• ไปยังแอป
  • เลือกจุดหมายปลายทาง
  • เที่ยวหมู่บ้านรัสเซีย ฮาร์บิน (Russian Village Harbin) เสน่ห์ยุโรป–รัสเซีย กลางเมืองน้ำแข็ง ในจีนเหนือ

    Klook Thailand
    Klook Thailand
    อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 2025
    more
    เที่ยวหมู่บ้านรัสเซีย ฮาร์บิน (Russian Village Harbin) เสน่ห์ยุโรป–รัสเซีย กลางเมืองน้ำแข็ง ในจีนเหนือ

    เปิดหน้าประวัติศาสตร์: ทำไมฮาร์บินถึงเป็น "มอสโกแห่งตะวันออก"?

    ก่อนที่เราจะวาร์ปไปที่ "หมู่บ้านรัสเซีย ฮาร์บิน" (Harbin Russian Village) คุณเคยสงสัยไหมว่าทำไมเมืองที่อยู่ในประเทศจีน ถึงได้มีกลิ่นอายยุโรปตะวันออกที่เข้มข้นขนาดนี้?
    คำตอบย้อนไปในอดีตช่วงปลายศตวรรษที่ 19 ครับ เมื่อรัสเซียสร้าง ทางรถไฟสายทรานส์-ไซบีเรีย (Trans-Siberian Railway) และขยายเส้นทางสายจีนตะวันออก (Chinese Eastern Railway) ผ่านใจกลางฮาร์บิน ทำให้ที่นี่กลายเป็นศูนย์กลางการค้าและชุมทางรถไฟที่สำคัญ
    คลื่นชาวรัสเซีย ทั้งวิศวกร, พ่อค้า, และผู้ลี้ภัยจากการปฏิวัติ ได้หลั่งไหลเข้ามาตั้งถิ่นฐาน สร้างชุมชน และนำสถาปัตยกรรมแบบรัสเซียอันเป็นเอกลักษณ์มาสู่เมืองนี้ จนฮาร์บินได้รับฉายาว่า "มอสโกแห่งตะวันออก" (Moscow of the Orient) หรือ "ปารีสตะวันออก"
    แม้เวลาจะผ่านไป แต่เสน่ห์ของสถาปัตยกรรมเหล่านั้นยังคงตราตรึง และ "หมู่บ้านรัสเซีย" ก็คือหนึ่งในสถานที่ที่จำลองและเก็บรักษาบรรยากาศนั้นไว้ให้เราได้สัมผัสในปัจจุบัน
    Volga Manor Harbin

    คำถามโลกแตก: Volga Manor vs Russian Village (เกาะสุริยัน) เลือกไปที่ไหนดี?

    นี่คือข้อสงสัยอันดับหนึ่งของคนที่จะไปเที่ยวฮาร์บิน! เพราะทั้งสองที่มีคำว่า "รัสเซีย" เหมือนกัน แต่ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ขอเคลียร์ให้ชัดตรงนี้ครับ:

    1. Volga Manor (伏尔加庄园 - ฝูเอ่อร์เจียจวงหยวน)

    • ที่ตั้ง: อยู่ชานเมืองฮาร์บิน ห่างจากตัวเมืองประมาณ 1 ชั่วโมง (ต้องนั่งรถไป)
    • ขนาด: ใหญ่มาก เป็นอาณาจักรเลยครับ
    • บรรยากาศ: เน้นความอลังการ, สวยงาม, ยิ่งใหญ่ เป็นการจำลองสถาปัตยกรรมรัสเซียที่สำคัญๆ มาไว้ในที่เดียว (เช่น โบสถ์ St. Nicholas, พระราชวัง)
    • กิจกรรม: มีกิจกรรมเยอะมาก เช่น เล่นสกี, สไลเดอร์น้ำแข็งขนาดใหญ่, ชมการแสดง, พักค้างคืนในโรงแรมธีมรัสเซีย
    • เหมาะกับ: คนที่มีเวลาเที่ยวทั้งวัน, สายถ่ายรูปที่ต้องการความอลังการ, คนที่อยากสัมผัสความยิ่งใหญ่ของสถาปัตยกรรม
    Volga manor, Russian village theme park

