ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
รีวิวเที่ยว ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
ที่เที่ยวใกล้ ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
คำถามพบบ่อยเมื่อไป ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมฟูชิมิอินาริไทฉะคือเมื่อไหร่?
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเยี่ยมชมฟูชิมิอินาริไทฉะคือเมื่อไหร่?
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริเปิดกี่โมง?
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริเปิดกี่โมง?
ฉันสามารถเดินทางไปยังศาลเจ้าฟูชิมิอินาริอย่างไรได้บ้าง?
ฉันสามารถเดินทางไปยังศาลเจ้าฟูชิมิอินาริอย่างไรได้บ้าง?
ใช้เวลานานแค่ไหนในการเดินขึ้นไปถึงยอดเขาอินาริ?
ใช้เวลานานแค่ไหนในการเดินขึ้นไปถึงยอดเขาอินาริ?
ฉันสามารถเดินเขาอินาริในเวลากลางคืนได้หรือไม่?
ฉันสามารถเดินเขาอินาริในเวลากลางคืนได้หรือไม่?
ก่อนไป ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ ต้องรู้อะไรบ้าง?
เที่ยวศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
ประวัติและความสำคัญของศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ (Fushimi Inari Taisha) เป็นศาลเจ้าชินโตที่มีความเก่าแก่และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศญี่ปุ่น ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองเกียวโต สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 711 เพื่ออุทิศให้กับเทพอินาริ ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งข้าว อาหาร การเพาะปลูก และความอุดมสมบูรณ์ โดยเทพอินาริยังได้รับการเคารพบูชาในฐานะผู้ประทานโชคลาภและความสำเร็จด้านธุรกิจด้วย ทำให้ศาลเจ้าแห่งนี้กลายเป็นที่นิยมในหมู่พ่อค้า นักธุรกิจ และผู้ประกอบการที่มาขอพรเพื่อความรุ่งเรืองในกิจการของตน
หนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของศาลเจ้านี้คือ "เสาโทริอิ" สีแดงนับหมื่นต้นที่เรียงรายเป็นอุโมงค์ยาวทอดขึ้นสู่ภูเขาอินาริ ซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังศาลเจ้า เสาโทริอิเหล่านี้ส่วนใหญ่ได้รับการบริจาคจากบุคคลและองค์กรต่างๆ เพื่อแสดงความขอบคุณต่อเทพอินาริเมื่อได้รับพรหรือประสบความสำเร็จตามที่ขอไว้ โดยมีการสลักชื่อผู้บริจาคและวันที่ไว้ที่ด้านหลังของเสาแต่ละต้น ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริยังมีรูปปั้นจิ้งจอก (คิทสึเนะ) อยู่ทั่วบริเวณ เนื่องจากจิ้งจอกถือเป็นผู้ส่งสารของเทพอินาริ ตามความเชื่อแบบชินโต รูปปั้นเหล่านี้มักคาบกุญแจยุ้งฉางไว้ที่ปาก ซึ่งสื่อถึงความมั่งคั่งและความอุดมสมบูรณ์
