• ไปยังแอป
  • เลือกจุดหมายปลายทาง
  • Road Trip 5 วัน | จากลาสเวกัสไปลอสแองเจลิส!

    Klook Thailand
    อัปเดตล่าสุด 4 ธ.ค. 2023

    Road Trip พร้อมเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติของแคลิฟอร์เนีย!

    หากคุณต้องการที่เดินทางท่องเที่ยวแบบโรดทริป พร้อมชมวิวทิวทัศน์ที่ไม่มีที่สิ้นสุดของธรรมชาติของสองข้างทางและความรู้สึกที่ได้สัมผัสกับสายลม ต้องไม่พลาดกับแผนการเดินทางครั้งนี้
    ถ้าคุณอยากไปเที่ยวกับคนที่คุณรักพร้อมฟังเพลย์ลิสต์เพลงโปรดระหว่างเดินทาง เราขอแนะนำให้คุณเดินทางจากลาสเวกัสไปยังลอสแองเจลิสด้วยโรดทริป
    คุณสามารถจอง และสัมผัสกับสิ่งที่ดีที่สุด รวมถึงสถานที่ท่องเที่ยว กิจกรรม บริการรถเช่า ซิมการ์ด และอื่นๆ อีกมากมายบน Klook สมัครตอนนี้เลย! 🧡
    รับส่วนลด 10% ลดสูงสุด 100.- สำหรับการจองแอปครั้งแรกของคุณเมื่อคุณใช้รหัสโปรโมชั่น <TH10APP> เป็นไปตามข้อกำหนดและเงื่อนไข
    ดาวน์โหลดแอป Klook ของคุณตอนนี้เลย!iOS | Android
    จากทะเลทรายอันกว้างใหญ่ที่นำคุณกลับสู่โลกของ Wild West ไปจนถึงภูเขาและชายหาดที่มีเอกลักษณ์ของชายฝั่งตะวันตกที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก พร้อมจุดเช็คอินต่างๆ บนถนนจากลาสเวกัสไปยังลอสแองเจลิสที่จะทำให้ความฝันของคุณได้เป็นจริง
    มาตราการในการเข้าประเทศสหรัฐอเมริกาก็ผ่อนคลายลง ทำให้การเดินทางไปอเมริกาที่รอคอยมานานนั้นได้เป็นจริง! ครั้งนี้เราได้เลือกสถานที่ท่องเที่ยวที่คุณควรไปเยี่ยมชมในระหว่างการเดินทาง นอกจากนี้เราขอแนะนำรถเช่าราคาถูก โรงแรมใกล้สถานที่ท่องเที่ยว และสถานที่ท่องเที่ยวราคาไม่แพงในลาสเวกัส และลอสแอนเจลิส!

    Road Trip 5 วัน | จากลาสเวกัสไปลอสแองเจลิส!

    • วันที่ 1: ผาหินแดงเรดร็อค (Red Rock Canyon) และหุบเขามรณะ (Death Valley)
    • วันที่ 2: เขตอนุรักษ์แห่งชาติโมฮาวี (Mojave National Preserve) และอุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park)
    • วันที่ 3: ปาล์มสปริงส์ (Palm Springs) และโรงกลั่นไวน์เทเมคูลา (Temecula Winery)
    • วันที่ 4: แคลิฟอร์เนียดิสนีย์แลนด์ (California Disneyland) และหอดูดาวกริฟฟิท (Griffith Observatory)
    • วันที่ 5: ลองบีช (Long Beach) หรือ ท่าเรือซานตาโมนิกา (Santa Monica Pier)

    การเดินทางบนถนนจากลาสเวกัสไปยังลอสแองเจลิส
    • เวลาในการขับรถ: รวม 13-14 ชั่วโมง
    • ระยะทาง: 670 ไมล์ (ประมาณ 1,078 กิโลเมตร)
    • ระยะเวลา: 5 วัน
    • สิ่งที่ต้องเตรียม: ครีมกันแดด แว่นกันแดด หมวก รองเท้าบู๊ต/รองเท้าเดินป่า ขนม/ขนมหวาน น้ำ เสื้อผ้าที่กระชับและสะดวก

    จุดที่

    สถานที่

    ระยะทาง

    1

    ผาหินแดงเรดร็อค (Red Rock Canyon)

    16.3 ไมล์ (ประมาณ 26.2 กิโลเมตร) จาก ลาสเวกัส / ผ่านถนน US-95N และ NV-159

    2

    หุบเขามรณะ (Death Valley)

    123 ไมล์ จาก ผาหินแดงเรดร็อค / ผ่านถนน NV-160 และ CA-190 W

    3

    เขตอนุรักษ์แห่งชาติโมฮาวี (Mojave National Preserve)