    2. Russian Village (俄罗斯风情小镇 - เอ้อหลัวซือเฟิงฉิงเสี่ยวเจิ้น)

    • ที่ตั้ง: อยู่บน เกาะสุริยัน (Sun Island หรือ Taiyang Dao) ใกล้ตัวเมืองมาก
    • ขนาด: เล็กและกะทัดรัด (ใช้เวลาเดิน 1-2 ชั่วโมงก็ทั่ว)
    • บรรยากาศ: เป็นหมู่บ้านจำลองสไตล์ "ดาช่า" (Dacha - บ้านพักตากอากาศ) ของรัสเซีย เน้นความน่ารัก, สีสันสดใส, มีเสน่ห์แบบคลาสสิก
    • กิจกรรม: เน้นเดินเล่นถ่ายรูป, ชมการแสดงพื้นเมืองเล็กๆ, ซื้อของที่ระลึก
    • เหมาะกับ: คนที่มีเวลาน้อย, คนที่ต้องการเที่ยวควบกับ เทศกาลแกะสลักหิมะ (Harbin Snow Fair) ซึ่งจัดอยู่บนเกาะสุริยันเหมือนกัน, สายถ่ายรูปสไตล์พอร์ตเทรตที่ต้องการฉากหลังสีลูกกวาด
    สรุปสั้นๆ: ถ้าอยากได้ความยิ่งใหญ่และมีเวลา 1 วันเต็ม ให้ไป Volga Manor แต่ถ้าอยากได้ความสะดวก, เที่ยวง่าย, และเน้นบรรยากาศน่ารักๆ เพื่อไปต่อที่งานเทศกาลหิมะ ให้เลือก Russian Village บนเกาะสุริยัน (ซึ่งเราจะเจาะลึกในบทความนี้!)
    Russian Village Harbin

    เจาะลึกไฮไลท์ Russian Village (เกาะสุริยัน): มีอะไรให้ทำบ้าง?

    เมื่อคุณข้ามมาถึงเกาะสุริยันและเดินมายังโซนหมู่บ้านรัสเซีย (มีค่าเข้าชมเล็กน้อย) สิ่งแรกที่คุณจะเห็นคือประตูทางเข้าไม้ที่ดูขลัง และเมื่อผ่านเข้าไป โลกทั้งใบก็จะเปลี่ยนเป็นสีสันทันที!

    1. สถาปัตยกรรมบ้านไม้ "ดาช่า" (Dacha) สีลูกกวาด

    นี่คือพระเอกของงาน! คุณจะพบกับบ้านไม้สไตล์รัสเซียแท้ๆ ที่ทาสีสันสดใสตัดกัน ทั้งสีเหลืองมัสตาร์ด, สีฟ้าเบบี้บลู, สีเขียวมิ้นต์, และสีแดงเข้ม บ้านแต่ละหลังมีรายละเอียดการฉลุลายไม้ที่หน้าต่างและชายคาที่น่าทึ่ง
    • เคล็ดลับถ่ายรูป: ช่วงฤดูหนาว สีสันของบ้านเหล่านี้จะตัดกับสีขาวโพลนของหิมะได้อย่างงดงามราวกับภาพวาด ลองแต่งตัวด้วยเสื้อโค้ทสีสว่างๆ จะช่วยให้ภาพของคุณโดดเด่นขึ้นมาทันที

    2. โบสถ์ไม้จำลอง (The Wooden Church)

    แม้จะไม่ใช่โบสถ์ St. Nicholas ที่ยิ่งใหญ่ (แบบที่ Volga Manor) แต่ที่นี่ก็มีโบสถ์ไม้ขนาดกะทัดรัดสไตล์ออร์โธดอกซ์ ที่มีโดมหัวหอมอันเป็นเอกลักษณ์ เป็นจุดเช็กอินที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปคู่ครับ

