ภูเขาไฟฟูจิ หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่า “ฟูจิซัง” มีความสูงถึง 3,776 เมตร เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์โดดเด่นที่สุดของญี่ปุ่น นอกจากเป็นมรดกโลกของ UNESCO แล้ว ยังได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งใน สามภูเขาศักดิ์สิทธิ์ของญี่ปุ่น อีกด้วย ถ้าวันฟ้าเปิด คุณสามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้แม้กระทั่งจากโตเกียว เช่น ที่ Shibuya Sky หรือ Roppongi Hills Observation Deck เรียกได้ว่าเป็น ที่เที่ยวใกล้โตเกียว ที่น่าประทับใจมาก
คุณรู้ไหม? ภูเขาไฟฟูจิยังคงเป็น ภูเขาไฟที่ยังไม่ดับ! การปะทุครั้งสุดท้ายเกิดขึ้นช่วงต้นทศวรรษ 1700 และทำให้เกิดทะเลสาบทั้งห้า (Fuji Five Lakes) ในจังหวัดยามานาชิ บริเวณนี้เต็มไปด้วยกิจกรรมและที่เที่ยวมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการปีนเขา เที่ยวคาวากุจิโกะ ชมวิว หรือไปสวนสนุก เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการขับรถเที่ยวจากโตเกียว
หลายคนอาจเลือก เที่ยวคาวากุจิโกะแบบไปเช้าเย็นกลับ ซึ่งทำได้ แต่เราขอแนะนำให้เผื่อเวลา 4 วัน 3 คืน เพื่อสัมผัสความสวยรอบด้าน จะขับรถจากโตเกียวหรือนั่งรถไฟ Fuji Excursion ไปลงคาวากุจิโกะแล้วเช่ารถที่นั่นก็ได้ แนะนำทางเลือกหลังเพื่อหลีกเลี่ยงรถติดบริเวณทางด่วน
เช่ารถที่ญี่ปุ่น ต้องใช้อะไรบ้าง?
อยากขับรถเที่ยวญี่ปุ่นเอง แต่กังวลเรื่องภาษา หรือไม่รู้ต้องเตรียมอะไรบ้าง? วันนี้เราสรุปทุกอย่างให้ครบจบในที่เดียว!
เช่ารถผ่าน Klook สะดวกกว่า!
- หมดกังวลเรื่องภาษา: จองออนไลน์เป็นภาษาไทยหรืออังกฤษ เลือกรถที่ต้องการได้ง่าย
- ประกันจัดเต็ม: แนะนำซื้อ Full Package ครอบคลุมทั้งอุบัติเหตุ ความเสียหาย และความรับผิดชอบต่าง ๆ
- อุปกรณ์เสริมเลือกได้: เช่น เบาะนิรภัยเด็ก, GPS ภาษาอังกฤษ ฯลฯ
- เช่าแบบเที่ยวเดียวได้: รับรถที่คาวากุจิโกะแล้วคืนที่โตเกียวก็ทำได้!
- ยกเลิกฟรี ภายในระยะเวลาที่กำหนด ปรับแผนเดินทางได้สบายใจ
💡 #KlookTip: อย่าลืมใส่โค้ดส่วนลด Klook ก่อนจ่าย มีแจกใหม่ทุกเดือน!
เลือกรถเช่าที่ญี่ปุ่นแบบไหนดี?
การเลือกรถเช่าให้เหมาะกับจำนวนคนและสัมภาระเป็นสิ่งสำคัญมาก เพราะจะช่วยให้เดินทางสบาย ไม่อึดอัด และขนกระเป๋าได้ครบถ้วน
- 4 คน: รถเก๋งเล็ก-กลาง (เช่น Toyota Vitz, Aqua) เหมาะสำหรับคู่รักหรือกลุ่มเล็ก ๆ ที่มีกระเป๋าขนาดพกพา 1–2 ใบ รถขนาดกะทัดรัด ขับง่าย ประหยัดน้ำมัน จอดสะดวกในเมือง