ด้วยบรรยากาศที่ผสมผสานระหว่างความศักดิ์สิทธิ์และความงดงามทางธรรมชาติ ศาลเจ้าแห่งนี้จึงกลายเป็นจุดหมายสำคัญทั้งสำหรับชาวญี่ปุ่นและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกที่ต้องการมาสัมผัสพลังแห่งศรัทธาและธรรมชาติอันสงบร่มรื่นของเกียวโต
เทพเจ้าอินาริ: เทพแห่งความอุดมสมบูรณ์ สู่ผู้อุปถัมภ์ความสำเร็จทางธุรกิจ
อินาริ โอคามิ (Inari Ōkami) หรือที่รู้จักกันในนาม "โออินาริซัง" คือหนึ่งในเทพเจ้า (คามิ) ที่ได้รับความเคารพนับถืออย่างกว้างขวางและใกล้ชิดกับวิถีชีวิตของชาวญี่ปุ่นมากที่สุดองค์หนึ่ง พระองค์ทรงเป็นเทพเจ้าในศาสนาชินโตที่ปกป้องคุ้มครองในหลากหลายด้าน ตั้งแต่ธัญญาหาร การเกษตร ไปจนถึงความเจริญรุ่งเรืองในกิจการค้าและอุตสาหกรรม ทำให้ศาลเจ้าอินาริปรากฏอยู่ทั่วทุกแห่งในญี่ปุ่น ตั้งแต่ศาลเจ้าขนาดใหญ่บนภูเขาไปจนถึงศาลเล็กๆ ในย่านธุรกิจหรือบนดาดฟ้าของอาคาร
จากเทพแห่งท้องนาสู่เทพแห่งการค้า
ในยุคแรกเริ่มของญี่ปุ่นซึ่งเป็นสังคมเกษตรกรรม อินาริได้รับการบูชาในฐานะ เทพเจ้าแห่งข้าวและธัญญาหาร พระองค์ทรงเป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์และการเก็บเกี่ยวที่ได้ผลดี เกษตรกรจะสวดภาวนาต่ออินาริเพื่อขอพรให้พืชผลเจริญงอกงาม ปราศจากภัยธรรมชาติและโรคระบาด ความเชื่อมโยงกับการเกษตรนี้ยังขยายไปถึงสาเก ซึ่งเป็นเครื่องดื่มที่หมักจากข้าว และผลิตภัณฑ์อาหารอื่นๆ
เมื่อกาลเวลาผ่านไป สังคมญี่ปุ่นเริ่มพัฒนาสู่สังคมแห่งการค้าและอุตสาหกรรม บทบาทของเทพเจ้าอินาริก็ขยายขอบเขตกว้างขึ้นตามไปด้วย จากเดิมที่เป็นเพียงผู้คุ้มครองผลผลิตทางการเกษตร พระองค์ได้กลายเป็น เทพเจ้าแห่งความเจริญรุ่งเรืองทางธุรกิจ พ่อค้า ช่างฝีมือ และเจ้าของธุรกิจต่างหันมาสักการะอินาริเพื่อขอพรให้กิจการรุ่งเรือง ประสบความสำเร็จทางการค้า และมีโชคลาภทางการเงิน
ความเชื่อนี้หยั่งรากลึกจนกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่สำคัญ เช่น การบริจาคเสาโทริอิสีแดงสดอันเป็นเอกลักษณ์ให้กับศาลเจ้าอินาริ โดยเฉพาะที่ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริในเกียวโต ซึ่งเป็นศาลเจ้าหลักของศาลเจ้าอินาริทั่วประเทศ อุโมงค์เสาโทริอิที่ทอดยาวสุดลูกหูลูกตานั้น ล้วนเกิดจากพลังศรัทธาของบุคคลและบริษัทที่มาขอพรแล้วประสบความสำเร็จตามที่หวัง
สัญลักษณ์และผู้ส่งสาร