    3. ร้านค้าและของที่ระลึกสไตล์รัสเซีย

    ภายในบ้านไม้หลายๆ หลัง ถูกดัดแปลงเป็นร้านค้าน่ารักๆ ที่คุณสามารถเข้าไปชม (และอุ่น!) ได้ ของที่ระลึกยอดฮิตที่ควรซื้อติดมือ ได้แก่:
    • ตุ๊กตาแม่ลูกดก (Matryoshka): ของแท้จากรัสเซีย (หรือทำในจีน!) มีให้เลือกหลายแบบหลายราคา
    • ช็อกโกแลตรัสเซีย (Alenka): ช็อกโกแลตห่อรูปเด็กผู้หญิงสุดคลาสสิก
    • หมวกขนสัตว์ (Ushanka): หมวกกันหนาวสไตล์รัสเซียที่ช่วยเพิ่มความอบอุ่นและเป็นพร็อพถ่ายรูปชั้นดี
    • ขนมปังรัสเซีย (Russian Black Bread): ก้อนใหญ่ๆ หนักๆ รสชาติเปรี้ยวเล็กน้อย เป็นเอกลักษณ์

    4. การแสดงและวัฒนธรรม

    ในบางช่วงเวลา (โดยเฉพาะช่วงพีคของฤดูกาลท่องเที่ยว) จะมีการแสดงพื้นเมืองเล็กๆ เช่น การเต้นรำ หรือการเล่นดนตรีรัสเซีย ช่วยสร้างบรรยากาศให้คึกคักยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีศิลปินรับวาดภาพเหมือน หรือคนแต่งชุดพื้นเมืองรัสเซียให้เราถ่ายรูปด้วย (อาจมีค่าใช้จ่าย)
    Russian Village Harbin

    หมู่บ้านรัสเซีย ฮาร์บินในแต่ละฤดู

    ฤดู

    ไฮไลท์

    ฤดูหนาว (พ.ย.–มี.ค.)

    หิมะสวยที่สุด บรรยากาศยุโรปจริงจัง เหมาะถ่ายรูปสุด

    ฤดูใบไม้ผลิ (เม.ย.–พ.ค.)

    ดอกไม้บาน สีสันสดใส ตัดกับบ้านไม้

    ฤดูร้อน (มิ.ย.–ส.ค.)

    อากาศสบาย เหมาะเดินเล่น ปั่นจักรยาน

    ฤดูใบไม้ร่วง (ก.ย.–ต.ค.)

    ใบไม้สีทอง–แดง ถ่ายรูปออกมาเหมือนโปสการ์ด

    คู่มือการเดินทางไป Russian Village (ฉบับละเอียด)

    การเดินทางไปเกาะสุริยันนั้นง่ายและมีหลายวิธี แต่ละวิธีก็ให้ประสบการณ์ที่แตกต่างกัน:

    1. นั่งกระเช้าข้ามแม่น้ำ (Harbin Ropeway) วิธีที่แนะนำที่สุด!

    • ประสบการณ์: นี่คือวิธีที่สนุกและได้วิวสวยที่สุด คุณจะได้ขึ้นกระเช้าลอยข้าม แม่น้ำซงฮว่า (Songhua River) ที่กลายเป็นน้ำแข็งในฤดูหนาว มองเห็นวิวเมืองฮาร์บินจากมุมสูง และเห็นผู้คนที่เล่นกิจกรรมบนน้ำแข็งด้านล่าง
    • การเดินทาง: ขึ้นกระเช้าได้จากสถานีฝั่งตัวเมือง (ใกล้ๆ สวนสตาลิน - Stalin Park) กระเช้าจะพาคุณข้ามไปลงที่เกาะสุริยันเลย
    • ข้อควรระวัง: มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าวิธีอื่น และอาจมีคิวยาวในช่วงวันหยุด

    2. เดินข้ามแม่น้ำ (เฉพาะฤดูหนาวที่หนาวจัด)

    • ประสบการณ์: นี่คือประสบการณ์ "Harbin Only!" ที่สุดยอดมาก! เมื่อแม่น้ำซงฮว่าหนาพอ (ปกติคือช่วง มกราคม-กุมภาพันธ์) มันจะกลายเป็นทางสัญจรหลัก ผู้คนจะเดิน, วิ่ง, หรือแม้แต่นั่งเก้าอี้เลื่อนน้ำแข็งข้ามฝั่งกัน
    • การเดินทาง: เดินจากฝั่งสวนสตาลิน หรืออนุสาวรีย์ฝั่งหง (Flood Control Monument) ข้ามไปยังเกาะสุริยันได้เลย
    • ข้อควรระวัง: ต้องมั่นใจว่าแม่น้ำแข็งพอ (สังเกตคนท้องถิ่น) และควรใส่รองเท้าที่มีดอกยางกันลื่น