- 6 คน: รถ MPV ขนาดกลาง (เช่น Toyota Noah, Voxy) เหมาะกับครอบครัวใหญ่หรือเพื่อนกลุ่มกลาง ๆ ที่มีสัมภาระหลายชิ้น มีพื้นที่นั่งและวางของมากขึ้น นั่งสบายทั้งผู้ใหญ่และเด็ก
- 8 ที่นั่ง: รถ MPV ใหญ่ (เช่น Toyota Alphard) เหมาะกับกลุ่มใหญ่ หรือครอบครัวที่เดินทางพร้อมผู้สูงอายุและเด็ก มีห้องโดยสารกว้างขวาง พื้นที่เก็บกระเป๋าเยอะ เหมาะสำหรับทริปยาวหรือการเดินทางหลายเมือง
- มีเด็กเล็ก: รถ MPV ขนาดกลาง-ใหญ่ (เช่น Toyota Noah, Voxy, Alphard) เหมาะกับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก เพราะมีพื้นที่ติดตั้งเบาะนิรภัยเด็ก (ที่กฎหมายญี่ปุ่นกำหนดให้เด็กอายุต่ำกว่า 6 ปีต้องใช้ สามารถเลือกเพิ่มตอนจองรถได้) และมีที่เก็บสัมภาระเด็ก เช่น รถเข็น กระเป๋า ของใช้จุกจิก ทำให้เดินทางได้สบาย ปลอดภัย และไม่อึดอัด
เอกสารที่ต้องใช้ในการเช่ารถที่ญี่ปุ่น
- ใบขับขี่สากล (International Driving Permit, IDP) ซึ่งสามารถยื่นขอได้ที่ กรมการขนส่งทางบก ทั้งในกรุงเทพฯ และสำนักงานขนส่งจังหวัดต่าง ๆ ทั่วประเทศ ใช้เวลาออกใบอนุญาต ประมาณ 1 ชั่วโมง (ถ้าเอกสารครบถ้วน) โดยใบขับขี่สากลจะมีอายุการใช้งาน 1 ปีนับจากวันที่ออก เอกสารที่ต้องใช้ในการขอ IDP ได้แก่ บัตรประชาชนตัวจริง, ใบขับขี่ไทยตัวจริง, รูปถ่ายขนาด 2 นิ้ว 2 รูป (พื้นหลังสีขาว), สำเนาบัตรประชาชนและสำเนาใบขับขี่ พร้อมค่าธรรมเนียมประมาณ 505 บาท โดยใช้เวลาทำเรื่องประมาณ 1 ชั่วโมง (หากเอกสารครบถ้วน)
- พาสปอร์ต (Passport) ใช้ยืนยันตัวตนกับบริษัทเช่ารถ
- บัตรเครดิต (Credit Card) ใช้ค้ำประกันการเช่ารถ (ส่วนใหญ่ไม่รับบัตรเดบิตหรือเงินสด) ซึ่งชื่อผู้เช่าต้องตรงกับชื่อบนบัตรเครดิต
- เวาเชอร์การจอง (Voucher) หากจองออนไลน์ผ่าน Klook สามารถแสดงเวาเชอร์จากมือถือได้เลย
เคล็ดลับการขับรถที่ญี่ปุ่น
- เลนซ้าย: ขับรถด้านซ้ายเหมือนในไทย
- ความเร็วจำกัด: ถนนทั่วไป 60 กม./ชม. / ทางด่วน 100 กม./ชม.
- เด็กต่ำกว่า 6 ปี: ต้องนั่งในเบาะนิรภัย (เลือกเพิ่มตอนจองรถได้)
- บัตร ETC: ขอพร้อมเช่ารถ ชำระค่าทางด่วนสะดวกตอนคืนรถ
- Expressway Pass: เหมาะสำหรับเดินทางไกล ช่วยประหยัดค่าทางด่วน
- Rest Area: ห้ามพลาด! จุดพักรถในญี่ปุ่นน่าแวะ เช่น Fujikawa-Rakuza ที่มีตลาดท้องถิ่น ชิงช้าสวรรค์ ห้องชา
- อุบัติเหตุ/ฉุกเฉิน: โทร 110 (ตำรวจ), 119 (รถพยาบาล)
💡 #KlookTip: อย่าลืม ศึกษาสัญลักษณ์จราจรของญี่ปุ่นล่วงหน้า เพื่อให้เข้าใจป้ายเตือน ป้ายจำกัดความเร็ว และสัญลักษณ์บนถนนต่าง ๆ ช่วยให้ขับขี่ได้อย่างมั่นใจและปลอดภัยมากขึ้น
ช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการขับรถเที่ยวฟูจิ