    194 ไมล์ จาก หุบเขามรณะ / via Cow Creek Rd & CA-127 S

    4

    อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park)

    222 ไมล์ จาก เขตอนุรักษ์แห่งชาติโมฮาวี / ผ่านถนน N Amboy และ El Reposo Cir

    5

    ปาล์มสปริงส์ (Palm Springs)

    138 ไมล์ จาก อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี / ผ่านถนน CA-62 W&N Indian Canyon Drive

    6

    โรงกลั่นไวน์เทเมคูลา (Temecula Winery)

    71.5 ไมล์ จาก ปาล์มสปริงส์ / ผ่านถนน I-10 W & CA-79

    7

    แคลิฟอร์เนียดิสนีย์แลนด์ (California Disneyland)

    104.8 ไมล์ จากโรงกลั่นไวน์เทเมคูลา / ผ่านถนน I-15N และ CA-91

    8

    หอดูดาวกริฟฟิท (Griffith Observatory)

    55.6 ไมล์ จาก แคลิฟอร์เนียดิสนีย์แลนด์ / ผ่านถนน I-5 N และ Loz Feliz Blvd

    9 (ปลายทางสุดท้าย: ตัวเลือกที่ 1)

    ลองบีช (Long Beach)

    50.4 ไมล์ จากหอดูดาวกริฟฟิท / ผ่านถนน I-5 S และ I-710 S

    9 (ปลายทางสุดท้าย: ตัวเลือกที่ 2)

    ท่าเรือซานตาโมนิกา (Santa Monica Pier)

    38.9 ไมล์ จากหอดูดาวกริฟฟิท / ผ่านถนน 1-10W

    วันที่ 1: ผาหินแดงเรดร็อค (Red Rock Canyon) และหุบเขามรณะ (Death Valley)

    รับรถเช่าจาก Klook และมุ่งหน้าไปยังผาหินแดงเรดร็อค (Red Rock Canyon)
    ผาหินแดงเรดร็อค (Red Rock Canyon) เป็นอุทยานธรรมชาติที่มีชื่อเสียงจากการก่อตัวของหินทรายสีแดง ค่าเข้าชมเพียง $7 ต่อคัน ที่ที่คุณสามารถสัมผัสประสบการณ์ปีนหน้าผา และสัมผัสกับขนาดของสวนที่สวยงามที่เต็มไปด้วยธรรมชาติ
    คุณยังสามารถลองเส้นทางเดินป่าที่มีอยู่มากมายในอุทยาน รวมถึงเส้นทาง Turtlehead Peak Trail ที่มีระยะทาง 7.2 กิโลเมตร เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับสัตว์ป่าและประวัติศาสตร์ในพื้นที่ภายในศูนย์นักท่องเที่ยวในบริเวณใกล้เคียง
    ออกเดินทางต่อจาก ผาหินแดงเรดร็อค (Red Rock Canyon) ไปยังจุดหมายปลายทางถัดไปคือ หุบเขามรณะ (Death Valley) ถนนเลียบทะเลทรายโมฮาวีอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม แม้จะใช้เวลาขับรถสองชั่วโมงก็ตาม แต่หุบเขามรณะ (Death Valley) เป็นหนึ่งในอุทยานแห่งชาติที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกา และคุณสามารถเพลิดเพลินกับลักษณะทางธรรมชาติที่หลากหลายที่สามารถพบได้แค่ที่นี่เท่านั้น
    คุณยังสามารถทำกิจกรรมที่น่าตื่นเต้นต่างๆ ได้ เช่น การเล่นแซนด์บอร์ดบนเนินที่ราบ ถ่ายรูปที่ Badwater Basin หรือเดินป่าไปยัง Devil's Golf Course
    ขอแนะนำให้เยี่ยมชมสถานที่ถ่ายทำสตาร์ วอร์ส ภายในสถานที่แห่งนี้ ไม่ว่าจะเป็น “Artist Palette” ที่มีหินสีสันสดใส ไปจนถึง “Desolation Canyon” ซึ่งได้รับความนิยมในหมู่แฟนๆ และ”Dante's View” ซึ่งมีความสูงที่มองเห็นหุบเขามรณะ นี่คือสถานที่สำหรับการเที่ยวชมสถานที่ในเรื่อง Star Wars อย่างแท้จริง
    คืนแรก เราจะพักกันที่ ดิอินน์ที่เดธ วัลเลย์ (The Inn at Death Valley) - ภายในอุทยาน เพื่อผ่อนคลายหลังจากวันที่ยาวนานด้วยบริการที่เอาใจใส่ของโรงแรม ทำเลที่ตั้งที่ดีเยี่ยม และห้องสวีทที่ให้ความรู้สึกแบบแคลิฟอร์เนีย