    3. แท็กซี่ หรือ DiDi (แอปเรียกรถของจีน)

    • ประสบการณ์: สะดวก, รวดเร็ว, และเป็นส่วนตัวที่สุด เหมาะสำหรับคนที่มาเป็นกลุ่มหรือไม่อยากทนหนาวนานๆ
    • การเดินทาง: ปักหมุดไปที่ "Sun Island" (太阳岛) หรือ "Russian Village" (俄罗斯风情小镇) ได้เลย
    • เคล็ดลับ: แนะนำให้ใช้แอป DiDi เพราะราคามาตรฐานและสื่อสารง่ายกว่าการโบกแท็กซี่ทั่วไป

    4. รถบัสโดยสาร

    • ประสบการณ์: ประหยัดที่สุด แต่ใช้เวลาและอาจจะงงเล็กน้อยสำหรับนักท่องเที่ยว
    • การเดินทาง: มีรถบัสหลายสายที่จอดป้าย "ไท่หยางต่าว" (Sun Island) แต่คุณต้องเช็กเส้นทางจากแอปแผนที่ (เช่น Baidu Maps) อีกครั้ง
    Songhua River Cable Car

    เคล็ดลับ (Pro-Tips) สำหรับการเที่ยว Russian Village ให้สนุกคูณสอง

    จากประสบการณ์จริง นี่คือเคล็ดลับที่จะทำให้ทริปของคุณสมบูรณ์แบบ:
    1. การแต่งกาย (สำคัญมากในฤดูหนาว):
      • "หนาว" ของฮาร์บิน คือ -20°C ถึง -35°C
      • ชั้นใน: ต้องเป็น ลองจอน หรือ ฮีทเทค (ทั้งเสื้อและกางเกง)
      • ชั้นกลาง: เสื้อสเวตเตอร์ขนวูล หรือเสื้อฟลีซ (Fleece)
      • ชั้นนอก: เสื้อขนเป็ด (Down Jacket) คุณภาพดีที่กันลมและกันหิมะได้ (ค่า Fill Power สูงๆ)
      • กางเกง: กางเกงสกี หรือกางเกงกันหนาวบุขนทับลองจอนอีกชั้น
      • เครื่องประดับ: ห้ามขาด! หมวก (ปิดหู), ผ้าพันคอ (ปิดหน้า), ถุงมือ (แนะนำแบบ 2 ชั้น), และ แผ่นแปะร้อน (Heat Packs) พกไปเยอะๆ ใส่ในรองเท้าและกระเป๋าเสื้อ
    2. ปัญหาแบตเตอรี่: ความหนาวจัดคือศัตรูของแบตเตอรี่! มือถือและกล้องของคุณแบตจะหมดเร็วมาก (จาก 100% อาจเหลือ 0% ใน 15 นาที)
      • วิธีแก้: พก พาวเวอร์แบงก์ (Power Bank), เก็บมือถือและแบตสำรองไว้ในกระเป๋าเสื้อ ด้านใน ที่ติดกับตัว (เพื่อให้ได้ไออุ่นจากร่างกาย) อย่าใส่ไว้ในกระเป๋ากางเกง
    3. วางแผนเที่ยวควบ: อย่ามาเกาะสุริยันเพื่อหมู่บ้านรัสเซียอย่างเดียว!
      • ฤดูหนาว: ต้องไป "เทศกาลแกะสลักหิมะ" (Harbin Snow Fair) ที่อยู่บนเกาะเดียวกัน งานนี้อลังการและเป็นไฮไลท์ของฮาร์บิน (คนละที่กับงานน้ำแข็ง Harbin Ice and Snow World นะครับ)
      • ฤดูร้อน: เกาะสุริยันจะเป็นสวนสาธารณะที่ร่มรื่นมาก เหมาะแก่การปั่นจักรยานและพักผ่อน
    4. เรื่องค่าเข้า: ราคาตั๋วอาจมีการเปลี่ยนแปลง แนะนำให้ซื้อตั๋วแบบ "Combo Set" ที่รวมค่าเข้าเกาะสุริยัน, ค่าเข้า Russian Village, และอาจจะรวมกระเช้าลอยฟ้า ซึ่งมักจะคุ้มค่ากว่า
    Russian Village Harbin

