ออกเดินทางสู่ ยูนนาน (Yunnan) มณฑลทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น "ดินแดนแห่งความฝัน" ด้วยทิวทัศน์ภูเขาสุดอลังการ ทุ่งหญ้าเขียวขจี และวัฒนธรรมท้องถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ เตรียมตัวให้พร้อมแล้วไปสัมผัสเสน่ห์ของ 4 เมืองไฮไลต์ในเส้นทางคลาสสิกที่ใครๆ ก็หลงรัก
สำหรับทริปยูนนานครั้งแรก แนะนำ เส้นทางยอดนิยม 10 วัน ที่ครอบคลุมทั้ง คุนหมิง ต้าหลี่ ลี่เจียง และแชงกรีล่า แม้จะเที่ยวครบใน 7-8 วันได้ แต่การให้เวลาแต่ละเมืองมากขึ้น จะช่วยให้คุณได้ซึมซับบรรยากาศและเก็บเกี่ยวประสบการณ์ได้อย่างเต็มที่
สรุปแผนการเดินทางเที่ยวยูนนาน 10 วัน
วันที่ | เมือง | ไฮไลต์ |
1-2 | คุนหมิง (Kunming) | ป่าหิน, สวนสาธารณะทะเลสาบเขียว |
3-5 | ต้าหลี่ (Dali) | เจดีย์สามองค์, เมืองโบราณซีโจว, ทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ |
6-7 | ลี่เจียง (Lijiang) | เมืองเก่าลี่เจียง, ภูเขาหิมะมังกรหยก |
8-10 | แชงกรีล่า (Shangri-La) | วัดซงจ้านหลิน, บาลาเก๋อจง, ช่องเขาเสือกระโจน |
ส่วนลด 10% สำหรับจองทัวร์ในจีน
วันที่ 1-2: เริ่มต้นที่คุนหมิง "เมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิ"
คุนหมิง (Kunming) คือประตูสู่ยูนนานและเป็นเมืองหลวงของมณฑล ด้วยความสูง 1,890 เมตรจากระดับน้ำทะเลและอากาศเย็นสบายตลอดปี จึงได้รับฉายาว่า "เมืองแห่งฤดูใบไม้ผลิ" เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเริ่มต้นทริปเพื่อปรับร่างกายให้ชินกับความสูง
Klook Tip: เส้นทางนี้จะพาคุณไต่ระดับความสูงขึ้นเรื่อยๆ การเริ่มต้นที่คุนหมิงจะช่วยลดความเสี่ยงจากอาการแพ้ความสูง (Altitude Sickness) ได้
ที่เที่ยวห้ามพลาดในคุนหมิง:
พื้นที่ธรรมชาติป่าหิน (Stone Forest Scenic Area)
แหล่งมรดกโลกยูเนสโก (UNESCO) แห่งนี้มีภูมิทัศน์แปลกตาราวกับหลุดออกมาจากภาพยนตร์แฟนตาซี เต็มไปด้วยเสาหินและหน้าผาหินโบราณที่ตั้งเรียงรายราวกับเขาวงกต ป่าหินแห่งนี้เคยถูกขนานนามว่าเป็น “สิ่งมหัศจรรย์อันดับหนึ่งของโลก” เลยทีเดียว จะเดินสำรวจด้วยตัวเองหรือเลือกนั่งรถชมวิวก็สะดวกไม่แพ้กัน
ป่าหินแบ่งออกเป็นสองส่วนหลัก ได้แก่ ป่าหินใหญ่ (Major Stone Forest) และป่าหินเล็ก (Minor Stone Forest) ในป่าหินเล็กจะพบกับหินก้อนหนึ่งชื่อว่า “อาซือหม่า (Ashima)” ซึ่งมีตำนานโศกนาฏกรรมเล่าขานกันมาว่า อาซือหม่าเป็นหญิงสาวรูปงามที่ถูกบังคับให้แต่งงานกับคนที่ไม่ได้รัก แต่โชคดีที่คนรักตัวจริงมาช่วยไว้ได้ ทว่าในระหว่างเดินทางกลับบ้าน เธอกลับถูกน้ำป่าพัดหายไปและกลายเป็นหินก้อนนั้นในที่สุด
KlookTip: ถ้าอยากเลี่ยงคนเยอะ แนะนำให้ไปที่ “ป่าหินไน่กู่ (Naigu Stone Forest)” ซึ่งอยู่ในบริเวณเดียวกันและเงียบสงบกว่า
หากยังไม่อิ่มกับความอลังการ ลองนั่งรถต่อไปอีกประมาณ 40 นาทีเพื่อไปชม “ถ้ำจิ่วเซียง (Jiuxiang Caves)” ที่มีถ้ำหินปูนมากกว่า 100 แห่งให้สำรวจ!