- หากอยากขับรถเที่ยวในสภาพอากาศที่ดีที่สุด แนะนำให้วางแผนทริปช่วงฤดูใบไม้ผลิหรือฤดูใบไม้ร่วง เพราะนอกจากอากาศดีแล้ว ยังได้ชมวิวสวย ๆ ของซากุระหรือใบไม้เปลี่ยนสีอีกด้วย
- แต่ถ้าอยากเห็นภูเขาไฟฟูจิแบบชัด ๆ ท้องฟ้าสีฟ้าใส และยอดเขาที่มีหิมะปกคลุม แนะนำให้ไปช่วง พฤศจิกายนถึงธันวาคม เพราะเป็นช่วงที่มีโอกาสเจอฟูจิเต็ม ๆ มากที่สุด
- สำหรับใครที่อยากปีนภูเขาไฟฟูจิ ต้องรู้ไว้ว่า ฤดูปีนเขาจะเปิดแค่ช่วงกรกฎาคมถึงต้นกันยายน โดยช่วงที่คนนิยมปีนมากที่สุดคือ ปลายกรกฎาคมถึงปลายสิงหาคม
- อย่าลืม บุ๊กมาร์กกล้องถ่ายทอดสดภูเขาไฟฟูจิ (24 ชั่วโมง) ไว้เช็กสภาพอากาศก่อนออกเดินทาง
🚗 ขับรถเที่ยวฟูจิ วันที่ 1 เปิดทริปกับวิวถนนในฝัน
📍ถนนชิโมโยชิดะ ฮอนโจ (Shimoyoshida Honcho Street)
ระยะทาง: 94.9 กิโลเมตรจากโตเกียว, 4.2 กิโลเมตรจากสถานีคาวากุจิโกะ
ระยะเวลาเดินทางโดยรถยนต์: 1 ชั่วโมง 21 นาทีจากโตเกียว, 12 นาทีจากสถานีคาวากุจิโกะ
คุณสามารถรับรถเช่าของคุณที่โตเกียว แล้วขับตรงไปยังถนนชิโมโยชิดะ ฮอนโจ จุดถ่ายรูปยอดฮิตของภูเขาไฟฟูจิ ซึ่งจะเห็นฟูจิตั้งตระหง่านอยู่ปลายถนน โดยมีร้านค้าเก่าสไตล์เรโทรเรียงรายสองฝั่งทาง พร้อมเสาไฟและสายไฟที่พาดผ่านด้านบน ร้านค้าเก่าแก่เหล่านี้ส่วนใหญ่เคยเป็นร้านขายสิ่งทอ เพราะย่านนี้เคยเป็นศูนย์กลางการผลิตผ้าสำคัญของภูมิภาค และยังมีคาเฟ่ย้อนยุคให้แวะนั่งชิลล์ตลอดทางอีกด้วย
📍 สวนอาราคุยามะ เซงเก็น (Arakuyama Sengen Park)
ระยะทาง: 1.9 กิโลเมตร
ระยะเวลาเดินทางโดยรถยนต์: 7 นาที
สวนอาราคุยามะ เซงเก็น (Arakuyama Sengen Park) เป็นจุดชมวิวที่งดงาม โดยตัวสวนทอดยาวจากเชิงเขาอาราคุยามะไปจนถึงจุดชมวิวด้านบน ที่นี่คือหนึ่งในจุดที่ดีที่สุดในการชมวิวภูเขาไฟฟูจิพร้อมเจดีย์ชูเรโตะ (Chureito Pagoda) และเมืองฟูจิโยชิดะในมุมกว้างแบบครบองค์ประกอบในภาพเดียว
กิจกรรมห้ามพลาดเมื่อมาถึงสวนอาราคุยามะ เซงเก็น (Arakuyama Sengen Park)
ชมวิวสุดตระการตา
สวนอาราคุยามะ เซนเก็น (Arakuyama Sengen Park) เป็นจุดชมวิวสุดฮิตที่มองเห็นภูเขาไฟฟูจิ เมืองฟูจิโยชิดะ และเจดีย์แดงชูเรโตะ (Chureito Pagoda) แบบครบในเฟรมเดียว! แต่ถ้าอยากขึ้นไปถึงจุดชมวิว ต้องเดินขึ้นบันไดเกือบ 400 ขั้น เชื่อเถอะว่าคุ้มค่าทุกก้าว โดยเฉพาะในช่วงฤดูใบไม้ผลิและใบไม้ร่วงที่วิวจะสวยเป็นพิเศษ
💡 #KlookTip: ที่นี่มีที่จอดรถฟรี (ยกเว้นช่วงซากุระ) และถ้ามาช่วงที่ไม่ใช่ฤดูซากุระ ยังสามารถขับรถขึ้นไปได้ครึ่งทาง ช่วยลดจำนวนขั้นบันไดที่ต้องเดินขึ้นไปถึงด้านบนได้เยอะเลย!