เมื่อกล่าวถึงเทพเจ้าอินาริ ภาพจำที่แยกจากกันไม่ได้คือ สุนัขจิ้งจอก หรือ คิทสึเนะ (Kitsune) ในความเชื่อชินโต คิทสึเนะทำหน้าที่เป็นผู้ส่งสารของเทพเจ้าอินาริ เราจึงสามารถพบเห็นรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกจำนวนมากตามศาลเจ้าอินาริ โดยมักจะปรากฏเป็นคู่ ตั้งอยู่บริเวณทางเข้าหรือหน้าอาคารหลัก รูปปั้นเหล่านี้มักคาบสิ่งของมงคลต่างๆ ในปาก เช่น:
ลูกแก้ว หรือ รัตนมณี (Hoju): สัญลักษณ์แห่งจิตวิญญาณของเทพเจ้าและพลังอำนาจ
กุญแจ (Kagi): ตัวแทนของกุญแจสู่ยุ้งฉางข้าว ซึ่งหมายถึงความอุดมสมบูรณ์
ม้วนสาร (Makimono): สื่อถึงสติปัญญาและสาส์นจากเทพเจ้า
รวงข้าว (Ine): สัญลักษณ์แห่งการเก็บเกี่ยวที่อุดมสมบูรณ์
ไฮไลท์ของศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
อาคารหลักของศาลเจ้า (Go-Honden)
อาคารหลัก หรือ "โกะฮนเด็น" คือหัวใจและเป็นพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดของศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ เป็นที่ประทับของเทพเจ้าอินาริ โอคามิ (Inari Ōkami) และเทพเจ้ารองอีกสี่องค์ ซึ่งรวมเรียกว่า "อินาริ โกะชะ" (Inari Gosha - เทพเจ้าอินาริทั้งห้า) นักท่องเที่ยวและผู้ศรัทธาจะมุ่งหน้ามายังอาคารนี้เพื่อสวดมนต์ ขอพร และแสดงความเคารพเป็นอันดับแรก
สถาปัตยกรรมอันงดงาม: ตัวอาคารปัจจุบันถูกสร้างขึ้นใหม่ในปี ค.ศ. 1499 หลังจากที่ของเดิมถูกเผาทำลายไปในช่วงสงครามโอนิน และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมที่สำคัญของชาติ สถาปัตยกรรมเป็นแบบ "นางาเระ-ซูคุริ" (Nagare-zukuri) ซึ่งเป็นรูปแบบที่นิยมในการสร้างศาลเจ้าชินโต มีลักษณะเด่นคือหลังคาที่ยื่นยาวออกมาทางด้านหน้ามากกว่าด้านหลัง ทำให้เกิดพื้นที่ชายคาสำหรับผู้มาสักการะ หลังคาทำจากเปลือกไม้ฮิโนกิซ้อนกันเป็นชั้นๆ หรือที่เรียกว่า "ฮิวาดะ-บูกิ" (Hiwada-buki) ซึ่งเป็นเทคนิคโบราณที่ต้องใช้ความประณีตสูง
รายละเอียดการตกแต่งมีความวิิจิตรตระการตา ไม่ว่าจะเป็นงานแกะสลักไม้ที่หน้าบันและคาน การใช้สีแดงสด (สีชาด) ตัดกับสีทองและสีดำอย่างลงตัว ซึ่งไม่เพียงแต่สวยงาม แต่สีแดงยังเชื่อว่ามีพลังในการปัดเป่าสิ่งชั่วร้ายอีกด้วย บริเวณหน้าอาคารหลักจะมี "ไฮเด็น" (Haiden) หรือโถงสักการะสำหรับให้ผู้คนยืนสวดมนต์และประกอบพิธีกรรม
ประตูโรมง (Rōmon Gate)
เมื่อเดินผ่านโทริอิขนาดใหญ่ที่ทางเข้าหลักเข้ามา สิ่งแรกที่จะสร้างความประทับใจคือประตูโรมงอันโอ่อ่าและสง่างาม ประตูแห่งนี้ทำหน้าที่เป็นเส้นแบ่งเขตระหว่างโลกมนุษย์และเขตศักดิ์สิทธิ์ของเทพเจ้า