สวนสาธารณะทะเลสาบเขียว (Green Lake Park)
เติมพลังให้ร่างกายและใจท่ามกลางธรรมชาติที่งดงามราวกับภาพโปสการ์ดที่สวนสาธารณะทะเลสาบเขียว ที่นี่เวลาเหมือนจะเดินช้าลง ศาลาริมน้ำสะท้อนเงากับผืนน้ำนิ่งราวกระจก ทางเดินสีเขียวร่มรื่น และดอกไม้หลากสีที่เบ่งบานอยู่รอบตัว ตั้งแต่พฤศจิกายนถึงมีนาคม ยังอาจได้เห็นนกนางนวลหัวดำอันโดดเด่นบินโฉบไปมาอีกด้วย
KlookTip: แนะนำให้มาในวันอาทิตย์ จะได้ชมชาวบ้านใส่ชุดพื้นเมืองมาร่วมกิจกรรมร้องรำทำเพลงกันอย่างสนุกสนานในสวน และถ้าอยากร่วมแจมก็ไม่ว่ากันเลย!
สถานที่น่าสนใจอื่น ๆ ในคุนหมิง:
- ถนนเก่าคุนหมิง (Kunming Old Street)
- สวนสาธารณะทะเลสาบสีเขียว (Green Lake Park)
- ภูเขาฝั่งตะวันตกและประตูมังกร (West Hill and Dragon Gate)
- ตงชวน (Dongchuan Red Land)
ที่พักในคุนหมิง
วันที่ 3-5: เสน่ห์แห่งต้าหลี่ เมืองเก่าริมทะเลสาบ
การได้นั่งรถไฟความเร็วสูงในจีนเป็นประสบการณ์ที่น่าประทับใจ ด้วยความเร็วสูงสุดถึง 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จะพาคุณเดินทางจากคุนหมิงไปต้าหลี่ได้ในเวลาเพียง 2.5 ชั่วโมงเท่านั้น
ต้าหลี่ (Dali) เคยเป็นเมืองหลวงเก่าของยูนนาน ตั้งอยู่ระหว่าง เทือกเขาชางซาน (Cangshan Mountains) และ ทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ (Erhai Lake) ที่ความสูง 2,000 เมตร ที่นี่เป็นศูนย์กลางของชาวไป๋ (Bai) และมีบรรยากาศที่เงียบสงบและสวยงาม
ที่เที่ยวห้ามพลาดในต้าหลี่:
เจดีย์สามองค์ (Three Pagodas)
ลองอ่านข้อมูลเกี่ยวกับต้าหลี่ที่ไหนก็แล้วแต่ มักจะเห็นภาพเจดีย์สามองค์ปรากฏอยู่เสมอ เจดีย์เหล่านี้มีอายุย้อนไปถึงศตวรรษที่ 10 ประกอบด้วยเจดีย์หลัก 1 องค์ และเจดีย์ขนาดเล็กอีก 2 องค์ ตั้งเรียงกันเป็นรูปสามเหลี่ยมอย่างสมมาตร ทุกวันนี้ เจดีย์ทั้งสามถูกยกให้เป็นสัญลักษณ์แห่งความมั่นคง เพราะยังคงตั้งตระหง่านแม้จะผ่านแผ่นดินไหวมาหลายครั้ง
KlookTip: อย่าลืมเงยหน้ามองยอดเจดีย์เฉียนซวิ่น (Qianxun Pagoda) จะเห็นรูปปั้นนกสีทองอยู่บนยอด ซึ่งเชื่อกันว่าสร้างขึ้นเพื่อปกป้องจากวิญญาณน้ำร้าย
ด้านหลังเจดีย์มีวัดฉงเซิง (Chongsheng Temple) ตั้งอยู่ บนพื้นที่กว้างถึง 4 กิโลเมตร วัดแห่งนี้เคยประดิษฐานพระพุทธรูปมากถึง 10,000 องค์ ถ้ามีเวลา แนะนำให้มาในช่วงก่อนพระอาทิตย์ตก และอยู่ชมไปจนถึงค่ำ เพราะเจดีย์จะเปิดไฟสวยงามในยามค่ำคืน