ไฮไลต์อื่นๆ ของสวนอาราคุยามะ เซงเก็น (Arakuyama Sengen Park)
- ชมวิวแบบพาโนรามาของฟูจิที่จุดชมวิวพิเศษ
- มองผ่านประตูโทริอิของศาลเจ้าอาราคุระ ฟูจิ เซงเก็น เพื่อเห็นฟูจิในมุมสวย
- แวะสักการะศาลเจ้าโชงามะ (Shiogama)
📍ทะเลสาบคาวากุจิโกะ (Kawaguchiko Lake)
ระยะทาง: 7.9 กิโลเมตร
ระยะเวลาเดินทางโดยรถยนต์: 17 นาที
ปิดท้ายวันแรกกันที่ทะเลสาบคาวากุจิโกะ ซึ่งถือเป็นทะเลสาบที่มีชื่อเสียงที่สุดในบรรดาทะเลสาบทั้งห้ารอบภูเขาไฟฟูจิ
กิจกรรมห้ามพลาดเมื่อมาเยือนทะเลสาบคาวากุจิโกะ
ถ่ายภาพ "Reverse Fuji"
"Reverse Fuji" หรือ "ฟูจิกลับหัว" คือภาพที่ภูเขาไฟฟูจิสะท้อนอยู่บนผืนน้ำของทะเลสาบคาวากุจิโกะ ซึ่งจะเห็นได้ชัดที่สุดในช่วงเช้า เมื่อน้ำในทะเลสาบเรียบสงบ ไม่มีคลื่นรบกวน
ไฮไลต์อื่น ๆ ที่ทะเลสาบคาวากุจิโกะ
- เดินเล่นในถนนดอกไม้ของสวนโออิชิ (Oishi Park)
- เดินเล่นชิลล์ๆ ริมทะเลสาบคาวากุจิโกะ
- ชมผ้ากิโมโนลวดลายวิจิตรที่พิพิธภัณฑ์ Itchiku Kubota
- ลองชิม “โฮโตะ” อุด้งเส้นแบนหนานุ่มในซุปมิโซะ ที่ร้าน Hotou Fudo ใกล้สถานีคาวากุจิโกะ
- ไปดูร้านสะดวกซื้อที่สวยที่สุดในโลก ซึ่งมีภูเขาไฟฟูจิตั้งอยู่ด้านหลังร้าน Lawson ห่างเพียง 100 เมตรจากสถานี
- เดินชมอุโมงค์เมเปิ้ล (Momiji Corridor) ในฤดูใบไม้เปลี่ยนสี
- ทานมื้อค่ำที่ร้านอาหารแบบดั้งเดิม Sanrokuen ที่มีเมนูเสียบไม้ย่างถ่าน (Kushiyaki)
- ขับรถมินิคาร์สุดน่ารัก Choro-Q
- เรียนรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับฟูจิที่ Fujisan World Heritage Centre
- เดินทัวร์แบบมีไกด์ในเส้นทางถ้ำลาวา Funatsu Lava Tree Molds
- ซื้อคุกกี้รูปภูเขาไฟฟูจิเป็นของฝากจากร้าน Fujiyama Cookie
- ขึ้นกระเช้า Mt. Fuji Panoramic Ropeway
- ล่องเรือชมวิว 20 นาที ในทะเลสาบ
- แวะชม “ประตูโทริอิในท้องฟ้า” (Tenku no Torii)
เข้าพักที่โรงแรม เรียวกัง หรือแคมป์หรู (Glamping) ที่มองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้แบบชัดเจน (ยกเว้น Hotel Mt. Fuji ซึ่งอยู่ไกลออกไป)
🚗 ขับรถเที่ยวฟูจิ วันที่ 2 ผจญภัยถ้ำลาวา & ธรรมชาติบริสุทธิ์
📍ทะเลสาบไซโกะ (Lake Saiko)
ระยะทาง: 8.2 กิโลเมตร
ระยะเวลาเดินทางโดยรถยนต์: 14 นาที
ทะเลสาบไซโกะ (Lake Saiko) เป็นหนึ่งในห้าทะเลสาบรอบภูเขาไฟฟูจิ แต่มีขนาดเล็กกว่าทะเลสาบคาวากุจิโกะอย่างมาก โดยสามารถชมวิวภูเขาไฟฟูจิได้เฉพาะจากฝั่งตะวันตกของทะเลสาบเท่านั้น
💡 #KlookTip: หากคุณต้องการมุมมองแบบพาโนรามาแนะนำให้แวะที่ Fujiyama Twin Terrace ระหว่างทางไปทะเลสาบไซโกะ
กิจกรรมห้ามพลาดที่ทะเลสาบไซโกะ (Lake Saiko)
สำรวจถ้ำใต้ดิน
