ฤดูใบไม้ร่วงของสวิตเซอร์แลนด์ถือเป็นหนึ่งในช่วงเวลาที่โรแมนติกที่สุดของปี ธรรมชาติค่อย ๆ เปลี่ยนโทนสีจากเขียวชอุ่มเป็นสีเหลืองทอง แดงสด และส้มอมทอง ทั่วทั้งภูเขา ทะเลสาบ และหมู่บ้านเล็ก ๆ ถูกแต่งแต้มด้วยสีสันราวกับภาพวาด โดยเฉพาะในปี 2025 ที่หลายพื้นที่ของยุโรปคาดว่าจะมีอากาศเย็นลงเร็วกว่าปกติ ทำให้ใบไม้เปลี่ยนสีเข้มและคงอยู่ได้นานขึ้น
ในช่วงเวลานี้ แสงแดดอ่อน ๆ ของฤดูใบไม้ร่วงจะทำให้ทิวทัศน์ของสวิสยิ่งงดงามขึ้น หลายเมืองมีบรรยากาศสงบ อบอุ่น และเป็นกันเอง เหมาะกับคู่รักที่อยากใช้เวลาสุดโรแมนติก หรือครอบครัวที่ต้องการทริปสบาย ๆ ท่ามกลางธรรมชาติ นอกจากนี้ยังเป็นช่วงที่นักถ่ายภาพทั้งมืออาชีพและมือสมัครเล่นต่างเฝ้ารอ เพราะเป็นโอกาสทองในการเก็บภาพวิวภูเขา ทะเลสาบ และป่าไม้ที่เต็มไปด้วยเฉดสีหลากหลาย
ไม่ว่าจะเป็นการนั่งรถไฟสายพาโนรามาชมวิวเทือกเขาแอลป์ เดินเล่นท่ามกลางไร่องุ่นริมทะเลสาบเจนีวา หรือสัมผัสเสน่ห์หมู่บ้านกลางหุบเขาที่โอบล้อมด้วยน้ำตก สวิตเซอร์แลนด์ในฤดูนี้มีมุมงามให้คุณเก็บภาพความทรงจำไม่รู้จบ และยังมีกิจกรรมให้เลือกมากมายตั้งแต่การเดินป่า การชิมอาหารท้องถิ่น ไปจนถึงการเข้าร่วมเทศกาลเก็บเกี่ยวสุดครึกครื้น
ทำไมต้องสวิตเซอร์แลนด์ในฤดูใบไม้ร่วง?
ฤดูใบไม้ร่วงในสวิตเซอร์แลนด์ (กันยายน–ตุลาคม) ไม่เพียงแต่มีทิวทัศน์งดงาม แต่ยังมอบประสบการณ์การท่องเที่ยวที่แตกต่างจากทุกฤดูอื่น ๆ อย่างชัดเจน ช่วงเวลานี้คือการผสมผสานระหว่างความเงียบสงบ ความงดงามของธรรมชาติ และวัฒนธรรมท้องถิ่นที่อบอุ่น
- อากาศเย็นสบาย: เฉลี่ย 8–15°C เหมาะสำหรับการเดินเที่ยว ถ่ายภาพ หรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง โดยไม่เหนื่อยล้าจากอากาศร้อนหรือหนาวจัด
- นักท่องเที่ยวน้อย: เป็นช่วงโลว์ซีซัน ทำให้คุณสามารถเพลิดเพลินกับสถานที่ดัง ๆ โดยไม่ต้องเบียดเสียด และได้สัมผัสวิถีชีวิตคนท้องถิ่นมากขึ้น
- ราคาที่พักและตั๋วถูกลง: เมื่อเทียบกับฤดูร้อนและฤดูหนาว ทำให้สามารถเลือกที่พักคุณภาพดีในราคาที่ประหยัดกว่า
- เทศกาลท้องถิ่นและอาหารตามฤดูกาล: หลายเมืองจัดงานเก็บเกี่ยวไวน์ งานชิมไวน์ใหม่ เทศกาลชีส และเมนูพิเศษอย่าง game meat หรือเมนูฟักทอง
- ทิวทัศน์หลากหลาย: คุณสามารถชมทั้งทะเลสาบสีฟ้าสดใส ไร่องุ่นสีทอง ป่าใบเมเปิ้ลและสน Larch สีเหลืองอร่าม ไปจนถึงยอดเขาที่เริ่มถูกปกคลุมด้วยหิมะ
นอกจากนี้ ระบบขนส่งสาธารณะของสวิสยังครอบคลุมและตรงต่อเวลา ทำให้สามารถเดินทางข้ามภูมิภาคเพื่อชมความงามของใบไม้เปลี่ยนสีได้อย่างง่ายดายในทริปเดียว
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการชมใบไม้เปลี่ยนสีสวิตเซอร์แลนด์ 2025
การวางแผนช่วงเวลาเดินทางถือเป็นหัวใจสำคัญในการชมความงดงามของใบไม้เปลี่ยนสีในสวิตเซอร์แลนด์ โดยทั่วไปแล้วช่วงที่เหมาะสมที่สุดจะอยู่ระหว่าง ปลายเดือนกันยายนถึงปลายเดือนตุลาคม ซึ่งเป็นเวลาที่ธรรมชาติค่อย ๆ แปรเปลี่ยนสีสันอย่างเต็มที่ และอากาศยังคงเย็นสบายกำลังดีสำหรับการทำกิจกรรมกลางแจ้ง