ประวัติและความสำคัญ: ประตูโรมงของศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ สร้างขึ้นในปี ค.ศ. 1589 โดยไดเมียวผู้ยิ่งใหญ่ โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ (Toyotomi Hideyoshi) เพื่อเป็นการขอบคุณเทพเจ้าอินาริหลังจากที่ท่านได้อธิษฐานขอให้มารดาที่กำลังป่วยหนักหายดีและคำอธิษฐานนั้นก็สัมฤทธิ์ผล สถาปัตยกรรมของประตูเป็นแบบสองชั้นที่สง่างามและมีขนาดใหญ่ที่สุดในบรรดาประตูศาลเจ้าประเภทเดียวกัน
บริเวณสองข้างของประตูจะมียามผู้พิทักษ์ หรือที่เรียกว่า "ซุชิน" (Zuishin) ซึ่งเป็นรูปปั้นขององครักษ์ในชุดนักรบโบราณ ถือธนูและลูกธนู คอยปกป้องคุ้มครองพื้นที่ศักดิ์สิทธิ์จากสิ่งชั่วร้าย ประตูโรมงจึงไม่ได้เป็นเพียงทางผ่าน แต่ยังเป็นจุดถ่ายภาพที่สำคัญและเป็นสัญลักษณ์แห่งการมาเยือนศาลเจ้าแห่งนี้
เส้นทางเดินป่าขึ้นภูเขาอินาริ (Mount Inari Pilgrimage Trail)
เบื้องหลังอาคารหลักคือจุดเริ่มต้นของประสบการณ์อันเป็นเอกลักษณ์ นั่นคือเส้นทางเดินสู่ยอดเขาอินาริที่สูง 233 เมตร เส้นทางนี้ไม่ได้เป็นเพียงเส้นทางเดินป่าธรรมดา แต่เปรียบเสมือนเส้นทางการจาริกแสวงบุญที่ผู้คนเดินตามรอยศรัทธาผ่านอุโมงค์เสาโทริอิสีแดงสดนับหมื่นต้น (ที่เรียกว่า เซ็มบงโทริอิ - Senbon Torii)
ตลอดเส้นทางที่คดเคี้ยวและค่อยๆ ไต่ระดับความสูงขึ้นไปเรื่อยๆ บรรยากาศจะเปลี่ยนจากความคึกคักของผู้คนไปสู่ความเงียบสงบและขรึมขลังของผืนป่า ยิ่งเดินลึกเข้าไปเท่าไหร่ จำนวนนักท่องเที่ยวจะยิ่งบางตาลง ทำให้คุณได้สัมผัสกับบรรยากาศอันศักดิ์สิทธิ์ของภูเขาแห่งนี้ได้อย่างเต็มที่ การเดินทางไป-กลับจนถึงยอดเขาอาจใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง เป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ที่มีเวลาและพละกำลังที่จะได้สำรวจศาลเจ้าให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
สี่แยกโยทสึจิ (Yotsutsuji Intersection)
หลังจากเดินขึ้นเขามาได้ประมาณครึ่งทาง (ราว 30-45 นาที) คุณจะมาถึงลานกว้างที่เรียกว่า สี่แยกโยทสึจิ ซึ่งถือเป็นจุดพักและจุดชมวิวยอดนิยม ที่นี่เป็นเหมือนรางวัลสำหรับผู้ที่ออกแรงเดินขึ้นมา เพราะคุณจะได้เห็นทิวทัศน์อันงดงามของเมืองเกียวโตที่ทอดตัวอยู่เบื้องล่าง สามารถมองเห็นไปได้ไกลถึงตัวเมืองทางทิศใต้
บริเวณนี้มีร้านน้ำชาและร้านอาหารเล็กๆ ตั้งอยู่ ให้คุณได้นั่งพัก จิบชาเขียว หรือทานไอศกรีม พลางชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ตัดสินใจเดินกลับลงไป แต่สำหรับผู้ที่ต้องการพิชิตยอดเขา นี่คือจุดพักครึ่งทางเพื่อเติมพลังก่อนจะเดินต่อไปยังยอดเขาอิจิโนมิเนะ (Ichinomine)