เมืองโบราณซีโจว (Xizhou Ancient Town)
เรียนรู้วัฒนธรรมของชนเผ่าไป๋ (Bai) อย่างใกล้ชิดที่เมืองโบราณซีโจว เมืองเล็กมีเสน่ห์ซึ่งเป็นศูนย์กลางของชุมชนไป๋ในยูนนาน ปัจจุบันมีประชากรไป๋อยู่ในมณฑลยูนนานราว 1.9 ล้านคน โดยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในเขตต้าหลี่
เริ่มต้นวันด้วยการเดินชมตลาดเช้าแบบท้องถิ่น ดื่มด่ำกับพิธีชงชา 3 รสของชาวไป๋ ชมสถาปัตยกรรมไป๋ดั้งเดิมที่คฤหาสน์ตระกูลเหยียน (Yan Family Compound) เรียนรู้ประวัติศาสตร์เพิ่มเติมที่พิพิธภัณฑ์สถาปัตยกรรมไป๋ (Museum of Bai Architecture) และเดินเล่นเลือกซื้อของที่ถนนสแควร์ (Square Street) ป.ล. อย่าลืมแวะถ่ายรูปกับ "บ้านไม้เก่ามุมถนน" ที่เป็นแลนด์มาร์กสุดคลาสสิกด้วยนะ!
เกร็ดน่ารู้: เมืองนี้เคยถูกขนานนามว่า “แคมบริดจ์แห่งตะวันออก” เพราะเคยเป็นศูนย์รวมของนักวิชาการและอาจารย์จำนวนมาก เมืองนี้ตั้งอยู่ริมทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ (Erhai Lake) และรายล้อมด้วยทุ่งนาเขียวขจี แถมยังเป็นหนึ่งในโลเคชันถ่ายทำซีรีส์จีนเรื่อง Meet Yourself อีกด้วย ภายในทุ่งมีทั้งมุมถ่ายรูป ชิงช้า คาเฟ่ และรถไฟย้อนยุคสุดน่ารักให้แวะชมกันด้วย
ทะเลสาบเอ๋อร์ไห่ (Erhai Lake)
จริงๆ แล้วสามารถใช้เวลาทั้งวันในการเที่ยวทะเลสาบเอ๋อร์ไห่และพื้นที่โดยรอบได้อย่างเต็มอิ่ม ทะเลสาบแห่งนี้มีรูปร่างคล้ายใบหู จึงเป็นที่มาของชื่อ "เอ๋อร์ไห่" ซึ่งแปลตรงตัวว่า "ทะเลใบหู" นั่นเอง ที่ทะเลสาบสามารถเลือกนั่งเรือชมวิวแบบชิล ๆ ปั่นจักรยานรอบทะเลสาบ หรือจะนั่งรถชมวิวไปตามเส้นทาง Ecological Corridor ฝั่งตะวันตกของทะเลสาบก็ได้ หรือถ้าชอบบรรยากาศสบาย ๆ จะจัดปิกนิกริมทะเลสาบก็เหมาะไม่น้อย
นอกจากเมืองโบราณซีโจว รอบทะเลสาบยังรายล้อมไปด้วยสถานที่น่าแวะมากมาย เช่น เมืองชวงหล่าง (Shuanglang Town), หมู่บ้านประมงหวาซื่อ (Wase), Dali Utopia (สถานที่ที่ให้ความรู้สึกราวกับหลุดไปอยู่ซานโตรินี), เกาะชาวบ้านหนานเจ้า (Nanzhao Folk Island), เกาะเสี่ยวผู่ถัว (Little Putuo Island) และหมู่บ้านมัดย้อมโจวเฉิง (Zhoucheng tie-dye village)
สถานที่น่าสนใจอื่น ๆ ในต้าหลี่:
- เมืองโบราณต้าหลี่ (Dali Ancient Town)