    วันที่ 2: เขตอนุรักษ์แห่งชาติโมฮาวี (Mojave National Preserve) และอุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park)

    ในวันที่สองของคุณจะมุ่งหน้าไปยังเขตอนุรักษ์แห่งชาติโมฮาวี (Mojave National Preserve) ขณะที่คุณขับรถไปตามถนนเคลวาการ์ที่ล้อมรอบด้วยวิวทิวทัศน์ของธรรมชาติ เช่น ภูเขาหินแกรนิต ปล่องภูเขาไฟ และพื้นที่ที่แห้งแล้งและแตกร้าวจากแสงแดดที่จ้า
    คุณจะรู้สึกเหมือนได้เดินเข้าไปในอีกโลกหนึ่ง เช่น เนินทรายเคลโซ (Kelso Dunes) ถ้ำหินปูน ถ้ำมิตเชลล์ (Mitchell Cave) และยอดเขาทูโทเนีย (Teutonia Peak) ซึ่งเป็นแหล่งรวมต้นโจชัวที่ใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งคุณสามารถสัมผัสสถานที่ยอดนิยมได้ภายในเขตเขตอนุรักษ์แห่งนี้
    มีสถานที่ท่องเที่ยวที่แนะนำระหว่างทางไปอุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) ได้แก่ หินรูปหัวกระโหลก (Skull Rock) พิพิธภัณฑ์โครเชต์ (Crochet Museum) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และไพโอเนียร์ทาวน์ (Pioneer Town)
    “หินรูปหัวกระโหลก (Skull Rock)” เป็นจุดที่ดีที่สุดในการแวะเยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์โครเชต์ (Crochet Museum) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก และไพโอเนียร์ทาวน์ (Pioneer Town) เป็นสถานที่แปลกตาที่คุณจะอยากใช้เวลาเพลิดเพลินสักสองถึงสามนาที
    พิพิธภัณฑ์โครเชต์ (Crochet Museum) ที่มีชื่อเสียงระดับโลก คุณสามารถมองเข้าไปในโลกที่เต็มไปด้วยสิ่งของถักโครเชต์ เช่น ของเล่นถัก และในไพโอเนียร์ทาวน์ (Pioneer Town)  คุณสามารถสัมผัสกับ “เมืองผี” ของโรงเหล้าและร้านค้าในทศวรรษ 1940
    เมื่อคุณเข้าสู่อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) คุณจะเห็นทะเลทรายอันกว้างใหญ่ที่เต็มไปด้วยกระบองเพชรและต้นโจชัว โดยมีฉากหลังเป็นภูเขาขรุขระ อุทยานแห่งนี้ตั้งอยู่กึ่งกลางระหว่างทะเลทรายโมฮาวีและทะเลทรายโคโลราโด
    ภายในอุทยาน คุณจะเห็นพืชพันธุ์ที่แปลกตา และภูมิประเทศที่เหมือนดาวอังคาร ซึ่งเป็นผลมาจากการผสมผสานของสภาพแวดล้อมทางนิเวศที่แตกต่างกันของทะเลทรายสองแห่ง ภายในอุทยานมีกำแพงหินกว่า 8,000 แห่ง ที่คุณสามารถปีนผาได้
    ในคืนที่สอง ผ่อนคลายจากการเดินทางที่ America's Best Value Inn หรือ Best Western Joshua Tree Hotel & Suites ใกล้อุทยานแห่งชาติโจชัวทรี (Joshua Tree National Park) ซึ่งสามารถจองทั้งสองโรงแรมผ่าน Klook ได้!

    วันที่ 3: ปาล์มสปริงส์ (Palm Springs) และโรงกลั่นไวน์เทเมคูลา (Temecula Winery)