ศาลเจ้าย่อยและแท่นบูชาหิน (Otsuka)
เมื่อเดินเลยสี่แยกโยทสึจิขึ้นไป คุณจะเริ่มเข้าสู่บรรยากาศที่แตกต่างออกไป เส้นทางจะรายล้อมไปด้วย "โอทสึกะ" ซึ่งเป็นแท่นบูชาหินส่วนบุคคลจำนวนนับไม่ถ้วนที่ตั้งเรียงรายลดหลั่นกันไปตามไหล่เขา แท่นบูชาเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้กับเทพเจ้าอินาริในนามของบุคคล ครอบครัว หรือบริษัทต่างๆ บนแท่นหินจะมีการสลักชื่อของเทพเจ้าและชื่อของผู้ศรัทธาเอาไว้
บรรยากาศในบริเวณนี้มีความขลัง ลึกลับ และเป็นส่วนตัวอย่างยิ่ง คุณจะได้เห็นกองหินเล็กๆ รูปปั้นจิ้งจอกขนาดจิ๋ว และโทริอิขนาดเล็กที่ผู้คนนำมาถวายวางซ้อนกันอยู่ตามโขดหินและพุ่มไม้ เป็นภาพสะท้อนถึงความศรัทธาอันลึกซึ้งที่ผู้คนมีต่อเทพเจ้าอินาริในระดับปัจเจกบุคคล การได้เดินผ่านพื้นที่นี้จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้หลุดเข้าไปในอีกมิติหนึ่งที่เต็มไปด้วยพลังแห่งจิตวิญญาณและความเชื่อที่สืบทอดกันมาอย่างยาวนาน
เสาโทริอิสีแดงนับหมื่นต้น (Senbon Torii)
หนึ่งในสัญลักษณ์ที่โดดเด่นที่สุดของศาลเจ้าฟูชิมิอินาริคือ "อุโมงค์โทริอิ" เสาไม้สีแดงสดที่ตั้งเรียงกันแน่นหนาตลอดเส้นทางขึ้นภูเขาอินาริ เสาโทริอิเหล่านี้ส่วนใหญ่ถูกบริจาคโดยบุคคลหรือบริษัทที่ต้องการขอพรหรือแสดงความขอบคุณต่อเทพอินาริ โดยแต่ละต้นจะมีชื่อผู้บริจาคและวันที่จารึกไว้ด้านหลัง ภาพของโทริอิเรียงกันเป็นทางยาวนี้เป็นภาพที่โด่งดังไปทั่วโลกและกลายเป็นสัญลักษณ์ของเกียวโตอย่างแท้จริง
รูปปั้นจิ้งจอกผู้ส่งสารของเทพอินาริ
จิ้งจอก หรือ "คิทสึเนะ" ในภาษาญี่ปุ่น ถือเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ในศาสนาชินโต และเป็นผู้ส่งสารของเทพอินาริ ตามความเชื่อ รูปปั้นจิ้งจอกที่กระจายอยู่ทั่วบริเวณศาลเจ้ามักจะคาบกุญแจหรือของศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ไว้ที่ปาก โดยเฉพาะกุญแจยุ้งฉาง ซึ่งสื่อถึงความมั่งคั่งและการปกป้องพืชผล เป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภและความอุดมสมบูรณ์ที่ผู้มาเยือนนิยมขอพร
จุดถ่ายรูปยอดนิยม
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริเต็มไปด้วยมุมถ่ายรูปอันโด่งดัง เช่น
อุโมงค์โทริอิสีแดง ที่ถ่ายจากมุมลึกจะได้ภาพโทริอิเรียงกันสวยงาม
บันไดหินท่ามกลางต้นไม้ ที่ให้ภาพมีความลึกลับและสงบ
รูปปั้นจิ้งจอกคู่หน้าอาคารหลัก