พื้นที่รอบทะเลสาบไซโกะ (Lake Saiko) มีถ้ำอยู่หลายแห่ง โดยมี 3 ถ้ำที่เปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าไปสำรวจได้ ได้แก่ ถ้ำค้างคาว (Bat Cave) เป็นถ้ำที่มีขนาดใหญ่ที่สุดและถือว่าน่าสนใจที่สุด ด้วยห้องโถงขนาดใหญ่และทางเดินใต้ดินหลายเส้นทาง ถ้ำน้ำแข็ง (Ice Cave) สมชื่ออย่างแท้จริง เพราะภายในมีอุณหภูมิต่ำตลอดทั้งปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่คุณจะได้เห็นเสาน้ำแข็งสวยงามซึ่งก่อตัวขึ้นเองตามธรรมชาติ ถ้ำลม (Wind Cave) มีอุณหภูมิใกล้ศูนย์องศาเซลเซียสตลอดทั้งปี ภายในเต็มไปด้วยโครงสร้างลาวารูปทรงแปลกตา อีกหนึ่งสิ่งน่าสนใจคือภายในถ้ำลมจะไม่มีเสียงสะท้อนเลย เนื่องจากผนังถ้ำทำจากหินบะซอลต์พรุนที่ดูดซับเสียงทั้งหมด
💡 #KlookTip: แนะนำให้สวมหมวกนิรภัย ซึ่งสามารถหยิบได้ที่ทางเข้าถ้ำแต่ละแห่ง และควรสวมรองเท้าที่เหมาะสม เนื่องจากพื้นภายในถ้ำลื่นและมีบางช่วงที่เพดานต่ำมาก
ถ้ำทั้ง 3 แห่งนี้ตั้งอยู่ภายใน ป่าอาโอกิงาฮาระ (Aokigahara) ซึ่งมีพืชพรรณหนาแน่นจนได้รับฉายาว่า “ทะเลแห่งต้นไม้” ป่าแห่งนี้ยังเป็นที่รู้จักในอีกชื่อหนึ่งว่า "ป่าแห่งความตาย" เนื่องจากเคยมีเหตุการณ์สลดเกิดขึ้นหลายครั้ง
ไฮไลต์อื่นๆ รอบทะเลสาบไซโกะ (Lake Saiko)
- เยี่ยมชมหมู่บ้านโบราณกลางแจ้ง Iyashi-no-Sato
- ลองตกปลาในทะเลสาบ
- เช่าเรือคายัคพายเล่นผ่อนคลายกลางธรรมชาติ
📍ทะเลสาบโซจิ (Lake Shoji)
ระยะทาง: 10.5 กิโลเมตร
ระยะเวลาเดินทางโดยรถยนต์: 16 นาที
ทะเลสาบโซจิ (Lake Shoji) เป็นทะเลสาบที่เล็กที่สุดในบรรดาทะเลสาบทั้งห้ารอบภูเขาไฟฟูจิ และยังเป็นพื้นที่ที่มีนักท่องเที่ยวน้อยที่สุด ทำให้ยังคงความเป็นธรรมชาติไว้อย่างสมบูรณ์
กิจกรรมห้ามพลาดที่ทะเลสาบโซจิ (Lake Shoji)
ชมแนวป่าลาวา
ทะเลสาบโซจิ (Lake Shoji) ตั้งอยู่ติดกับขอบของป่าอาโอกิงาฮาระ ซึ่งเป็นจุดที่ลาวาจากการปะทุครั้งล่าสุดของภูเขาไฟฟูจิหยุดไหลลงมา ลองสังเกตดูว่าคุณสามารถเห็นแนวขอบนั้นได้หรือไม่!
ไฮไลต์อื่นๆ รอบทะเลสาบโซจิ (Lake Shoji)
- สนุกกับกีฬาทางน้ำ เช่น วินด์เซิร์ฟ หรือเจ็ตสกี
- ชมวิว "ฟูจิอุ้มลูก" (Fuji Cradling a Child) ซึ่งเป็นมุมที่ดูเหมือนภูเขาไฟฟูจิสูงขึ้นมาด้านหลังภูเขาโอโมโระที่เล็กกว่า
📍ทะเลสาบโมโตสุ (Lake Motosu)
ระยะทาง: 10.8 กิโลเมตร
ระยะเวลาเดินทางโดยรถยนต์: 16 นาที
หยิบธนบัตร 1,000 เยนขึ้นมาดู แล้วคุณจะพบภาพของทะเลสาบโมโตสุ (Lake Motosu) อยู่ด้านหลังธนบัตร! จากทะเลสาบทั้งห้า ทะเลสาบโมโตสุมีน้ำใสที่สุด ทำให้ที่นี่เป็นจุดดำน้ำยอดนิยม
กิจกรรมห้ามพลาดที่ทะเลสาบโมโตสุ (Lake Motosu)
ร่วมงานเทศกาลฟูจิชิบะซากุระ (Fuji Shibazakura Festival)
ตั้งแต่กลางเดือนเมษายนถึงปลายเดือนพฤษภาคมของทุกปี Fuji Motosuko Resort ซึ่งอยู่ใกล้ทะเลสาบโมโตสุ จะเป็นเจ้าภาพจัดงานเทศกาลฟูจิชิบะซากุระ (Fuji Shibazakura Festiva) ชมทุ่งดอกพิงก์มอสที่เบ่งบานทั่วบริเวณ พร้อมฉากหลังอันงดงามของภูเขาไฟฟูจิ
ไฮไลต์อื่นๆ รอบทะเลสาบโมโตสุ (Lake Motosu)
- เล่นวินด์เซิร์ฟ
- ลองเล่นสแตนด์อัพแพดเดิลบอร์ด
📍 ฟูจิคิวไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland)
ระยะทาง: 26 กิโลเมตร
ระยะเวลาเดินทางโดยรถยนต์: 35 นาที
สายแอดเวนเจอร์ห้ามพลาด! ไปกรี๊ดให้สุดเสียงที่ Fuji-Q Highland สวนสนุกที่รวมรถไฟเหาะสุดหวาดเสียวและทำลายสถิติโลกเอาไว้ ใครที่ชอบความตื่นเต้น ต้องไปลองให้ได้!