    หลังจากการขับรถในสองวันแรกของคุณ กลับมาเพลิดเพลินในเมืองไปกับวันที่สาม
    ทุกสิ่งที่คุณต้องการ และอยากทำอยู่ที่นี่แล้ว ในปาล์มสปริงส์ (Palm Springs) ไม่ว่าคุณกำลังมองหาการนวดเพื่อผ่อนคลายร่างกายหลังจากขับรถมายาวนาน ผ่อนคลายที่สระว่ายน้ำ หรือเพลิดเพลินกับการช้อปปิ้ง เรามั่นใจว่าคุณสามารถทำทุกสิ่งที่คุณต้องการได้จากที่นี่
    หากคุณกำลังเยี่ยมชมปาล์มสปริงส์ อย่าลืมลองแวะสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง เช่น พิพิธภัณฑ์ศิลปะปาล์มสปริงส์ (Palm Springs Art Museum), สวนพฤกษศาสตร์มัวร์เทน (Moorten's Botanical Garden) และคาบาซอนไดโนเสาร์ (Cabazon Dinosaurs)
    เราขอแนะนำให้มุ่งหน้าไปยัง Coachella Valley ซึ่งอยู่ใกล้ปาล์มสปริงส์ และลองทำกิจกรรมกลางแจ้งต่างๆ เช่น ขี่จักรยาน เดินป่า และขี่ม้า
    หลังจากเพลิดเพลินกับปาล์มสปริงส์จนจุใจแล้ว มุ่งหน้าไปยังแหล่งผลิตไวน์ของแคลิฟอร์เนียตอนใต้อย่างโรงกลั่นไวน์เทเมคูลา (Temecula Winery) ที่มีโรงบ่มไวน์กว่า 40 แห่งในพื้นที่ ซึ่งให้บริการไวน์ที่ได้รับรางวัล และอย่าลืมลองชิมไวน์ที่คุณชื่นชอบจากที่นี่ดู
    คุณสามารถเข้าร่วมการชิมเป็นกลุ่มกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ หรือเพียงแค่เพลิดเพลินกับการชิมกับครอบครัวและเพื่อนของคุณ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใด คนรักไวน์ก็จะมีช่วงเวลาแห่งความสุข ที่ได้เรียนรู้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของเตเมคูลา กระบวนการผลิตไวน์ และชิมไวน์หลากหลายชนิดในขณะที่คุณทัวร์ชมโรงกลั่นไวน์
    ใช้เวลาของคุณในเทเมคูลาให้คุ้มค่าที่สุด โดยการจองห้องพักที่ Holiday Inn Express Temecula ล่วงหน้าสำหรับคืนที่สามของคุณ

    วันที่ 4: แคลิฟอร์เนียดิสนีย์แลนด์ (California Disneyland) และหอดูดาวกริฟฟิท (Griffith Observatory)

    ประสบการณ์ในลอสแอนเจลิสจะไม่สมบูรณ์ หากไม่ได้เดินทางไปเยือนสถานที่ที่มีความสุขที่สุดในโลก: สวนสนุกดิสนีย์แลนด์ และดิสนีย์แคลิฟอร์เนีย แอดเวนเจอร์ปาร์ค ! ถ่ายรูปกับตัวละครดิสนีย์ที่คุณชื่นชอบ เล่นเครื่องเล่นสุดระทึก และหลงเข้าไปในโลกแห่งดิสนีย์คลาสสิก
    หากคุณจองตั๋วกับ Klook คุณจะได้เยี่ยมชมไม่เพียงแต่ Star Wars: Galaxy's Edge, The Indiana Jones Adventure และ Avengers Campus เท่านั้น แต่ยังรวมถึงสถานที่ท่องเที่ยวสุดคลาสสิก เช่น Space Mountain และ Haunted Mansion อีกด้วย ซึ่งคุณจะสามารถเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมต่างๆ ได้อย่างเต็มที่! ระหว่างที่คุณต่อคิวเพื่อเล่นเครื่องเล่น อย่าลืมซื้อไอศกรีมของสวนสนุกที่เคาน์เตอร์ Dole Whip ด้วยนะ!
    เมื่อคุณนึกถึงลอสแอนเจลิส คุณจะนึกถึงป้ายฮอลลีวูด หากคุณต้องการเห็นป้ายที่มีชื่อเสียงระดับโลกนี้เราขอแนะนำหอดูดาวกริฟฟิท (Griffith Observatory)
    ด้วยวิวทิวทัศน์ของป้ายฮอลลีวูดทางทิศใต้ ตัวเมืองลอสแอนเจลิสทางตะวันออกเฉียงใต้ มหาสมุทรแปซิฟิก และลอสแอนเจลิสทางตะวันตกเฉียงใต้ หอดูดาวสไตล์อาร์ตเดโคที่มีบรรยากาศดีแห่งนี้ จึงเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ดีที่สุดในลอสแอนเจลิส
    ยิ่งไปกว่านั้น หอดูดาวแห่งนี้ยังทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้เดินทางไปในอวกาศอีกด้วย กล้องโทรทรรศน์หักเหแสง Zeiss การแสดงของท้องฟ้าจำลอง และการจัดแสดงที่คุณสามารถมองเห็นอุกกาบาตที่ถูกค้นพบในอวกาศ จะทำให้คุณรู้สึกเหมือนได้เดินทางไปนอกอวกาศ
    (ค่าเข้าชมหอดูดาวฟรี แต่มีค่าเข้าชมท้องฟ้าจำลอง)