    สรุป: คุ้มค่าหรือไม่ กับการไปเยือน Russian Village Harbin?

    สำหรับคำถามนี้ ขอตอบว่า "คุ้มค่าอย่างยิ่ง"... หากคุณเข้าใจว่าคุณกำลังจะไปเจอกับอะไร
    Russian Village บนเกาะสุริยัน ไม่ใช่สถานที่สำหรับคนที่ต้องการเสพประวัติศาสตร์รัสเซียอย่างลึกซึ้ง หรือคาดหวังความยิ่งใหญ่อลังการแบบ Volga Manor
    แต่ที่นี่คือ "สตูดิโอถ่ายรูปกลางแจ้ง" ที่สมบูรณ์แบบ! มันคือสถานที่ท่องเที่ยวที่ถูกสร้างขึ้นเพื่อ "ความสุข" เพื่อการถ่ายรูปสวยๆ และการเดินเล่นในบรรยากาศคลาสสิกที่หาไม่ได้ง่ายๆ หากคุณมีแผนจะไปเที่ยวเทศกาลหิมะบนเกาะสุริยันอยู่แล้ว การแบ่งเวลา 1-2 ชั่วโมงมาเดินเล่นในดินแดนสีลูกกวาดแห่งนี้ ถือเป็นกำไรของทริปที่ช่วยเติมเต็มสีสันให้การมาเยือน "มอสโกแห่งตะวันออก" ของคุณได้อย่างสมบูรณ์แบบ

    📌 FAQ คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับหมู่บ้านรัสเซีย ฮาร์บิน

    Q1: หมู่บ้านรัสเซีย ฮาร์บิน อยู่ที่ไหน? การเดินทางไปยังไง?

    A: หมู่บ้านรัสเซีย ฮาร์บิน (Russian Village Harbin) ตั้งอยู่บน เกาะซันไอส์แลนด์ (Sun Island Scenic Area) ฝั่งเหนือของแม่น้ำซงฮัว ห่างจากตัวเมืองฮาร์บินเพียง 15–25 นาที การเดินทางที่สะดวกที่สุดคือ แท็กซี่ หรือ รถเรียกผ่านแอป Didi Chuxing ซึ่งรวดเร็วและเหมาะมากในช่วงฤดูหนาวที่อากาศหนาวจัด นักท่องเที่ยวยังสามารถนั่ง รถไฟใต้ดินฮาร์บิน (Harbin Metro) ไปลงสถานีที่ใกล้ที่สุด แล้วเรียกรถต่อเข้าเกาะซันไอส์แลนด์ได้เช่นกัน

    Q2: ค่าเข้าหมู่บ้านรัสเซีย ฮาร์บิน เท่าไหร่?

    A: ค่าเข้าชมหมู่บ้านรัสเซียโดยทั่วไปอยู่ที่ประมาณ 10 หยวน/คน (อาจมีการปรับเปลี่ยนตามฤดูกาลหรือช่วงเทศกาลพิเศษ) หากไปในช่วงฤดูหนาวหรือวันหยุดอาจมีเวลาปิดเร็วขึ้น และบางกิจกรรมอาจเปิดเฉพาะบางวัน ควรตรวจสอบข้อมูลล่าสุดก่อนเดินทางเสมอ

    Q3: ต้องเตรียมชุดกันหนาวไปไหม?