หากแบ่งตามภูมิภาคและระดับความสูง ช่วงเวลาการเปลี่ยนสีของใบไม้จะต่างกันเล็กน้อย:
- พื้นที่สูง (เช่น เทือกเขาแอลป์): ใบไม้จะเริ่มเปลี่ยนสีเร็วกว่า โดยช่วงต้นถึงกลางเดือนตุลาคมจะเป็นเวลาที่เหมาะที่สุดในการชมวิว เช่น บริเวณ Zermatt, St. Moritz และ Jungfrau ซึ่งจะได้เห็นป่าสน Larch และเมเปิ้ลเปลี่ยนเป็นสีทองตัดกับหิมะที่เริ่มโปรยบนยอดเขา
- พื้นที่ราบ / ริมทะเลสาบ / ไร่องุ่น: เช่น ริมทะเลสาบเจนีวา, วาเลส์, หรือเขต Lavaux จะมีใบไม้เปลี่ยนสีช้ากว่า โดยช่วงกลางถึงปลายเดือนตุลาคมคือเวลาที่ดีที่สุด ใบไม้จะมีสีสดและเข้มมากที่สุด ตัดกับผืนน้ำสีฟ้าและไร่องุ่นสีทองสวยงาม
นอกจากตำแหน่งทางภูมิศาสตร์แล้ว ปัจจัยอื่น ๆ ที่มีผลต่อช่วงเวลา ได้แก่ สภาพอากาศ อุณหภูมิ และปริมาณฝน ในปีนั้น ๆ ซึ่งอาจทำให้ใบไม้เปลี่ยนสีเร็วหรือช้ากว่าปกติได้
ปี 2025 คาดว่าอากาศจะเย็นเร็วกว่าปกติ ทำให้สีใบไม้เข้มและอยู่ได้นานขึ้น เป็นปีทองของการชมใบไม้เปลี่ยนสีสวิสเลยทีเดียว!
Klook Tip: ควรตรวจสอบพยากรณ์อากาศและ Swiss foliage report ก่อนเดินทาง เพื่อให้ไปถึงจังหวะที่สีสวยที่สุด 🍂
คำแนะนำ:
- จองที่พักและตั๋วรถไฟล่วงหน้า หากต้องการเดินทางในเส้นทางรถไฟพาโนรามาที่เป็นที่นิยมในฤดูกาลนี้
- เตรียมเสื้อผ้าแบบเลเยอร์ เพราะอุณหภูมิอาจแตกต่างกันมากระหว่างเช้าและเย็น รวมถึงระหว่างพื้นที่สูงและพื้นที่ราบ
- พกกล้องหรือสมาร์ตโฟนที่ถ่ายภาพคุณภาพสูง เพื่อเก็บภาพความงามของสีสันใบไม้ในมุมต่าง ๆ
ตารางเปรียบเทียบเส้นทางชมใบไม้เปลี่ยนสี
เส้นทาง/ภูมิภาค | ไฮไลท์ | ช่วงเวลาที่สวยที่สุด | วิธีเดินทาง | เวลาเดินทาง |
GoldenPass Line | นั่งรถไฟพาโนรามา ผ่านไร่องุ่น ทะเลสาบ และภูเขาหิมะ | ต้น-กลาง ต.ค. | รถไฟพาโนรามา ใช้ Swiss Travel Pass | 5-6 ชม. |
Engadin | ป่าสน Larch สีทอง + วิวหุบเขาสูง | ปลาย ก.ย.-กลาง ต.ค. | รถไฟ Zurich-St. Moritz + กระเช้า | 3.5-4 ชม. |
Lavaux | ไร่องุ่น UNESCO สีทอง + ชิมไวน์ | กลาง-ปลาย ต.ค. | รถไฟ Geneva/Lausanne-Lavaux | 1-1.5 ชม. |
Ticino | บรรยากาศเมดิเตอร์เรเนียน + ทะเลสาบสีฟ้า | ต้น-กลาง ต.ค. | รถไฟ Zurich/Milan-Lugano | 2 ชม. |
Grindelwald & Lauterbrunnen | หุบเขาน้ำตก + หมู่บ้านชาเลต์ | กลาง-ปลาย ต.ค. | รถไฟ Interlaken-Lauterbrunnen/Grindelwald | 20-40 นาที |
รายละเอียดเส้นทางและสถานที่โรแมนติกยอดนิยมสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสี
ในฤดูใบไม้ร่วง สวิตเซอร์แลนด์มีเส้นทางและจุดหมายที่เต็มไปด้วยบรรยากาศโรแมนติกและความงดงามของธรรมชาติ ตั้งแต่วิวเทือกเขาสูง ป่าไม้สีทอง ทะเลสาบใสราวกระจก ไปจนถึงหมู่บ้านโบราณที่เงียบสงบ เหมาะกับทั้งคู่รัก ครอบครัว และนักท่องเที่ยวที่ต้องการสัมผัสความสวยงามของใบไม้เปลี่ยนสีอย่างเต็มที่ แต่ละเส้นทางมีเอกลักษณ์และกิจกรรมเฉพาะตัวที่สร้างความประทับใจไม่รู้ลืม
GoldenPass Line: การเดินทางสุดหรูบนเส้นทางสายโรแมนติก
ทำไมต้องนั่งรถไฟ GoldenPass Line?