- ภูเขาชางซาน (Cangshan Mountain)
ที่พักในต้าหลี่
วันที่ 6-7: ลี่เจียง เมืองมรดกโลกสุดคึกคัก
จากต้าหลี่ นั่งรถไฟความเร็วสูงต่อไปยังลี่เจียง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที
ลี่เจียงเคยเป็นหนึ่งในจุดแวะสำคัญบนเส้นทางชา-ม้า (Tea Horse Road) ในอดีต จึงเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ ที่นี่ตั้งอยู่บนความสูงประมาณ 2,400 เมตร และเมืองเก่าของลี่เจียงยังได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกโดยยูเนสโกอีกด้วย สำหรับใครที่ชอบบรรยากาศยามค่ำคืน เมืองเก่าก็มีชีวิตชีวาและคึกคักไม่แพ้เวลากลางวันเลย
ที่เที่ยวห้ามพลาดในลี่เจียง:
เมืองเก่าลี่เจียง (Lijiang Old Town)
การเดินเล่นในเมืองเก่าลี่เจียงไม่จำเป็นต้องมีแผนเลย แค่ปล่อยตัวให้หลงไปตามตรอกเล็กตรอกน้อยที่ประดับด้วยธงผ้าและโคมไฟ ก็สนุกแล้ว แนะนำให้แวะชมคฤหาสน์โบราณมู่ฝู (Mufu Mansion), ขึ้นไปชมวิวมุมสูงที่เนินสิงโต (Lion Hill) หรือจะนั่งพักชิล ๆ ดูผู้คนที่จัตุรัสซื่อฟาง (Sifang Street Square) ก็เพลิน เดินข้ามสะพานหินและถ่ายรูปเล่นที่ตรอกดอกไม้ต้าเอี้ยน (Dayan flower lane) ให้จุใจกันไปเลย
KlookTip: หากต้องนัดเจอเพื่อนร่วมทริป จุดนัดพบที่ดีและหาเจอง่ายที่สุดคือ “กังหันน้ำยักษ์” แลนด์มาร์กเด่นของเมืองเก่า
เพื่อสัมผัสวัฒนธรรมของชาวหน่าซี (Naxi) อย่างเต็มอิ่ม เมืองเก่าจะคึกคักเป็นพิเศษในช่วงเทศกาลต่าง ๆ ตลอดทั้งปี เช่น เทศกาลบั้งบั้ง (Bangbang Festival) ที่จัดช่วงเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม เพื่อเริ่มต้นฤดูเพาะปลูก หรือเทศกาลคบเพลิง (Torch Festival) ช่วงกรกฎาคมหรือสิงหาคม ที่ชาวบ้านจะจุดคบเพลิงเพื่อปัดเป่าสิ่งไม่ดีและขอพรให้ได้ผลผลิตดีในปีนั้น ทั้งนี้วันจัดงานอาจเปลี่ยนไปในแต่ละปีตามปฏิทินจันทรคติจีน
ภูเขาหิมะมังกรหยก (Jade Dragon Snow Mountain)
ภูเขาหิมะมังกรหยกมีทั้งหมด 13 ยอด และยังมีธารน้ำแข็งหลายแห่ง จุดที่แนะนำให้เที่ยวควบคู่กันคือ หุบเขาพระจันทร์สีน้ำเงิน (Blue Moon Valley) ซึ่งตั้งอยู่เชิงเขา เหมาะสำหรับการเดินเล่นแบบสบาย ๆ ชมวิวธรรมชาติ จากนั้นสามารถนั่งกระเช้าลอยฟ้าขึ้นไปยังจุดชมวิว Glacier Park ที่อยู่สูงถึง 4,506 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล
KlookTip: ตั๋วกระเช้าลอยฟ้ามีจำนวนจำกัดเพียงวันละ 10,000 ใบเท่านั้น ใครมาก่อนได้ก่อน! เพื่อความชัวร์ แนะนำให้จองล่วงหน้าผ่านทัวร์, WeChat หรือ Alipay
หากไม่อยากขึ้นกระเช้าใหญ่ ยังมีลิฟต์เก้าอี้ที่พาขึ้นไปยังทุ่งสน Spruce Meadow หรือทุ่งจามรี Yak Meadow ได้เช่นกัน และที่พลาดไม่ได้คือโชว์ Lijiang Impression การแสดงร้องและเต้นสุดอลังการ ซึ่งมีฉากหลังเป็นภูเขาหิมะมังกรหยกที่สวยจับใจ
สถานที่น่าสนใจอื่น ๆ ในลี่เจียง:
- สวนสระมังกรดำ (Black Dragon Pool Park)
ที่พักในลี่เจียง
วันที่ 8-10: ปิดท้ายที่แชงกรีล่า ดินแดนสุขาวดีบนโลกมนุษย์
การเดินทางไปแชงกรีล่าสามารถเลือกได้นั่งรถไฟความเร็วสูง (ประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที) หรือใช้บริการรถรับส่งร่วม ซึ่งมักรวมบัตรเข้าชมช่องเขาเสือกระโจน (Tiger Leaping Gorge) ไว้แล้วด้วย
แชงกรีล่า (Shangri La) เป็นจุดที่สูงที่สุดของทริป โดยตั้งอยู่บนระดับความสูง 3,100 เมตร เมืองนี้มีทิวทัศน์สวยงามเกินบรรยาย แฝงไปด้วยความลึกลับและเสน่ห์เฉพาะตัว แชงกรีล่าถูกกล่าวถึงครั้งแรกในนวนิยาย Lost Horizon ของ James Hilton เมื่อปี 1939 และกลายเป็นจุดหมายในฝันของนักเดินทางที่อยากสัมผัสวัฒนธรรมทิเบตอย่างแท้จริง
ไฮไลต์ของเมืองคือ “เมืองเก่าตู๋เค่อจง (Dukezong Old Town)” ซึ่งมีประวัติยาวนานกว่า 1,300 ปี และได้รับการยกย่องว่าเป็นชุมชนชาวทิเบตที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้อย่างดีที่สุดในจีน
ที่เที่ยวห้ามพลาดในแชงกรีล่า:
วัดซงจ้านหลิน (Songzanlin Monastery)
วัดซงจ้านหลิน (Songzanlin Monastery) สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1679 และถือเป็นวัดพุทธที่ใหญ่ที่สุดในมณฑลยูนนาน สามารถเลือกนั่งรถบัสจากทางเข้า หรือจะเดินช้า ๆ ชมวิวรอบทะเลสาบประมาณ 30 นาทีก็ได้เหมือนกัน ถ้าโชคดีมาในวันที่อากาศแจ่มใสและลมไม่แรง อาจได้ภาพวัดสะท้อนกับผิวน้ำที่งดงามไม่เหมือนใคร
ภายในวัดเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่าทางพระพุทธศาสนา และยังสามารถชมพระสงฆ์ทำพิธีสวดมนต์ได้ด้วย ต้องเดินขึ้นบันไดทั้งหมด 147 ขั้นเพื่อไปถึงจุดสูงสุดของวัด แต่รับรองว่า คุ้มค่าทุกก้าวแน่นอน!