กิจกรรมห้ามพลาดที่ฟูจิคิวไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland)
จัดเต็มกับรถไฟเหาะสุดมันส์
เริ่มต้นด้วย Fujiyama หรือที่รู้จักกันว่า “ราชาแห่งรถไฟเหาะ” ซึ่งเคยเป็นรถไฟเหาะที่สูงและเร็วที่สุดในโลกเมื่อตอนเปิดให้บริการ จากนั้นไปลอง Takabisha ที่ได้รับการบันทึกใน Guinness Book of Records ว่าเป็นรถไฟเหาะที่มีความชันที่สุด ด้วยการดิ่งลงที่มุม 121 องศา
ถัดไปคือ Eejanaika รถไฟเหาะแบบ 4D ที่เก้าอี้สามารถหมุนได้รอบตัวระหว่างขบวน และปิดท้ายด้วย Zokkon รถไฟเหาะธีมมอเตอร์ไซค์ที่ให้ความรู้สึกเร่งความเร็วและโค้งหักหลบสุดตื่นเต้น
💡#KlookTip: สวนสนุกแห่งนี้ไม่มีค่าบัตรผ่านประตู แต่คิดค่าเล่นเครื่องเล่นเป็นรายเครื่อง โดยรถไฟเหาะจะมีค่าขึ้นเครื่องละ 2,000 เยน หากคุณวางแผนจะเล่นให้ครบทุกเครื่อง แนะนำให้ซื้อบัตร One-Day Pass เพื่อความคุ้มค่า เล่นได้ไม่จำกัดรอบ
ไฮไลต์อื่น ๆ ที่ฟูจิคิวไฮแลนด์ (Fuji-Q Highland)
- สำรวจหมู่บ้านนินจา Naruto x Boruto Hidden Leaf Village
- พาเด็ก ๆ ไปสนุกที่โซน Thomas Land
- เยี่ยมชม พิพิธภัณฑ์ Fujiyama
- ผ่อนคลายในบ่อน้ำพุร้อน Fujiyama Onsen ที่ตั้งอยู่นอกสวนสนุก
- ชมวิวฟูจิจากมุมสูงที่ Fujiyama Tower แล้วไถลลงมาแบบมันส์ๆ บน Fujiyama Slider
💡KlookTip: ไม่ต้องกังวลเรื่องสัมภาระ เพราะที่นี่มีล็อกเกอร์ให้ใช้ฟรีกระจายอยู่ทั่วสวนสนุก
เข้าพักที่ Fuji Highland Resort Hotel and Spa
โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ติดกับ Fuji-Q Highland มอบสิทธิ์พิเศษให้แขกเข้าสวนสนุกก่อนเวลาเปิดปกติ 15 นาที ผู้เข้าพักยังสามารถเข้าชม Fujiyama Museum และแช่ Fujiyama Onsen ได้ฟรี พร้อมชมวิวสวยของภูเขาไฟฟูจิหรือสวนสนุกจากห้องพัก
🚗 ขับรถเที่ยวฟูจิ วันที่ 3 ชมหมู่บ้านน้ำศักดิ์สิทธิ์ เเละวิวบนฟูจิ
📍โอชิโนะ ฮักไก (Oshino Hakkai)
ระยะทาง: 7.9 กิโลเมตร
ระยะเวลาเดินทางโดยรถยนต์: 16 นาที
โอชิโนะ ฮักไก (Oshino Hakkai) หรือที่แปลว่า “ทะเลทั้งแปดแห่งโอะชิโนะ” คือกลุ่มของบ่อน้ำพุศักดิ์สิทธิ์ทั้งแปดแห่งที่มีชื่อเสียงมากในภูมิภาคนี้
กิจกรมห้ามพลาดที่ โอชิโนะ ฮักไก (Oshino Hakkai)
เดินชมบ่อน้ำทั้งแปด
เชื่อกันว่าบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งของทะเลสาบที่หกซึ่งเคยมีอยู่จริง น้ำในบ่อน้ำพุโอชิโนะ ฮักไก (Oshino Hakkai) หล่านี้เกิดจากหิมะบนภูเขาไฟฟูจิที่ละลายและซึมผ่านชั้นหินภูเขาไฟมาเป็นเวลาหลายทศวรรษ ทำให้น้ำที่นี่ใสบริสุทธิ์อย่างน่าทึ่ง