    A: จำเป็นมากถ้าไปช่วงฤดูหนาว! เพราะฮาร์บินมีอุณหภูมิต่ำแบบติดลบหลายองศา โดยเฉพาะบนเกาะซันไอส์แลนด์ที่ลมแรงกว่าในเมือง ควรเตรียมเสื้อกันหนาวหนา ถุงมือ หมวกไหมพรม ผ้าพันคอ และรองเท้ากันลื่นให้พร้อม แม้ว่าบัตรเข้า Russian Village จะไม่รวมอุปกรณ์กันหนาว แต่สามารถซื้อเพิ่มได้บริเวณทางเข้า

    Q4: ไปถ่ายรูปเฉย ๆ ได้ไหม? ไม่ได้เล่นกิจกรรมจะคุ้มไหม?

    A: ได้แน่นอน! หมู่บ้านรัสเซีย ฮาร์บิน ถือเป็นหนึ่งใน จุดถ่ายรูปสวยที่สุดของ Harbin ไม่ว่าจะเป็นบ้านไม้สไตล์ไซบีเรียน โบสถ์โดมทอง หรือฉากหิมะในฤดูหนาว ทุกมุมถ่ายรูปออกมาสวยเหมือนอยู่รัสเซียจริง ๆ แม้จะไม่ได้ร่วมกิจกรรม แต่การเดินชมบรรยากาศและถ่ายภาพก็ถือว่าคุ้มค่ามาก โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวที่หมู่บ้านเหมือนหลุดออกมาจากนิทานยุโรป

    Q5: ภายในหมู่บ้านมีร้านอาหารหรือร้านกาแฟไหม?

    A: มีร้านเล็ก ๆ สไตล์รัสเซียขายเครื่องดื่มและอาหารพื้นบ้าน เช่น ซุปบอร์ช (Borscht), พาย Pirozhki, ช็อกโกแลต Alenka รวมถึงของฝากแบบรัสเซียแท้ แต่ถ้าต้องการร้านอาหารใหญ่ ๆ หรือคาเฟ่เต็มรูปแบบ แนะนำให้ไปทานบริเวณตัวเมืองฮาร์บินหรือโซนอื่น ๆ บนเกาะซันไอส์แลนด์

    Q6: ใช้เวลาเที่ยวประมาณกี่ชั่วโมง?

    A: ส่วนใหญ่ใช้เวลาประมาณ 1–2 ชั่วโมง ในการเดินชม ถ่ายรูป และเข้าร้านค้า แต่ถ้าตั้งใจถ่ายภาพหลายจุด อาจใช้เวลา 2–3 ชั่วโมง โดยเฉพาะหน้าหนาวที่เดินช้าลงเพราะพื้นลื่น

    Q7: ปลอดภัยไหมถ้าไปช่วงหน้าหนาว?

    A: โดยรวมปลอดภัยมาก แต่ควรระวังพื้นลื่นจากน้ำแข็ง และควรพักเป็นช่วง ๆ เพราะบางวันอาจมีอุณหภูมิต่ำถึง -20°C ถึง -30°C การสวมรองเท้ากันลื่นและเสื้อผ้าให้หนาเพียงพอจะช่วยให้เดินทางได้อย่างสะดวกและปลอดภัย
    ลดเพิ่ม5%เมื่อจองผ่านแอปครั้งแรก

    Klook คืออะไร?

    Klook คือแพลตฟอร์มชั้นนำของเอเชียสำหรับการจองกิจกรรมและบริการท่องเที่ยวแบบครบวงจร เราคัดสรรประสบการณ์คุณภาพ ตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ทัวร์ท้องถิ่น การเดินทางภายในประเทศ ไปจนถึงที่พักหลากสไตล์ ครอบคลุมกว่า 3,400 จุดหมายทั่วโลก
    รองรับการใช้งานใน 15 ภาษา และสามารถชำระเงินได้มากกว่า 40 สกุลเงิน ผ่านช่องทางชำระที่หลากหลาย ทำให้การจองกับ Klook สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
    Klook ก่อตั้งในปี 2014 มีเป้าหมายเพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับนักเดินทางทุกคน ไม่ว่าคุณจะเที่ยวใกล้บ้านหรือออกเดินทางไกล Klook พร้อมพาคุณเชื่อมต่อกับโลกแห่งประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา

    🧡 ติดตาม Klook ได้ทาง

    more