บาลาเก๋อจง (Balagezong)
บาลาเก๋อจง (Balagezong) เป็นหนึ่งในทริปแบบไปเช้าเย็นกลับจากแชงกรีล่าที่น่าประทับใจที่สุดแห่งหนึ่ง ไฮไลต์อยู่ที่ต้นโพธิ์พันปีซึ่งเชื่อกันว่ามีอายุมากกว่า 1,000 ปีเลยทีเดียว เพลิดเพลินกับวิวแคนยอนยิ่งใหญ่แห่งแชงกรีล่า ภูเขาหิมะบาลาอันตระการตา และเจดีย์ชัมบาลา (Shambala Pagoda) ที่ถูกขนานนามว่าเป็น “เจดีย์ธรรมชาติที่พระเจ้ามอบให้”
ที่นี่ยังมีจุดชมวิวพื้นกระจกให้เดินออกไปชมวิวแบบหวาดเสียว ถ้าใจถึงก็ลองดู! ส่วนสายแอดเวนเจอร์ก็สามารถเพิ่มระดับความมันด้วยการโหนสลิงกลางหุบเขาได้เช่นกัน
ช่องเขาเสือกระโจน (Tiger Leaping Gorge)
ช่องเขาเสือกระโจน ซึ่งเป็นแหล่งมรดกโลกยูเนสโก (UNESCO) สามารถใช้เวลาเที่ยวได้ตลอดทั้งวัน ช่องเขานี้มีความยาว 17 กิโลเมตร และลึกเกือบ 4,000 เมตร โดยแบ่งออกเป็น 3 ช่วงหลัก ๆ เส้นทางเดินป่ามีให้เลือกหลากหลาย ทั้งแบบครึ่งวัน เต็มวัน และแบบสองวัน เหมาะกับทั้งมือใหม่และสายลุย
เส้นทางส่วนใหญ่มีป้ายบอกทางชัดเจน เดินไม่ยาก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น ยกเว้นบริเวณ “28 โค้ง” (28 Bends) ที่เป็นทางขึ้นชันคดเคี้ยวขึ้นเขา ซึ่งถือว่าเป็นจุดท้าทายของเส้นทางนี้ ในช่วงฤดูเดินป่าที่มีนักท่องเที่ยวมาก บางจุดจะมีชาวบ้านเปิดบริการขี่ม้าขึ้นไปยังยอด 28 โค้งอีกด้วย
ในช่วงกลางของเส้นทางจะพบกับ “บันไดสู่สวรรค์” (Sky Ladder) ซึ่งเป็นบันไดเกือบตั้งตรง มีทั้งหมด 170 ขั้น แม้จะดูน่าหวาดเสียว แต่จริง ๆ แล้วใช้เวลาปีนขึ้นเพียงประมาณ 10 นาทีเท่านั้น
KlookTip: แนะนำให้เลี่ยงการเดินป่าในช่วงฤดูฝน (มิถุนายน–กันยายน) เนื่องจากมีความเสี่ยงจากดินถล่มค่อนข้างสูง
สถานที่น่าสนใจอื่น ๆ ในแชงกรีล่า:
- ทุ่งหญ้าน่าผาห่าย (Napahai)
- อุทยานแห่งชาติผู่ต้าซั่ว (Pudacuo National Park)
- บาลาเก๋อจง (Balagezong)
ที่พักในแชงกรีล่า (Stay at: Shangri La)
ปิดท้ายทริปด้วยการบินกลับคุนหมิง เพื่อเชื่อมต่อเที่ยวบินกลับบ้าน ใช้เวลาบินประมาณ 1 ชั่วโมง โดยราคาตั๋วเริ่มต้นเพียง 430 หยวน ขึ้นอยู่กับช่วงเวลาเดินทาง
บทความท่องเที่ยวอื่นๆในจีน
Klook คืออะไร?
Klook คือแพลตฟอร์มชั้นนำของเอเชียสำหรับการจองกิจกรรมและบริการท่องเที่ยวแบบครบวงจร
เราคัดสรรประสบการณ์คุณภาพ ตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ทัวร์ท้องถิ่น การเดินทางภายในประเทศ ไปจนถึงที่พักหลากสไตล์ ครอบคลุมกว่า 3,400 จุดหมายทั่วโลก
รองรับการใช้งานใน 15 ภาษา และสามารถชำระเงินได้มากกว่า 40 สกุลเงิน ผ่านช่องทางชำระที่หลากหลาย ทำให้การจองกับ Klook สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
Klook ก่อตั้งในปี 2014 มีเป้าหมายเพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับนักเดินทางทุกคน ไม่ว่าคุณจะเที่ยวใกล้บ้านหรือออกเดินทางไกล Klook พร้อมพาคุณเชื่อมต่อกับโลกแห่งประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา
🧡 ติดตาม Klook ได้ทาง
- Facebook: @klookth
- Instagram: @klooktravel_th
- TikTok: @klookth
- YouTube: @klookTH
- LINE Official Account: @klookth

















































