรมีบทบาทสำคัญในสังคมญี่ปุ่น ลักษณะของชั้นนี้เน้นความมั่นคง แข็งแกร่ง และแสดงถึงอุดมการณ์ของซามูไรที่ให้ความสำคัญกับเกียรติยศและความมีระเบียบวินัย
ชั้นที่ 3 ได้รับอิทธิพลจาก สถาปัตยกรรมแบบวัดเซน (Zen Temple Style) ซึ่งสะท้อนถึงหลักธรรมในพุทธศาสนาและแนวคิดเรื่องความสงบภายใน การออกแบบของชั้นนี้เรียบง่ายและเคร่งขรึม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเข้าถึงปัญญาและการตรัสรู้ตามแนวทางของศาสนาพุทธ
สระน้ำเคียวโคจิ (Kyoko-chi)
สระน้ำเคียวโคจิ หรือ Mirror Pond เป็นองค์ประกอบสำคัญที่ช่วยเสริมให้ศาลาทองคิงกะกุ มีความงดงามและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ สระน้ำแห่งนี้ล้อมรอบตัวศาลาและทำหน้าที่เป็นกระจกธรรมชาติที่สะท้อนภาพของอาคารทองคำ ท้องฟ้า และพืชพรรณรอบข้าง สร้างภาพที่ชวนให้ผู้มาเยือนได้สัมผัสถึงความสงบและความงามตามแบบฉบับของสวนญี่ปุ่น
สิ่งที่ทำให้สระน้ำเคียวโคจิพิเศษกว่าสระน้ำทั่วไปคือ เกาะเล็กๆ และหินประดับที่กระจายอยู่ทั่วบริเวณน้ำ การจัดวางองค์ประกอบเหล่านี้ไม่ได้เป็นไปอย่างไร้แบบแผน แต่ได้รับการออกแบบอย่างประณีตตามหลักภูมิสถาปัตย์ญี่ปุ่น เพื่อให้เกิดทัศนียภาพที่สมดุลและสง่างาม เกาะเหล่านี้แทนความหมายเชิงสัญลักษณ์ในพุทธศาสนา บ้างสื่อถึงดินแดนแห่งการตรัสรู้ บ้างแสดงถึงสวรรค์หรือโลกอุดมคติ
ศาลาเซกกะเท (Sekka-tei)
ศาลาเซกกะเท เป็นโรงน้ำชาสไตล์ญี่ปุ่นที่ถูกสร้างขึ้นในยุคเอโดะ (ค.ศ. 1603-1868) ตั้งอยู่ภายในวัด และถือเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ดีที่สุดของวัด สถานที่แห่งนี้ได้รับการออกแบบให้เป็นพื้นที่สำหรับพิธีชงชาแบบดั้งเดิม โดยมีบรรยากาศที่เงียบสงบและรายล้อมไปด้วยธรรมชาติที่งดงาม
ศาลเจ้าฟุโดโดะ (Fudo-do)
ศาลเจ้าฟุโดโดะ ศาลาขนาดเล็กที่เป็นที่ประดิษฐานของ พระพุทธรูปฟุโดเมียวโอ (Fudo Myo-o) หรือ พระอจลนาถ ซึ่งเป็นหนึ่งในเทพแห่งพุทธศาสนานิกายวัชรยาน พระฟุโดเมียวโอ เป็นหนึ่งใน ห้าเทพเมียวโอ ที่ได้รับความเคารพอย่างสูงในพุทธศาสนา โดยเฉพาะในนิกายชินงอนและนิกายเทนได
แม้ว่า ศาลาฟุโดโดะ จะเป็นอาคารขนาดเล็กเมื่อเทียบกับศาลาทอง แต่ที่นี่กลับเป็นจุดที่เต็มไปด้วยพลังแห่งศรัทธา ผู้คนมักเดินทางมาที่ศาลานี้เพื่อสวดมนต์และขอพรเกี่ยวกับ ความปลอดภัย ปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย และความสำเร็จในชีวิต เชื่อกันว่าพระฟุโดเมียวโอมีพลังอำนาจในการขจัดอุปสรรค และช่วยให้ผู้ที่มีความตั้งใจแน่วแน่สามารถบรรลุเป้าหมายของตนเองได้

ประวัติความเป็นมาของวัดคิงกะกุ
วัดคิงกะกุ (Kinkakuji) หรือที่รู้จักกันในชื่อ "วัดทอง" เป็นหนึ่งในวัดสำคัญของเมืองเกียวโต เดิมทีสถานที่แห่งนี้สร้างขึ้นในช่วงปลายศตวรรษที่ 14 โดยโชกุนอาชิกาก้า โยชิมิสุ (Ashikaga Yoshimitsu) เพื่อใช้เป็นที่พำนักส่วนตัวและรับรองแขกระดับสูง หลังจากที่ท่านโชกุนเสียชีวิต ที่พำนักแห่งนี้ถูกเปลี่ยนให้เป็นวัดพุทธนิกายเซน ตามความปรารถนาของท่าน