รถไฟสาย GoldenPass Line ถือเป็นหนึ่งในเส้นทางรถไฟที่โรแมนติกและงดงามที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ เชื่อมต่อเมืองท่องเที่ยวสำคัญอย่าง Montreux - Gstaad - Interlaken - Lucerne ตลอดเส้นทางกว่า 191 กิโลเมตร คุณจะได้สัมผัสวิวที่เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ตั้งแต่ไร่องุ่นริมทะเลสาบเจนีวา หมู่บ้านชาเลต์แสนสวย ไปจนถึงยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะขาว
ด้วยการออกแบบตู้โดยสารพาโนรามา (Panoramic Train) ที่มีหน้าต่างขนาดใหญ่ ทำให้สามารถชมวิวได้เต็มตา เหมาะสำหรับทั้งคู่รักที่มองหาบรรยากาศโรแมนติก หรือครอบครัวที่อยากสัมผัสธรรมชาติของสวิตเซอร์แลนด์แบบครบมิติ
ไฮไลท์เส้นทาง GoldenPass Line
1. Montreux - เมืองริมทะเลสาบสุดคลาสสิก
- จุดเริ่มต้นยอดนิยมของ GoldenPass Line
- เมืองริมทะเลสาบเจนีวา (Lake Geneva) ที่มีบรรยากาศโรแมนติก โดยเฉพาะในฤดูใบไม้ร่วงที่ไร่องุ่นกลายเป็นสีทอง
- ไฮไลท์: เดินเล่นริมทะเลสาบ ชม Chillon Castle และแวะจิบไวน์ท้องถิ่น
2. Gstaad - หมู่บ้านชาเลต์และแหล่งช้อปปิ้งหรู
- หมู่บ้านรีสอร์ทชื่อดัง เต็มไปด้วยบ้านไม้ชาเลต์บรรยากาศสวิสแท้
- ถนนคนเดินที่รายล้อมด้วยร้านบูติกแบรนด์เนม ร้านอาหาร และคาเฟ่สไตล์สวิส
- ไฮไลท์: แวะถ่ายภาพวิวภูเขาและทุ่งหญ้าที่โอบล้อมเมือง
3. Interlaken - ดินแดนแห่งทะเลสาบคู่
- เมืองที่ตั้งอยู่ระหว่างทะเลสาบ Thun และ Brienz
- จุดศูนย์กลางในการเดินทางไปยัง Jungfrau Region
- ไฮไลท์: ล่องเรือชมวิวทะเลสาบในฤดูใบไม้ร่วง เห็นป่าไม้สีทองสะท้อนน้ำ
4. Lucerne - เมืองสุดโรแมนติกปิดท้ายการเดินทาง
- เมืองริมทะเลสาบ Lucerne ที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขา
- ไฮไลท์: สะพานไม้เก่าแก่ Kapellbrücke, ย่านเมืองเก่าบรรยากาศยุโรปคลาสสิก และอาหารสวิสแท้ ๆ
ประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาดบน GoldenPass Line
- ชมวิวจากตู้พาโนรามา: หน้าต่างขนาดใหญ่ทำให้เห็นวิวชัดเจนตลอดเส้นทาง
- แวะเที่ยวเมืองระหว่างทาง: Montreux, Gstaad และ Interlaken ต่างก็มีเสน่ห์เฉพาะตัว
- ล่องเรือในทะเลสาบ Thun หรือ Brienz: สัมผัสธรรมชาติในอีกมุมมองหนึ่ง
- ช็อกโกแลตร้อนและไวน์ท้องถิ่น: ปิดท้ายวันด้วยรสชาติแบบสวิสแท้
การเดินทางและตั๋ว
- สามารถเริ่มต้นได้จาก Montreux หรือ Lucerne
- ใช้เวลาเดินทางต่อเนื่องประมาณ 5-6 ชั่วโมง (รวมการเปลี่ยนขบวนรถไฟ)
- Swiss Travel Pass ครอบคลุมเส้นทาง GoldenPass Line ทั้งหมด ทำให้เดินทางได้สะดวกและคุ้มค่า
ภูมิภาค Engadin (St. Moritz, Pontresina, Sils Fex): มนต์เสน่ห์แห่งสน Larch สีทอง
ทำไม Engadin ถึงพิเศษในฤดูใบไม้ร่วง?