จุดชมวิวเมืองเกียวโต ที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ในวันที่อากาศแจ่มใส
ร้านของฝากและอาหารท้องถิ่น
ด้านล่างของศาลเจ้ามีถนนสายเล็กๆ ที่เรียงรายด้วยร้านขายของฝากและของกินท้องถิ่น จุดเด่นคืออาหารที่เกี่ยวข้องกับเทพอินาริ เช่น
อินาริซูชิ: ข้าวซูชิห่อด้วยเต้าหู้ทอด ซึ่งเชื่อว่าเป็นของโปรดของเทพอินาริ
คิทสึเนะอุด้ง: อุด้งร้อนหน้าเต้าหู้ทอด มีรสชาติหวานกลมกล่อม
ของที่ระลึกยอดนิยม เช่น เครื่องราง, พวงกุญแจจิ้งจอก, เสาโทริอิจิ๋ว, และ ชุดป้ายขอพร ที่นักท่องเที่ยวสามารถเขียนคำอธิษฐานแขวนไว้ในศาลเจ้าได้
ข้อแนะนำและเคล็ดลับเมื่อไปสักการะศาลเจ้าฟูชิมิอินาริแ
การไปเยือนศาลเจ้าฟูชิมิอินาริไม่ได้เป็นเพียงการไปท่องเที่ยวถ่ายภาพ แต่ยังเป็นโอกาสในการสัมผัสวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของศาสนาชินโต เพื่อให้การไปเยือนของคุณราบรื่นและเปี่ยมด้วยความเคารพ นี่คือข้อแนะนำและเคล็ดลับต่างๆ ที่ควรรู้
มารยาทและขั้นตอนการสักการะ
การเดินผ่านประตูโทริอิ (Torii Gate):
ก่อนเดินผ่านโทริอิซึ่งเป็นสัญลักษณ์แบ่งเขตแดนเทพเจ้า ให้โค้งคำนับเล็กน้อย 1 ครั้ง เพื่อแสดงความเคารพ
พยายามเดินชิดซ้ายหรือขวาของทางเดิน เนื่องจากตรงกลางถือเป็นทางเดินสำหรับเทพเจ้า
การชำระล้างที่โชซึยะ (Chozuya / Temizuya):
ก่อนเข้าสู่ตัวอาคารหลัก คุณจะพบจุดชำระล้างร่างกายและจิตใจ ให้ปฏิบัติตามขั้นตอนดังนี้
ใช้มือขวาจับกระบวย (Hishaku) ตักน้ำ
รินน้ำล้างมือซ้าย
เปลี่ยนมาใช้มือซ้ายจับกระบวย แล้วรินน้ำล้างมือขวา
เปลี่ยนกลับมาใช้มือขวาจับกระบวย เทน้ำใส่อุ้งมือซ้าย แล้วนำมาใช้บ้วนปาก (ห้ามให้ปากสัมผัสกระบวยโดยตรง และอย่ากลืนน้ำลงไป ให้บ้วนทิ้งในที่ที่จัดไว้)
สุดท้าย ถือกระบวยให้ตั้งขึ้นเพื่อให้น้ำที่เหลือไหลลงมาล้างด้ามจับ แล้ววางคว่ำไว้ที่เดิม
การสักการะหน้าอาคารหลัก (Honden):
เดินเข้าไปยืนหน้าโถงสักการะอย่างสงบ
โยนเหรียญทำบุญลงในกล่องรับบริจาค (นิยมใช้เหรียญ 5 เยน เพราะพ้องเสียงกับคำว่า "โกะเอน" (Go-en) ที่แปลว่า "วาสนาที่ดี" หรือ " duyên phận tốt")
โค้งคำนับ 2 ครั้ง
ปรบมือ 2 ครั้ง (ปรบมือดังๆ ให้ฝ่ามือเสมอกันที่ระดับอก)
พนมมืออธิษฐานเงียบๆ ในใจ
โค้งคำนับอีก 1 ครั้ง เป็นการสิ้นสุด
เคล็ดลับสำหรับการเดินสำรวจและถ่ายภาพ
เลือกช่วงเวลาที่เหมาะสม:
เช้าตรู่ (ก่อน 8.00 น.): เป็นเวลาที่ดีที่สุดในการหลีกเลี่ยงฝูงชน คุณจะได้สัมผัสกับบรรยากาศที่เงียบสงบ แสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าที่ส่องลอดผ่านอุโมงค์โทริอิจะทำให้ได้ภาพที่สวยงามมาก