    วันที่ 5: ลองบีช (Long Beach) หรือ ท่าเรือซานตาโมนิกา (Santa Monica Pier)

    เรามีตัวเลือกสองจุดที่ยอดเยี่ยมสำหรับการเดินทางบนถนนในแคลิฟอร์เนียให้คุณได้เลือก ขึ้นอยู่กับคุณ ว่าคุณต้องการไปลองบีช (Long Beach) หรือท่าเรือซานตาโมนิกา (Santa Monica Pier) สถานที่ทั้งสองแห่งนี้ตั้งอยู่บนชายฝั่งตรงข้ามกัน ดังนั้นหากคุณต้องการเพลิดเพลินไปกับวันสุดท้ายที่ชายหาด เราขอแนะนำให้เลือกสถานที่ใดแห่งหนึ่ง
    หากคุณต้องการสัมผัสวิถีชีวิตของคนในท้องถิ่น แนะนำให้มุ่งหน้าไปที่ลองบีช! แม้ว่าจะไม่มีบรรยากาศที่มีชีวิตชีวาเหมือนสถานที่ท่องเที่ยวอย่างซานตาโมนิกา แต่ลองบีชก็เป็นพื้นที่ที่น่าสนใจ พร้อมจุดที่คุณสามารถใช้เวลาคุณภาพกับครอบครัว เช่น พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแปซิฟิก และพื้นที่ชายฝั่งทะเลของเกาะเนเปิลส์
    ด้วยร้านขายของวินเทจ ร้านอาหารบรรยากาศดี และศูนย์วัฒนธรรม คุณสามารถเพลิดเพลินกับประสบการณ์ที่สามารถพบได้เฉพาะในลองบีชเท่านั้น ไม่ว่าคุณจะไปที่ไหนก็ตาม สิ่งที่น่าสนใจอย่างหนึ่งของบริเวณนี้คือเป็นพื้นที่ที่ราคาไม่แพง เมื่อเทียบกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเสน่ห์อื่นๆ ของลอสแองเจลิส
    ลองบีชเป็นสถานที่ที่ไม่ควรพลาดในการไปเที่ยวชม แต่หากคุณเป็นแฟนหนังฮอลลีวูด คุณไม่ควรพลาดท่าเรือซานตาโมนิกา ท่าเรือแห่งนี้ปรากฏในผลงานหลายชิ้น และได้กลายเป็นแลนด์มาร์คที่เป็นตัวแทนของลอสแอนเจลิส
    มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายให้ดู เช่น ชิงช้าสวรรค์และงานรื่นเริงที่ Pacific Park, Muscle Beach ที่นักเพาะกายในชุดว่ายน้ำมารวมตัวกัน เพื่ออวดเรือนร่างโทนสีสดใส Main Street ที่เรียงรายไปด้วยร้านค้าแบรนด์หรู และ Venice Beach Boardwalk ที่เรียงรายไปด้วยต้นไม้
    ท่าเรือซานตาโมนิกาเป็นสถานที่ที่มีชีวิตชีวาซึ่งผู้คนจากหลากหลายเชื้อชาติ อาชีพ วัฒนธรรม และสภาพแวดล้อมมารวมตัวกัน
    นี่เป็นเพียงสถานที่ที่ดีที่สุดบางส่วนที่ควรแวะระหว่างการเดินทางจากลาสเวกัสไปยังลอสแองเจลิสแคลิฟอร์เนียยังคงมีจุดที่น่าสนใจมากมาย โปรดใช้แผนการเดินทางนี้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการเดินทางครั้งต่อไปของคุณ

    ไม่พลาดทุกโปรเด็ด ติดตามคลูกได้ทุกช่องทาง

    Facebook | @klookth 👉🏼 bit.ly/klookthfb
    Instagram | @klooktravel_th 👉🏼 bit.ly/kookthig
    Twitter | @klookth 👉🏼 bit.ly/klooktwitter
    TikTok | @klookth 👉🏼 bit.ly/klookthtt
    Youtube | @klookth 👉🏼 bit.ly/klookthyt

    👤 สอบถามรายละเอียดก่อนจอง

    Line Official Account | @klookth 👉🏼 bit.ly/klookthoa

    💬 ติดต่อฝ่ายบริการลูกค้าหลังการขาย

    🔍แนะนำให้อ่าน

    สารบัญบทความ
    สารบัญบทความ