ลองแวะที่บ่อเดงุจิอิเคะ (Deguchi-ike) ซึ่งเป็นบ่อที่ใหญ่ที่สุด หรือถ่ายภาพเงาสะท้อนของภูเขาไฟฟูจิที่ผิวน้ำของบ่อคางามิอิเคะ (Kagami-ike) หากมาในวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส คุณจะได้เห็นฉากงดงามของภูเขาไฟฟูจิ บ่อน้ำทั้งแปด และบ้านมุงหลังคาฟางในฉากเดียวกัน
💡#KlookTip: อย่าลืมลองชิมน้ำแร่จากน้ำพุที่ตั้งอยู่ใกล้ร้านขายของที่ระลึก
ไฮไลต์อื่นๆ ของโอชิโนะ ฮักไก (Oshino Hakkai)
- สำรวจพิพิธภัณฑ์กลางแจ้ง Hannoki Bayashi Shiryokan
- ลองชิมปลาย่างหรือดังโงะร้อน ๆ
📍สถานีที่ 5 ภูเขาไฟฟูจิ (Fuji 5th Station)
ระยะทาง: 33 กิโลเมตร
ระยะเวลาเดินทางโดยรถยนต์: 46 นาที
ตั้งอยู่ที่ความสูง 2,300 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล สถานีที่ 5 ภูเขาไฟฟูจิ (Fuji 5th Station) ถือเป็นจุดที่สามารถขับรถขึ้นไปได้สูงที่สุดของภูเขาไฟฟูจิ และยังเป็นจุดครึ่งทางของเส้นทางปีนเขา Yoshida Trail ที่นักปีนเขาสามารถเดินขึ้นสู่ยอดภูเขาได้ภายในประมาณ 5 ชั่วโมง
💡#KlookTip: เส้นทาง Subaru Line ที่ใช้ขับรถขึ้นสถานีที่ 5 เปิดให้บริการตลอดปี แต่จะปิดไม่ให้รถยนต์ส่วนตัวเข้าในช่วงฤดูปีนเขา (กรกฎาคม – กลางกันยายน)
กิจกรรมห้ามพลาดที่สถานีที่ 5 ภูเขาไฟฟูจิ (Fuji 5th Station)
ชมวิวพาโนรามา
แม้ว่าคุณจะไม่ได้ตั้งใจจะปีนภูเขาไฟฟูจิ แต่สถานีที่ 5 ก็ยังเป็นจุดชมวิวที่ยอดเยี่ยมของพื้นที่ Fuji Five Lakes โดยเฉพาะจุดชมวิวหลังศาลเจ้าโคมิตาเกะ Komitake Shrine ที่อยู่หลังโซนร้านค้า
ไฮไลต์อื่นๆ ของสถานีที่ 5 ภูเขาไฟฟูจิ (Fuji 5th Station)
- เดินป่าบนเส้นทาง Ochudo trail
- ส่งโปสการ์ดจากที่ทำการไปรษณีย์กลางภูเขา
- ซื้อของฝากธีมภูเขาไฟฟูจิกลับบ้าน
📍ทะเลสาบยามานากะ (Lake Yamanaka)
ระยะทาง: 38 กิโลเมตร
ระยะเวลาเดินทางโดยรถยนต์: 49 นาที
ทะเลสาบยามานากะ (Lake Yamanaka) เป็นที่อยู่อาศัยของฝูงหงส์ขนาดใหญ่ และได้รับฉายาว่า “Swan Lake” นอกจากนี้ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกยอดนิยมอีกแห่งหนึ่งด้วย
กิจกรรมห้ามพลาดที่ทะเลสาบยามานากะ (Lake Yamanaka)
ลุ้นชมปรากฏการณ์ ‘Diamond Fuji’ สุดหายาก
ปรากฏการณ์ Diamond Fuji จะเกิดขึ้นเฉพาะช่วงเดือนตุลาคมถึงกุมภาพันธ์เท่านั้น เมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นหรือตกตรงกับยอดภูเขาไฟฟูจิ ทำให้ยอดเขาดูเปล่งแสงระยิบระยับราวกับเพชร
💡#KlookTip: เตรียมกล้องให้พร้อม เพราะจังหวะที่แสงเรียงตรงพอดีจะเกิดขึ้นไม่ถึงหนึ่งนาที!