ช่วงเย็นหรือค่ำ: หลังจากนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กลับไปแล้ว ศาลเจ้าจะเปิดไฟตามทางเดิน ให้บรรยากาศที่ลึกลับและขลังไปอีกแบบ (แต่หากจะเดินขึ้นเขาควรเตรียมไฟฉายไปด้วย)
เตรียมตัวสำหรับการเดิน:
สวมรองเท้าที่สบายที่สุด: เส้นทางส่วนใหญ่เป็นการเดินขึ้นเขาและขั้นบันได ควรเลือกรองเท้าผ้าใบหรือรองเท้าสำหรับเดินโดยเฉพาะ
เตรียมน้ำดื่ม: แม้จะมีตู้กดน้ำอัตโนมัติเป็นระยะ แต่การเตรียมน้ำดื่มไปเองจะสะดวกกว่า โดยเฉพาะในวันที่อากาศร้อน
เทคนิคการถ่ายภาพในอุโมงค์โทริอิ (Senbon Torii):
เดินเข้าไปให้ลึกขึ้น: นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักจะถ่ายรูปกันที่จุดเริ่มต้นของอุโมงค์ หากคุณเดินลึกเข้าไปอีกหน่อย จะพบช่วงที่คนน้อยลงและสามารถถ่ายภาพได้ง่ายขึ้น
หามุมเงย: ลองถ่ายภาพในมุมเงยขึ้นไป จะเห็นความหนาแน่นและความสวยงามของเสาโทริอิที่เรียงซ้อนกัน
เล่นกับแสงและเงา: ใช้ประโยชน์จากแสงที่ส่องผ่านช่องว่างระหว่างเสาเพื่อสร้างมิติให้กับภาพ
กิจกรรมเสริมเพื่อความเป็นสิริมงคล
ลองยกหินเสี่ยงทาย (Omokaru Ishi):
ที่ศาลาริมทางขึ้นเขา จะมีตะเกียงหินคู่หนึ่ง ให้คุณตั้งจิตอธิษฐานในใจ แล้วลองยกหินก้อนบนสุดของตะเกียง
ความเชื่อ: ถ้าคุณรู้สึกว่าหินนั้น "เบากว่า" ที่คิดไว้ คำอธิษฐานของคุณจะสมหวัง แต่ถ้า "หนักกว่า" ที่คิด อาจจะต้องใช้ความพยายามมากขึ้น
เขียนคำอธิษฐานบนแผ่นไม้เอมะ (Ema)
ซื้อแผ่นไม้ขอพรซึ่งเป็นรูปหน้าสุนัขจิ้งจอกอันเป็นเอกลักษณ์ จากนั้นใช้ปากกาเขียนคำอธิษฐานของคุณลงไป แล้วนำไปแขวนไว้ในที่ที่จัดเตรียมไว้
เลือกซื้อเครื่องราง (Omamori)
ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริมีชื่อเสียงด้านเครื่องรางที่เกี่ยวกับการค้าขายและความสำเร็จทางธุรกิจ นอกจากนี้ยังมีเครื่องรางด้านอื่นๆ เช่น สุขภาพ การเดินทางปลอดภัย และการเรียน สามารถเลือกซื้อกลับไปเป็นของฝากหรือพกติดตัวเพื่อความเป็นสิริมงคลได้
5 วัดยอดนิยมอื่นๆ ใกล้ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ
1. วัดโทฟุคุจิ (Tofuku-ji)
วัดโทฟุคุจิเป็นวัดเซนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใกล้ศาลเจ้าฟูชิมิอินาริ สามารถเดินถึงได้ในเวลาเพียง 10--15 นาที วัดนี้มีชื่อเสียงในเรื่องสวนหินแบบเซนที่ออกแบบอย่างพิถีพิถันและสะพานไม้ "ซึเท็นเคียว" (Tsutenkyo Bridge) ซึ่งเป็นจุดชมใบไม้เปลี่ยนสีที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งในเกียวโต ในฤดูใบไม้ร่วง วัดโทฟุคุจิจะถูกแต้มสีด้วยต้นเมเปิ้ลนับพันต้น กลายเป็นภาพอันน่าประทับใจไม่แพ้วัดไหน