ด้วยสถาปัตยกรรมอันงดงามของวัดคิงกะกุ อาคารหลักของวัดถูกปิดด้วยแผ่นทองคำเปลว สะท้อนความหรูหราของยุคสมัย และกลายเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างวัดกินคะคุจิ (Ginkakuji) หรือ "วัดเงิน" ซึ่งสร้างขึ้นโดยโชกุนอาชิกาก้า โยชิมาสะ (หลานชายของโยชิมิสุ) ในภายหลัง
แม้ว่าวัดจะเคยถูกทำลายในช่วงสงครามโอนิน (Onin War) และเกิดเหตุเพลิงไหม้ในปี ค.ศ. 1950 แต่ก็ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1955 จนกลับมาเป็นสัญลักษณ์สำคัญของเกียวโต และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโกในปี ค.ศ. 1994 ปัจจุบันวัดคินคะคุจิยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากผู้คนทั่วโลก ด้วยความงามของอาคารสีทองที่สะท้อนลงบนผืนน้ำและบรรยากาศที่เงียบสงบตามแบบฉบับของวัดเซน
กิจกรรมและเทศกาลประจำเดือนของวัดคิงกะกุ
1. เทศกาลฮานามิ (Hanami) - ฤดูใบไม้ผลิ
ในช่วง ปลายเดือนมีนาคมถึงต้นเดือนเมษายน เป็นช่วงที่ซากุระบานทั่วเมืองเกียวโต รวมถึงในบริเวณรอบ ๆ วัดคิงกะกุ ด้วย บรรยากาศที่สวยงามของดอกซากุระที่บานสะพรั่งทำให้หลายคนเดินทางมายังวัดเพื่อชมวิวของต้นซากุระที่อยู่รอบอาคารทองคำ วัดคิงกะกุในช่วงนี้จะเต็มไปด้วยผู้คนที่มาถ่ายรูปและเพลิดเพลินกับธรรมชาติ
2. เทศกาลกิอง (Gion Matsuri) - ฤดูร้อน
เทศกาลกิอง เป็นเทศกาลที่ยิ่งใหญ่และมีชื่อเสียงที่สุดในเกียวโต ซึ่งจะจัดขึ้นในช่วง เดือนกรกฎาคม โดยมีขบวนแห่ที่สวยงามและประเพณีโบราณที่ยาวนานถึงหลายศตวรรษ แม้ว่าจะไม่มีการจัดกิจกรรมในวัดคิงกะกุโดยตรง แต่การมาเยือนเกียวโตในช่วงเทศกาลนี้จะทำให้คุณได้สัมผัสถึงวัฒนธรรมและความยิ่งใหญ่ของเมืองเกียวโต ซึ่งสามารถไปเที่ยวชมวัดคิงกะกุก่อนหรือหลังเข้าร่วมเทศกาล
3. เทศกาลอาโออิมัตสึริ (Aoi Matsuri) - ฤดูใบไม้ผลิ
เทศกาลอาโออิมัตสึริ จัดขึ้นใน วันที่ 15 พฤษภาคม ของทุกปี เป็นหนึ่งในเทศกาลที่เก่าแก่ที่สุดในญี่ปุ่น โดยจะมีขบวนแห่จากวัดและศาลเจ้าในเกียวโต รวมถึงการแต่งกายของผู้ร่วมขบวนในชุดดั้งเดิมที่สวยงาม แม้ว่าวัดคิงกะกุจะไม่ได้เป็นจุดหลักของเทศกาลนี้ แต่การเยี่ยมชมเมืองเกียวโตในช่วงนี้จะทำให้คุณได้สัมผัสกับวัฒนธรรมญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมอย่างแท้จริง
4. เทศกาลใบไม้เปลี่ยนสี (Koyo) - ฤดูใบไม้ร่วง
ช่วง ฤดูใบไม้ร่วง (พฤศจิกายน) เป็นช่วงที่วัดคิงกะกุมีบรรยากาศที่งดงามที่สุด โดยเฉพาะเมื่อใบไม้เปลี่ยนสีจากสีเขียวเป็นสีแดงและทอง เหมือนกับการตกแต่งธรรมชาติรอบ ๆ วัด การเดินชมสวนและถ่ายรูปกับทิวทัศน์ที่สวยงามในช่วงนี้ถือเป็นกิจกรรมที่ไม่ควรพลาด วัดคิงกะกุในช่วงนี้จะมีผู้เยี่ยมชมมากมายที่มาถ่ายภาพกับทิวทัศน์ที่งดงามและบรรยากาศแห่งฤดูใบไม้ร่วง
