เทศกาลไหว้พระจันทร์ หรือ Mid-Autumn Festival (中秋节) เป็นหนึ่งใน ประเพณีไหว้พระจันทร์ ที่สำคัญที่สุดของชาวจีนและชุมชนชาวจีนทั่วโลก ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติ ซึ่งพระจันทร์จะเต็มดวงและส่องแสงงดงามที่สุดในรอบปี
เทศกาลนี้ถือเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวจะได้กลับมาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา ร่วมรับประทานอาหารเย็น ชมความงามของพระจันทร์ และแลกเปลี่ยนของขวัญ โดยเฉพาะ ขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความกลมเกลียว ความรัก และความอุดมสมบูรณ์
นอกจากความหมายทางครอบครัวแล้ว ประเพณีไหว้พระจันทร์ ยังเป็นโอกาสในการขอบคุณธรรมชาติและเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยวผลผลิตในฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งเป็นรากเหง้าทางวัฒนธรรมที่สืบทอดมาหลายพันปี
ความหมายและที่มาของเทศกาลไหว้พระจันทร์
เทศกาลไหว้พระจันทร์ตรงกับ วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ซึ่งโดยมากจะอยู่ในช่วงเดือนกันยายนหรือตุลาคม เป็นเวลาที่พระจันทร์เต็มดวงและอยู่ใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี แสงจันทร์จึงสว่างและงดงาม
ความสำคัญของวันไหว้พระจันทร์
วันไหว้พระจันทร์เป็นหนึ่งใน สามเทศกาลใหญ่ของจีน ร่วมกับตรุษจีนและเทศกาลเช็งเม้ง สะท้อนถึงคุณค่าทางวัฒนธรรมที่ลึกซึ้งและหลากหลาย ทั้งในมิติของครอบครัว ธรรมชาติ ความรัก และการสืบสานประเพณี เป็นวันที่ผู้คนได้หยุดพักจากความเร่งรีบของชีวิตประจำวันเพื่อกลับมาเชื่อมโยงกับสิ่งสำคัญในชีวิตอีกครั้ง
1. การรวมญาติและความผูกพันในครอบครัว
วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ตามปฏิทินจันทรคติเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวชาวจีนจะพยายามกลับมาอยู่พร้อมหน้า แม้บางคนจะอยู่ไกลบ้านก็ตาม บรรยากาศของการรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน การพูดคุย และการแลกของขวัญ เช่น ขนมไหว้พระจันทร์ เป็นการย้ำเตือนถึงความสำคัญของความรักและความสามัคคีในครอบครัว พระจันทร์เต็มดวงในวันนี้จึงเป็นสัญลักษณ์ของความกลมเกลียวและความสัมพันธ์ที่ไม่ขาดสาย
2. การขอบคุณธรรมชาติและความอุดมสมบูรณ์
เนื่องจากเทศกาลนี้เกิดขึ้นในช่วงฤดูเก็บเกี่ยว จึงเป็นโอกาสในการแสดงความกตัญญูต่อธรรมชาติที่มอบผลผลิตอุดมสมบูรณ์ ชาวบ้านจะนำผลไม้และธัญพืชที่เก็บเกี่ยวได้ เช่น เผือก ข้าว ส้มโอ และส้ม มาจัดโต๊ะบูชาพระจันทร์ เพื่อขอบคุณที่มอบความสว่าง ความชุ่มชื้น และความสมบูรณ์ให้แก่ผืนดิน ความเชื่อนี้ยังสะท้อนถึงการเคารพในวงจรธรรมชาติและการอยู่ร่วมกับสิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล
3. การเฉลิมฉลองการเก็บเกี่ยว
นอกจากพิธีบูชาแล้ว วันไหว้พระจันทร์ยังเป็นงานเฉลิมฉลองครั้งใหญ่ของชุมชน โดยเฉพาะในพื้นที่เกษตรกรรม หลังการเก็บเกี่ยว ชาวไร่ชาวนาจะจัดงานเลี้ยงเพื่อขอบคุณแรงงานของทุกคน และเป็นโอกาสพบปะแลกเปลี่ยนอาหาร เครื่องดื่ม และความสุข งานเลี้ยงเหล่านี้มักเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ เพลงพื้นบ้าน และกิจกรรมบันเทิงที่เชื่อมคนในชุมชนให้ใกล้ชิดกันมากขึ้น
ซึ่งจากความสำคัญทั้งสามด้านนี้ทำให้วันไหว้พระจันทร์ไม่ใช่เพียงวันหยุด แต่เป็นวันที่ผู้คนได้ตระหนักถึงรากเหง้าของตนเอง เชื่อมโยงความรักในครอบครัว ความเคารพต่อธรรมชาติ และการเฉลิมฉลองชีวิตอย่างแท้จริง
ตำนานที่มาของเทศกาลไหว้พระจันทร์
ตลอดประวัติศาสตร์จีน เทศกาลไหว้พระจันทร์ได้แฝงเรื่องเล่าและตำนานมากมาย ซึ่งบางตำนานก็เป็นเรื่องรักโรแมนติก บางตำนานเป็นเรื่องการต่อสู้เพื่ออิสรภาพ และบางตำนานก็เกี่ยวข้องกับการนับถือธรรมชาติ เรื่องเล่าเหล่านี้ทำให้เทศกาลนี้ไม่เพียงมีความหมายทางวัฒนธรรม แต่ยังสอดแทรกข้อคิดและค่านิยมที่สืบต่อกันมาหลายร้อยปี
1. ตำนานฉางเอ๋อ (Chang’e) และโฮ่วอี้ (Hou Yi)
ตำนานที่โด่งดังที่สุดเล่าถึงโฮ่วอี้ นักยิงธนูผู้กล้าหาญในสมัยโบราณ ซึ่งในยุคนั้นโลกมีดวงอาทิตย์ถึง 10 ดวง ลอยขึ้นฟ้าพร้อมกัน ทำให้ความร้อนแผดเผาผืนนาแม่น้ำจนแห้งแล้ง ผู้คนล้มตายจำนวนมาก
โฮ่วอี้ได้รับคำสั่งจากจักรพรรดิให้ยิงดวงอาทิตย์ลงมา เขาสามารถยิงตกไปได้ 9 ดวง เหลือไว้เพียงดวงเดียวเพื่อให้โลกยังมีแสงสว่างและความอบอุ่น ผลงานอันยิ่งใหญ่ทำให้เขาได้รับรางวัลเป็นยาอายุวัฒนะที่จะทำให้เป็นอมตะ
อย่างไรก็ตาม โฮ่วอี้รักภรรยาของเขา “ฉางเอ๋อ” มาก จึงไม่อยากจากเธอไป เขานำยานั้นเก็บไว้ที่บ้าน วันหนึ่งลูกศิษย์ของโฮ่วอี้ที่โลภและทรยศพยายามขโมยยา ฉางเอ๋อจึงตัดสินใจดื่มมันเพื่อปกป้องยาไม่ให้ตกไปอยู่ในมือคนชั่ว ผลคือตัวเธอเบาขึ้นและลอยขึ้นฟ้าไปยังดวงจันทร์ กลายเป็นเทพธิดาแห่งจันทรา
ตั้งแต่นั้นมา ในคืนวันเพ็ญเดือน 8 โฮ่วอี้จะตั้งโต๊ะบูชาพระจันทร์เพื่อรำลึกถึงภรรยา และชาวบ้านก็ทำตาม จนกลายเป็นธรรมเนียมไหว้พระจันทร์ที่สืบมาถึงปัจจุบัน
2. ตำนานกระต่ายหยก (Jade Rabbit)