หุบเขา Engadin ทางตะวันออกเฉียงใต้ของสวิตเซอร์แลนด์ เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี โดยเฉพาะป่าสน Larch ที่ในช่วงปลายกันยายนถึงกลางตุลาคม จะเปลี่ยนจากสีเขียวเข้มเป็น ทองอร่าม ตัดกับภูเขาหินสูงชันและหิมะที่โปรยบนยอดเขา ทำให้ทิวทัศน์ที่นี่งดงามและมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนที่ใด
ด้วยความสูงของพื้นที่ (มากกว่า 1,800 เมตร) ทำให้สีสันของใบสนสดชัดและอยู่ได้นานกว่าหลายภูมิภาคของสวิตเซอร์แลนด์ ส่งผลให้ Engadin Valley กลายเป็นสวรรค์ของนักถ่ายภาพและนักเดินทางที่ชอบธรรมชาติ
ไฮไลท์สถานที่ท่องเที่ยวใน Engadin
1. St. Moritz - เมืองตากอากาศระดับโลก
- เมืองรีสอร์ทสุดหรูที่มีชื่อเสียงด้านกีฬาและไลฟ์สไตล์
- ไฮไลท์ฤดูใบไม้ร่วง: เดินเล่นรอบทะเลสาบ St. Moritz ที่สะท้อนภาพใบสนสีทอง
2. Pontresina - เมืองเล็กในอ้อมกอดภูเขา
- จุดพักผ่อนที่เงียบสงบกว่า St. Moritz
- ไฮไลท์: เส้นทางเดินป่าไปยัง Val Roseg ชมทุ่งหญ้าและป่าสนเปลี่ยนสี
3. Sils Fex - ธรรมชาติและความสงบ
- มีทะเลสาบ Sils Lake และ Silvaplana Lake ที่สะท้อนภาพภูเขาและใบไม้สีทองอย่างงดงาม
- ไฮไลท์: บรรยากาศหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่เหมาะกับการเดินเล่นช้า ๆ
ประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด
- เดินป่ารอบทะเลสาบ Sils และ Silvaplana: เส้นทางราบง่าย เหมาะทั้งนักเดินป่าและครอบครัว
- ขึ้นกระเช้าไปยัง Muottas Muragl: จุดชมวิวพาโนรามาที่สามารถเห็นหุบเขา Engadin ทั้งเส้น
- ปั่นจักรยานในอากาศสดชื่น: ทางจักรยานผ่านทุ่งหญ้าและป่าสีทอง
- อาหารตามฤดูกาล: ลองชิม ฟองดูว์ (Fondue), โรสตี (Rösti) และเมนูเห็ดป่าในฤดูใบไม้ร่วง
- กิจกรรมกลางแจ้ง: พายเรือคายัค ขี่ม้าชมวิว หรือแม้แต่เดินป่าพร้อมไกด์ถ่ายภาพ
การเดินทาง
- จาก Zurich หรือ Chur: นั่งรถไฟสู่ St. Moritz (ระยะทางประมาณ 210 กม.) ใช้เวลาประมาณ 3.5–4 ชั่วโมง
- จากนั้นสามารถต่อด้วยรถบัสท้องถิ่นหรือกระเช้าไฟฟ้าไปยังจุดชมวิวและหมู่บ้านต่าง ๆ ใน Engadin ได้สะดวก
ไร่องุ่น Lavaux (UNESCO World Heritage Site): ไวน์เลิศรสกับวิวริมทะเลสาบ
เสน่ห์ของ Lavaux ในฤดูใบไม้ร่วง
ไร่องุ่นขั้นบันได Lavaux ริมทะเลสาบเจนีวา (Lake Geneva) ถือเป็นหนึ่งในภูมิทัศน์ที่งดงามที่สุดของสวิตเซอร์แลนด์ และได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกโดย UNESCO ไฮไลท์อยู่ที่ไร่องุ่นที่ทอดยาวกว่า 30 กิโลเมตร ตั้งแต่ Lausanne จนถึง Chillon Castle
เมื่อเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน-ตุลาคม) ไร่องุ่นทั้งแนวจะเปลี่ยนเป็นสีทอง แดง และส้ม ตัดกับผืนน้ำสีฟ้าใสของทะเลสาบเจนีวา และฉากหลังเป็นเทือกเขาแอลป์ บรรยากาศนี้กลายเป็นภาพจำที่ทั้งนักท่องเที่ยวและช่างภาพต่างต้องการมาเก็บไว้ในความทรงจำ
ไฮไลท์ประสบการณ์ใน Lavaux
1. เดินเล่นท่ามกลางไร่องุ่น
- เส้นทางเดินที่ตัดผ่านไร่องุ่นขั้นบันได เหมาะกับการสูดอากาศบริสุทธิ์และชมวิวแบบพาโนรามา