5. เทศกาลปีใหม่ (Oshogatsu) - ฤดูหนาว
เทศกาลปีใหม่ ถือเป็นช่วงเวลาที่คนญี่ปุ่นจะไปวัดเพื่อขอพรสำหรับปีใหม่ หรือที่เรียกว่า Hatsumode นักท่องเที่ยวที่มาเยือนวัดคิงกะกุในช่วง วันที่ 1-3 มกราคม อาจจะพบเห็นผู้คนที่มาไหว้พระและขอพรจากเทพเจ้าของวัด โดยทั่วไปจะมีพิธีกรรมสวดมนต์และการเสี่ยงเซียมซีที่วัดเพื่อขอพรในปีใหม่
วัดมรดกโลกที่อยู่ใกล้เคียง
นอกจาก วัดคิงกะกุ แล้ว ยังมีวัดมรดกโลกที่น่าสนใจอื่นๆ ในบริเวณใกล้เคียง เช่น วัดกินคาคุจิ, วัดเรียวอันจิ, และ วัดเท็นริวจิ ซึ่งล้วนแล้วแต่ควรค่าแก่การไปเยี่ยมชม นอกจากนี้ วัดโรคุองจิ ก็เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่น่าสนใจ วัดแต่ละแห่งมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว โดยเฉพาะการออกแบบสวนที่งดงาม สะท้อนให้เห็นถึงปรัชญาและอุดมคติของพุทธศาสนา

วัดกินคาคุจิ (Ginkaku-ji)
วัดกินคาคุจิถูกสร้างขึ้นโดย อาชิคางะ โยชิมาสะ หลานของ อาชิคางะ โยชิมิทสึ ผู้สร้างวัดคิงกะกุ เดิมทีวัดนี้มีชื่ออย่างเป็นทางการว่า วัดฮิงาชิยามะ จิโชจิ และถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "กินคาคุจิ" ในสมัยเอโดะ (ค.ศ. 1603-1867) เพื่อให้แตกต่างจากคิงกะกุ แม้ว่าชื่อจะหมายถึง "ศาลาเงิน" แต่ตัวอาคารไม่ได้เคลือบเงินเหมือนกับศาลาทองของวัดคิงกะกุ จุดเด่นของวัดนี้อยู่ที่ สวนเซน และ ภูมิทัศน์ที่เงียบสงบ ซึ่งสะท้อนแนวคิด "วาบิซาบิ" (Wabi-Sabi) หรือความงามของความไม่สมบูรณ์แบบ
วัดเรียวอันจิ (Ryoan-ji)
วัดเรียวอันจิได้รับการยอมรับในระดับสากลจาก สวนหินแบบเซน ซึ่งมีเอกลักษณ์โดดเด่น ประกอบด้วยก้อนหิน 15 ก้อนที่ถูกจัดวางบนพื้นทรายสีขาวในลักษณะที่ไม่ว่ามองจากมุมไหน จะเห็นก้อนหินเพียง 14 ก้อนเท่านั้น สวนแห่งนี้ถือเป็นผลงานศิลปะที่สะท้อนถึงแนวคิดทางพุทธศาสนาและความลี้ลับของธรรมชาติ
วัดเท็นริวจิ (Tenryu-ji)
วัดเท็นริวจิตั้งอยู่ในย่าน อาราชิยามะ และเป็นหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดในเกียวโต สร้างขึ้นในศตวรรษที่ 14 และได้รับการจัดอันดับให้เป็นหนึ่งใน ห้าวัดสำคัญของเกียวโต (Kyoto Gozan) จุดเด่นของวัดคือ สวนโซเง็นจิ (Sogenchi Garden) ซึ่งได้รับการออกแบบโดย มุโซ โซเซกิ และยังคงรักษารูปแบบดั้งเดิมมาตั้งแต่ยุคมุโรมาจิ
ดูกิจกรรมอื่น ๆ บน Klook
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเกียวโต
- 1 ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
- 2 วัดคิโยะมิซุ
- 3 อาราชิยาม่า
- 4 ตลาดนิชิกิ
- 5 กิออน
- 6 เส้นทางป่าไผ่อาราชิยามะ
- 7 ปราสาทนิโจ
- 8 แม่น้ําคาโมะ
- 9 พระราชวังหลวงเคียวโตะ
- 10 ถนนปอนโตโช
- 11 ย่านนิเนซากะ
- 12 วัดซันจูซันเกนโด
- 13 สวนลิงอาราชิยามะ อิวาทายามะ
- 14 Toei Kyoto Studio Park
- 15 วัดรุริโคอิน
- 16 วัดไซโฮจิ
- 17 Funaoka Onsen
- 18 พิพิธภัณฑ์รถไฟเกียวโต
- 19 เขาฮิเอ