2. วัดซันจูซังเก็นโด (Sanjūsangen-dō)
วัดซันจูซังเก็นโดตั้งอยู่ห่างจากฟูชิมิอินาริประมาณ 10--15 นาทีโดยรถไฟ จุดเด่นของวัดนี้คืออาคารไม้ยาวที่สุดในญี่ปุ่น และมีพระโพธิสัตว์พันมือ (Kannon) มากถึง 1,001 องค์ เรียงรายอย่างอลังการภายในอาคารหลัก ซึ่งสร้างความประทับใจทั้งทางศิลปะและจิตวิญญาณ เป็นวัดที่ผสมผสานความเคร่งขรึมของพุทธศาสนาเข้ากับความวิจิตรงดงามของประติมากรรมได้อย่างลงตัว
3. วัดคิโยมิซุ (Kiyomizu-dera)
วัดคิโยะมิซุเดระหนึ่งในวัดที่มีชื่อเสียงที่สุดของเกียวโต ตั้งอยู่บนเนินเขาฮิกาชิยามะ ห่างจากฟูชิมิอินาริโดยรถไฟและเดินต่อประมาณ 30 นาที วัดนี้มีจุดเด่นคือ "ระเบียงไม้ยื่นออกจากหน้าผา" ที่สามารถมองเห็นวิวเมืองเกียวโตได้ไกลสุดสายตา อีกทั้งยังเป็นจุดชมซากุระและใบไม้แดงที่งดงามมากอีกแห่ง มีบรรยากาศแบบโบราณและร้านค้าเก่าแก่ให้เดินชมก่อนถึงวัด
4. วัดโคเมียวอิน (Komyo-in)
วัดเล็กๆ ที่ไม่ค่อยมีนักท่องเที่ยวพลุกพล่าน ตั้งอยู่ใกล้กับวัดโทฟุคุจิ มีชื่อเสียงในเรื่อง สวนหิน "Hashin Tei" ที่ออกแบบอย่างเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีความวุ่นวายและหามุมสงบเพื่อชมความงามแบบเซนแท้ๆ เป็นจุดแวะที่ดีสำหรับผู้ที่เดินทางจากฟูชิมิอินาริไปวัดโทฟุคุจิ
5. วัดคิงกะกุ หรือ วัดทอง (Kinkaku-ji)
แม้ว่าวัดคิงกะกุจะอยู่ห่างจากฟูชิมิอินาริพอสมควร ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงโดยรถไฟและรถบัส แต่ก็ถือเป็นหนึ่งในวัดที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเกียวโต วัดนี้โดดเด่นด้วยอาคารหลักที่ปิดทองคำทั้งหลัง สะท้อนเงาอยู่เหนือบ่อน้ำอย่างงดงามทุกฤดูกาล เป็นสัญลักษณ์ของความหรูหราและความสงบแห่งจิตวิญญาณ ทั้งยังมีสวนญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมที่สวยงามให้เดินชมรอบวัด
ดูกิจกรรมอื่น ๆ บน Klook
สถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมในเกียวโต
- 1 วัดคิโยะมิซุ
- 2 อาราชิยาม่า
- 3 ตลาดนิชิกิ
- 4 กิออน
- 5 วัดคินคะคุจิ
- 6 เส้นทางป่าไผ่อาราชิยามะ
- 7 ปราสาทนิโจ
- 8 แม่น้ําคาโมะ
- 9 พระราชวังหลวงเคียวโตะ
- 10 ถนนปอนโตโช
- 11 ย่านนิเนซากะ
- 12 วัดซันจูซันเกนโด
- 13 สวนลิงอาราชิยามะ อิวาทายามะ
- 14 Toei Kyoto Studio Park
- 15 วัดรุริโคอิน
- 16 วัดไซโฮจิ
- 17 Funaoka Onsen
- 18 พิพิธภัณฑ์รถไฟเกียวโต
- 19 เขาฮิเอ