- จุดชมวิวหลายแห่งมีม้านั่งให้หยุดพักพร้อมมองเห็นทะเลสาบและภูเขา
2. ชิมไวน์ท้องถิ่น
- Lavaux มีชื่อเสียงด้าน ไวน์ขาวพันธุ์ Chasselas
- สามารถแวะ โรงบ่มไวน์เล็ก ๆ ในหมู่บ้าน Rivaz หรือ Epesses ลองชิมไวน์สดใหม่และเรียนรู้เรื่องราวการผลิตไวน์จากผู้ผลิตท้องถิ่น
3. ถ่ายภาพมุมกว้าง
- จุดชมวิวบนเนินเขามอบมุมมองที่สามารถมองเห็นไร่องุ่นขั้นบันไดต่อเนื่องลงสู่ทะเลสาบ
- ฤดูใบไม้ร่วงจะยิ่งเพิ่มสีสันให้ภาพสวยเหมือนโปสการ์ด
4. นั่งรถไฟเล็ก Wine Train
- รถไฟท้องถิ่นสายพิเศษที่วิ่งผ่านไร่องุ่น เปิดโอกาสให้นักท่องเที่ยวได้ชมวิวไปพร้อม ๆ กับการชิมไวน์
5. ล่องเรือในทะเลสาบเจนีวา
- หากมีเวลา การล่องเรือจากเมือง Lausanne หรือ Montreux จะทำให้ได้เห็นไร่องุ่น Lavaux จากมุมมองใหม่ที่สวยไม่แพ้กัน
การเดินทาง
- จาก Geneva หรือ Lausanne สามารถนั่งรถไฟไปยังสถานี Rivaz หรือ Cully ซึ่งเป็นจุดศูนย์กลางของ Lavaux ได้สะดวก
- ระยะทางจาก Geneva ไป Lavaux ประมาณ 95 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 1.5 ชั่วโมง
Ticino (ภาคใต้ของสวิตเซอร์แลนด์): ใบไม้เปลี่ยนสีในบรรยากาศเมดิเตอร์เรเนียน
เสน่ห์ของ Ticino ในฤดูใบไม้ร่วง
Ticino คือภูมิภาคที่แตกต่างจากสวิตเซอร์แลนด์ส่วนอื่นอย่างชัดเจน ด้วยกลิ่นอายเมดิเตอร์เรเนียนผสมผสานกับเสน่ห์แบบอิตาเลียน ทั้งภาษา อาหาร และบรรยากาศเมืองริมทะเลสาบ ฤดูใบไม้ร่วงที่นี่เต็มไปด้วยทิวทัศน์สีเหลืองและส้มของใบไม้ที่ปกคลุมภูเขาและหมู่บ้าน ตัดกับน้ำใสของ Lago Maggiore และ Lago di Lugano โดยเฉพาะช่วงบ่ายที่แสงแดดอบอุ่นสะท้อนผืนน้ำ กลายเป็นภาพโรแมนติกที่น่าจดจำ
ไฮไลท์สถานที่ท่องเที่ยวใน Ticino
1. Locarno - เมืองริมทะเลสาบ Lago Maggiore
- เดินเล่นริมทะเลสาบและเพลิดเพลินกับคาเฟ่บรรยากาศสบาย ๆ
- ไฮไลท์: ย่าน Piazza Grande ที่มีชีวิตชีวาในช่วงใบไม้เปลี่ยนสี
2. Lugano - เมืองศูนย์กลางแห่ง Ticino
- เมืองใหญ่ที่ผสมผสานความทันสมัยเข้ากับความเป็นอิตาลี
- ไฮไลท์: เดินเล่นในสวนสาธารณะริมทะเลสาบ ช้อปปิ้งใน Via Nassa และชิมเจลาโต้
3. Valle Verzasca - ธรรมชาติแสนบริสุทธิ์
- หุบเขาที่ขึ้นชื่อเรื่อง แม่น้ำสีเขียวมรกต
- ไฮไลท์: สะพานหิน Ponte dei Salti ที่มีทิวทัศน์งดงามเป็นเอกลักษณ์
4. Cardada - จุดชมวิวพาโนรามา
- นั่งกระเช้าขึ้นไปยัง Cardada เพื่อชมวิวทะเลสาบและภูเขาที่เปลี่ยนสีในฤดูใบไม้ร่วง
- ไฮไลท์: สะพานชมวิวที่ยื่นออกไปเหนือหุบเขา มอบมุมถ่ายภาพที่สวยไม่เหมือนใคร
ประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด
- ล่องเรือใน Lago Maggiore หรือ Lago di Lugano: ชมใบไม้เปลี่ยนสีริมฝั่งทะเลสาบในบรรยากาศโรแมนติก
- ชิมอาหารท้องถิ่น: ลองเมนูที่ผสมผสานความเป็นเมดิเตอร์เรเนียนกับสวิส เช่น พาสต้า ริซอตโต และไวน์ท้องถิ่น
- เดินตลาดท้องถิ่น: สัมผัสวิถีชีวิตแบบชาวเมือง Ticino และหาของฝากโฮมเมด
การเดินทาง
- สามารถเดินทางโดยรถไฟจาก Zurich หรือ Milan มายัง Lugano หรือ Locarno ได้โดยตรง