ไฮไลต์อื่นๆ ของทะเลสาบยามานากะ (Lake Yamanaka)
- ชมวิวจากจุดชมวิวพาโนรามา
- เที่ยวสวน Yamanakako Hananomiyako Park
- เช่าเรือเป็ดรูปหงส์พายเล่นในทะเลสาบ
- ลองชิมซูเฟล่แพนเค้กที่ร้าน The Park ที่สามารถมองเห็นวิวภูเขาไฟฟูจิได้
เข้าพักที่ โกเท็มบะ (Gotemba)
ระยะทาง: 27.4 กิโลเมตร
ระยะเวลาเดินทางโดยรถยนต์: 36 นาที
🚗 ขับรถเที่ยวฟูจิ วันที่ 4 ช้อปปิ้ง เเละซาฟารีสุดมันส์
📍โกเท็มบะ พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต (Gotemba Premium Outlets)
เริ่มต้นวันใหม่ด้วยการบำบัดด้วยการช้อปปิ้ง! โกเท็มบะ พรีเมี่ยม เอาท์เล็ต (Gotemba Premium Outlets) มีร้านค้ามากกว่า 200 ร้าน ทั้งแบรนด์ญี่ปุ่นและแบรนด์ระดับโลก พร้อมวิวภูเขาไฟฟูจิสุดตระการตา เดินช้อปให้เต็มที่แล้วแวะเติมพลังที่ร้านอาหารหลากหลายแห่งภายในเอาท์เล็ต
💡#KlookTip: ก่อนเริ่มช้อป แวะที่เคาน์เตอร์ข้อมูลเพื่อรับสมุดคูปองส่วนลดด้วยนะ
📍ฟูจิซาฟารีปาร์ค (Fuji Safari Park)
ระยะทาง: 18.6 กิโลเมตร
ระยะเวลาเดินทางโดยรถยนต์: 33 นาที
พนันว่าคุณไม่เคยรู้มาก่อนว่ามีสวนสัตว์ซาฟารีอยู่เชิงเขาภูเขาไฟฟูจิ! สวนสัตว์แห่งนี้แบ่งออกเป็น 2 โซนคือ Safari Zone และ Fureai Zone
กิจกรรมห้ามพลาดที่ฟูจิซาฟารีปาร์ค (Fuji Safari Park)
สัมผัสใกล้ชิดกับสัตว์ในโซนซาฟารี
โซนซาฟารีแห่งนี้มีสัตว์ป่าราว 70 ชนิด ที่เดินกันอย่างอิสระ คุณสามารถขับรถของตัวเองผ่านโซนนี้ หรือเลือกขึ้นรถบัสทัวร์ที่จะให้คุณได้ป้อนอาหารสัตว์ผ่านหน้าต่าง หรือจะเช่ารถ 4WD เพื่อขับเองและป้อนอาหารสัตว์ได้อย่างใกล้ชิดด้วยเช่นกัน
ไฮไลต์อื่น ๆ ของฟูจิซาฟารีปาร์ค (Fuji Safari Park)
- เดินเล่นตามเส้นทางเดินรอบโซนซาฟารี (เฉพาะผู้ที่มีอายุ 4 ปีขึ้นไป)
- ให้อาหารสัตว์ตัวเล็ก ๆ และสัมผัสกับสัตว์เลี้ยงในโซนฟุเระอาอิ (Fureai Zone)
- ขี่ม้าโพนี่น่ารัก ๆ
- เล่นกับสุนัข แมว หรือกระต่ายในโซนเฉพาะที่จัดไว้ให้
สิ้นสุดการเดินทาง Road Trip รอบภูเขาไฟฟูจิ คุณเดินทางมาถึงปลายทางของทริปรอบภูเขาไฟฟูจิแล้ว! สามารถคืนรถเช่าในพื้นที่ หรือขับกลับโตเกียวได้เลย
ระยะทาง: 111 กิโลเมตร ถึงโตเกียว
ระยะเวลาเดินทางโดยรถยนต์: 1 ชั่วโมง 45 นาที ถึงโตเกียว
หากคุณยังไม่อยากให้ทริปจบลง ลองขยายการเดินทางอีก 1 หรือ 2 วัน โดยสามารถแวะเที่ยวที่ น้ำตก Shiraito, ทะเลสาบ Tanuki (จุดชม Diamond Fuji อีกแห่ง), ฮาโกเน่ (Hakone) แหล่งออนเซ็นยอดนิยม เเละ Mishima Skywalk สะพานแขวนคนเดินที่ยาวที่สุดในญี่ปุ่น!
Klook คืออะไร?
Klook คือแพลตฟอร์มชั้นนำของเอเชียสำหรับการจองกิจกรรมและบริการท่องเที่ยวแบบครบวงจร
เราคัดสรรประสบการณ์คุณภาพ ตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ทัวร์ท้องถิ่น การเดินทางภายในประเทศ ไปจนถึงที่พักหลากสไตล์ ครอบคลุมกว่า 3,400 จุดหมายทั่วโลก
รองรับการใช้งานใน 15 ภาษา และสามารถชำระเงินได้มากกว่า 40 สกุลเงิน ผ่านช่องทางชำระที่หลากหลาย ทำให้การจองกับ Klook สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
Klook ก่อตั้งในปี 2014 มีเป้าหมายเพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับนักเดินทางทุกคน ไม่ว่าคุณจะเที่ยวใกล้บ้านหรือออกเดินทางไกล Klook พร้อมพาคุณเชื่อมต่อกับโลกแห่งประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา
🧡 ติดตาม Klook ได้ทาง
- Facebook: @klookth
- Instagram: @klooktravel_th
- TikTok: @klookth
- YouTube: @klookTH
- LINE Official Account: @klookth

















