- ระยะทางจาก Zurich ไป Lugano ประมาณ 206 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางราว 2 ชั่วโมง
Grindelwald & Lauterbrunnen Valley: หุบเขาแห่งน้ำตกและสีสันใบไม้
เสน่ห์ของหุบเขา Jungfrau Region ในฤดูใบไม้ร่วง
Grindelwald และ Lauterbrunnen Valley คือหัวใจของ Jungfrau Region และได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในหุบเขาที่งดงามที่สุดในยุโรป ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน–ตุลาคม) ที่นี่จะเปลี่ยนเป็นโลกแห่งสีสัน ป่าไม้แปรเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ส้ม และแดงตัดกับยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะขาว เสียงน้ำตกที่ดังก้องและหมอกยามเช้าเติมเต็มบรรยากาศโรแมนติกและเงียบสงบ เหมาะสำหรับทั้งคู่รักและนักเดินทางสายธรรมชาติ
ไฮไลท์สถานที่ท่องเที่ยว
1. Grindelwald - ประตูสู่ยอดเขา Eiger
- เมืองรีสอร์ทท่ามกลางเทือกเขา
- ไฮไลท์: นั่งกระเช้าขึ้น First เพื่อเดิน Skywalk Cliff Walk by Tissot ชมวิวพาโนรามาของ Eiger, Mönch และ Jungfrau
2. Lauterbrunnen Valley - หุบเขาแห่งน้ำตก
- หุบเขาที่มีน้ำตกกว่า 70 สาย ไหลจากหน้าผาสูงลงสู่หุบเขา
- ไฮไลท์: เดินเล่นในหมู่บ้านเล็ก ๆ บ้านไม้ดั้งเดิม และสวนดอกไม้
3. Trümmelbach Falls - น้ำตกใต้ดินในถ้ำหิน
- น้ำตกที่ซ่อนตัวอยู่ในภูเขา ไหลแรงและดังก้องจากธารน้ำแข็ง Jungfrau
- ไฮไลท์: เดินชมผ่านอุโมงค์และสะพานไม้ สัมผัสพลังของธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
ประสบการณ์ที่ไม่ควรพลาด
- เดินเล่นใน Lauterbrunnen พร้อมถ่ายภาพหมู่บ้านกับฉากหลังเป็นน้ำตก
- ชมพระอาทิตย์ตกที่ Grindelwald First และสัมผัสอากาศบริสุทธิ์บนสกายวอล์ก
- แวะชิมกาแฟหรือขนมในคาเฟ่เล็ก ๆ ริมทาง ท่ามกลางบรรยากาศหุบเขา
- หากมีเวลา สามารถต่อการเดินทางสู่ Wengen หรือ Mürren หมู่บ้านบนเขาที่มองเห็นวิว Jungfrau Region แบบเต็มตา
การเดินทาง
- จาก Interlaken สามารถนั่งรถไฟไปยัง Grindelwald หรือ Lauterbrunnen ได้สะดวก
- จากนั้นใช้รถบัสหรือกระเช้าไฟฟ้าเพื่อขึ้นสู่จุดชมวิวต่าง ๆ
- ระยะทางจาก Interlaken ไป Lauterbrunnen ประมาณ 12 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 20 นาที
กิจกรรมห้ามพลาดสำหรับทริปชมใบไม้เปลี่ยนสี
การถ่ายภาพใบไม้เปลี่ยนสี
- เลือกช่วง เช้าตรู่หรือบ่ายแก่ (Golden Hour) เพื่อให้ได้แสงอบอุ่น สีใบไม้ดูอิ่มและมีมิติ
- พก ขาตั้งกล้อง สำหรับภาพน้ำตกหรือหมอก ใช้เลนส์มุมกว้างเก็บวิว และเลนส์ซูมโฟกัสใบไม้หรือยอดเขา
- เพิ่มองค์ประกอบในภาพ เช่น สะพานไม้ บ้านชาเลต์ เรือในทะเลสาบ เพื่อทำให้ภาพดูน่าสนใจยิ่งขึ้น
การเดินป่า (Hiking)
- เส้นทางง่าย เหมาะกับทุกวัย:
- รอบ ทะเลสาบ Sils
- เส้นทาง Riffelalp – Riffelberg ใน Zermatt
- Mürren - Gimmelwald ที่เต็มไปด้วยวิวหมู่บ้านและป่าสีทอง
- เส้นทางสำหรับนักเดินป่าที่มีประสบการณ์:
- Panorama Trail ใน Grindelwald
- First - Bachalpsee ชมทะเลสาบกลางภูเขาที่โอบล้อมด้วยสีสันฤดูใบไม้ร่วง
การลิ้มลองอาหารท้องถิ่น
- ของหวานและเครื่องดื่ม: ช็อกโกแลตสวิสคุณภาพสูง ไวน์จากไร่องุ่น Lavaux ที่เพิ่งเก็บเกี่ยว
- ชีสชื่อดัง: Gruyère, Emmental พร้อมเมนูชีสฟองดูว์และโรสตี
- อาหารตามฤดูกาล: เนื้อกวาง เกมนกกระทา ฟักทอง และเกาลัดคั่ว
- ขนมพื้นเมือง: Nusstorte (พายถั่ววอลนัต) จาก Graubünden
เคล็ดลับการเตรียมตัว
เสื้อผ้า
- แต่งแบบ เลเยอร์ (หลายชั้น) เพื่อปรับอุณหภูมิได้ง่าย
- ควรมี เสื้อกันหนาวน้ำหนักเบา เสื้อกันลม และเสื้อกันฝน เพราะภูมิอากาศบนภูเขาเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว
รองเท้า
- เลือก รองเท้าเดินที่สบาย กันน้ำ และพื้นกันลื่น เพื่อรองรับทั้งการเดินป่าและการเดินในเมือง
จองล่วงหน้า
- จอง ที่พักล่วงหน้า 2-3 เดือน โดยเฉพาะเมืองยอดนิยม
- ซื้อตั๋วรถไฟสายพาโนรามา เช่น Glacier Express, Bernina Express, GoldenPass Line ล่วงหน้า เพื่อได้ที่นั่งวิวดีที่สุด
Swiss Travel Pass
- แนะนำให้ซื้อสำหรับการเดินทางด้วย รถไฟ รถบัส และเรือ
- ครอบคลุมเส้นทางหลักทั้งหมด รวมถึงจุดหมายชมใบไม้เปลี่ยนสี ทำให้สะดวกและคุ้มค่าในทริปเดียว
📌 FAQ คำถามที่พบบ่อย: ใบไม้เปลี่ยนสีสวิตเซอร์แลนด์ 2025
Q: ใบไม้เปลี่ยนสีที่สวิตเซอร์แลนด์เริ่มช่วงไหน?
A: ปลายกันยายนถึงปลายตุลาคมเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด บางพื้นที่สูง เช่น Engadin จะเปลี่ยนสีเร็วกว่า ส่วนเมืองริมทะเลสาบจะช้ากว่าเล็กน้อย
Q: ใบไม้เปลี่ยนสีสวิตเซอร์แลนด์สวยที่สุดที่ไหน?
A: จุดยอดนิยมคือ GoldenPass Line, Engadin (St. Moritz, Sils Fex), Lavaux Vineyards, Ticino, และ Grindelwald & Lauterbrunnen Valley
Q: ควรไปสวิตเซอร์แลนด์ช่วงไหนดีระหว่างใบไม้เปลี่ยนสีกับหิมะ?
A: หากชอบบรรยากาศโรแมนติก สดใส และผู้คนไม่หนาแน่น แนะนำฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย.-ต.ค.) แต่ถ้าอยากเล่นสกีและสัมผัสหิมะ ควรไปช่วงฤดูหนาว (ธ.ค.-ก.พ.)
Q: ต้องใช้บัตรโดยสารอะไรคุ้มที่สุด?
A: แนะนำ Swiss Travel Pass ครอบคลุมรถไฟ รถบัส และเรือทั่วประเทศ รวมถึงรถไฟชมวิวชื่อดังหลายสาย ทำให้สะดวกและประหยัดกว่า
Q: รถไฟสายไหนเหมาะสำหรับชมใบไม้เปลี่ยนสี?
A: รถไฟสายพาโนรามาที่แนะนำ ได้แก่ GoldenPass Line, Glacier Express, Bernina Express และ Voralpen Express
Q: ต้องใช้เวลากี่วันสำหรับทริปใบไม้เปลี่ยนสีสวิตเซอร์แลนด์?
A: อย่างน้อย 7-10 วัน เพื่อเก็บจุดสำคัญหลายภูมิภาค หากมีเวลาน้อย แนะนำเลือกโฟกัสเพียง 2-3 เมืองใกล้กัน เช่น Lucerne-Interlaken-Grindelwald
Q: มีกิจกรรมอะไรบ้างนอกจากชมวิว?
A: สามารถเดินป่า (Hiking), ล่องเรือในทะเลสาบ, ถ่ายภาพ Golden Hour, ชิมไวน์ Lavaux, ลองอาหารตามฤดูกาล และเข้าร่วมเทศกาลท้องถิ่น
Q: ควรเตรียมเสื้อผ้าแบบไหนไปช่วงใบไม้เปลี่ยนสี?
A: แต่งเลเยอร์หลายชั้นเพื่อปรับตามอากาศ ควรมีเสื้อกันหนาวเบา เสื้อกันลม เสื้อกันฝน และรองเท้าเดินกันน้ำ พื้นกันลื่น
Q: ใบไม้เปลี่ยนสีในสวิตเซอร์แลนด์เหมือนญี่ปุ่นหรือต่างกันอย่างไร?
A: สวิตเซอร์แลนด์โดดเด่นที่ วิวภูเขา น้ำตก และทะเลสาบ ผสมกับใบไม้สีทองแดงตัดกับหิมะ ต่างจากญี่ปุ่นที่เน้นวัด ศาลเจ้า และสวนญี่ปุ่น
Q: การเดินป่าช่วงใบไม้เปลี่ยนสีปลอดภัยไหม?
A: ปลอดภัยหากเลือกเส้นทางง่าย เช่น รอบทะเลสาบ Sils, Riffelalp–Riffelberg, หรือ Mürren–Gimmelwald และควรเตรียมรองเท้าและเสื้อผ้าเหมาะสม
สรุป: ทริปใบไม้เปลี่ยนสีในสวิตเซอร์แลนด์ 2025
การเดินทางไปชมใบไม้เปลี่ยนสีในสวิตเซอร์แลนด์ปี 2025 คือโอกาสพิเศษที่จะได้สัมผัสความงดงามของธรรมชาติในช่วงที่ประเทศทั้งประเทศเปลี่ยนโฉมเป็นภาพวาดสีทอง ส้ม แดง และเหลืองตัดกับยอดเขาหิมะขาวและทะเลสาบสีฟ้าใส
ไม่ว่าจะเลือกนั่งรถไฟพาโนรามา GoldenPass Line ที่พาคุณผ่านภูมิประเทศหลายรูปแบบ, เดินทางสู่ Engadin เพื่อชมป่าสน Larch สีทอง, แวะชิมไวน์ที่ ไร่องุ่น Lavaux ริมทะเลสาบเจนีวา, สัมผัสกลิ่นอายเมดิเตอร์เรเนียนใน Ticino, หรือหลงเสน่ห์บรรยากาศภูเขา น้ำตก และหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่ Grindelwald และ Lauterbrunnen ทุกเส้นทางต่างมีเสน่ห์เฉพาะตัวที่ยากจะลืม
นอกจากการชมวิวแล้ว คุณยังสามารถทำกิจกรรมที่จะเติมเต็มทริปให้น่าจดจำยิ่งขึ้น เช่น ถ่ายภาพในช่วง Golden Hour ที่แสงอบอุ่นตกกระทบใบไม้, เดินป่าในเส้นทางเข้าถึงง่ายพร้อมวิวเทือกเขา, ชิมอาหารและไวน์ตามฤดูกาล หรือเข้าร่วมเทศกาลท้องถิ่นเล็ก ๆ ที่อบอุ่น การเตรียมตัวที่ดี ทั้งการแต่งตัวแบบเลเยอร์ รองเท้าเดินที่เหมาะสม การจองที่พักและรถไฟล่วงหน้า รวมถึงการใช้ Swiss Travel Pass จะทำให้การเดินทางสะดวกสบายและคุ้มค่ามากขึ้น
ฤดูใบไม้ร่วงในสวิตเซอร์แลนด์จึงไม่ใช่เพียงการเดินทางเพื่อชมความงามของธรรมชาติ แต่ยังเป็นการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่ผสมผสานธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนไว้อย่างลงตัว ไม่ว่าคุณจะชอบความเงียบสงบท่ามกลางภูเขา หรืออยากสัมผัสบรรยากาศหมู่บ้านและเมืองที่มีเอกลักษณ์ ฤดูนี้สามารถตอบโจทย์ได้ทั้งหมด และจะมอบความทรงจำอันอบอุ่นที่จะอยู่กับคุณไปอีกนาน 🍂🇨🇭✨
บทความเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์เพิ่มเติม
Klook คืออะไร?
Klook คือแพลตฟอร์มชั้นนำของเอเชียสำหรับการจองกิจกรรมและบริการท่องเที่ยวแบบครบวงจร
เราคัดสรรประสบการณ์คุณภาพ ตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ทัวร์ท้องถิ่น การเดินทางภายในประเทศ ไปจนถึงที่พักหลากสไตล์ ครอบคลุมกว่า 3,400 จุดหมายทั่วโลก
รองรับการใช้งานใน 15 ภาษา และสามารถชำระเงินได้มากกว่า 40 สกุลเงิน ผ่านช่องทางชำระที่หลากหลาย ทำให้การจองกับ Klook สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
Klook ก่อตั้งในปี 2014 มีเป้าหมายเพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับนักเดินทางทุกคน ไม่ว่าคุณจะเที่ยวใกล้บ้านหรือออกเดินทางไกล Klook พร้อมพาคุณเชื่อมต่อกับโลกแห่งประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา
🧡 ติดตาม Klook ได้ทาง
- Facebook: @klookth
- Instagram: @klooktravel_th
- TikTok: @klookth
- YouTube: @klookTH
- LINE Official Account: @klookth









