อีกหนึ่งตำนานที่เกี่ยวข้องกับพระจันทร์ เล่าถึงกระต่ายผู้เสียสละ ครั้งหนึ่งมีเทพสามองค์แปลงกายเป็นคนชรามาขออาหารจากสัตว์ป่า ทั้งลิง จิ้งจอก และกระต่าย ลิงและจิ้งจอกได้นำผลไม้และเนื้อมามอบให้ แต่กระต่ายไม่มีอะไรจะให้ จึงกระโดดเข้ากองไฟเพื่อสละร่างเป็นอาหารให้ชายชรา
เทพทั้งสามซาบซึ้งในความเสียสละ จึงช่วยกระต่ายและนำมันขึ้นไปอยู่บนดวงจันทร์เพื่อทำยาอายุวัฒนะ จากนั้นกระต่ายหยกก็กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์และความเมตตา ซึ่งเรามักเห็นภาพกระต่ายบนดวงจันทร์ในศิลปะจีน
3. ตำนานซ่อนสารในขนมไหว้พระจันทร์
ตำนานนี้เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์จริงในประวัติศาสตร์ สมัยราชวงศ์หยวน (ค.ศ. 1271–1368) จีนตกอยู่ภายใต้การปกครองของมองโกล ซึ่งควบคุมอย่างเข้มงวดไม่ให้ประชาชนรวมตัวกัน
นักปฏิวัติชาวฮั่นวางแผนปลดแอกประเทศ จึงคิดวิธีส่งสารลับโดยการซ่อนข้อความนัดหมายการก่อกบฏไว้ในไส้ของขนมไหว้พระจันทร์ จากนั้นก็แจกจ่ายไปทั่วแผ่นดินในช่วงวันไหว้พระจันทร์ เมื่อถึงเวลานัด ทุกคนก็พร้อมใจกันลุกฮือ และสามารถโค่นล้มราชวงศ์หยวนได้สำเร็จ
จากเหตุการณ์นี้ ขนมไหว้พระจันทร์จึงไม่ได้มีแค่ความหมายด้านความกลมเกลียว แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของเสรีภาพและความสามัคคีของชาวจีน
4. ตำนานเทพธิดาจันทราในหลากวัฒนธรรม
นอกจากตำนานแบบจีนแท้แล้ว ยังมีเรื่องเล่าจากกลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ ในจีน เช่น
- ชาวจ้วง: เชื่อว่าพระจันทร์เป็นเทพผู้หญิงที่คอยปกป้องความรักของคู่หนุ่มสาว
- ชาวไท-ลื้อ: มีพิธีไหว้พระจันทร์เพื่อขอฝนและความอุดมสมบูรณ์
- ชาวฮากกา: เชื่อว่าพระจันทร์เป็นประตูสู่โลกวิญญาณในวันเพ็ญเดือน 8
ซึ่งการได้ฟังเรื่องเล่าตำนานเหล่านี้ไม่เพียงทำให้เทศกาลไหว้พระจันทร์มีสีสัน แต่ยังช่วยสืบสานคุณค่าทางวัฒนธรรมและปลูกฝังความผูกพันในครอบครัวและสังคม
กิจกรรมยอดนิยมในเทศกาลไหว้พระจันทร์
เทศกาลไหว้พระจันทร์ไม่เพียงเป็นช่วงเวลาแห่งการรำลึกถึงตำนานและการบูชาพระจันทร์ แต่ยังเต็มไปด้วยกิจกรรมสนุกสนานและมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปี ซึ่งช่วยเสริมสร้างความผูกพันทั้งในครอบครัวและชุมชน
1. การรวมญาติ
เป็นหัวใจของเทศกาลที่ทุกคนรอคอย ครอบครัวจะพยายามกลับมารวมตัวไม่ว่าจากใกล้หรือไกล เพื่อรับประทานอาหารเย็นร่วมกัน บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นและเสียงหัวเราะ ผู้สูงอายุใช้โอกาสนี้ถ่ายทอดเรื่องราวและภูมิปัญญาแก่คนรุ่นใหม่ ขณะที่เด็กๆ ได้เรียนรู้ประเพณีผ่านกิจกรรมต่างๆ การรวมญาติในวันไหว้พระจันทร์จึงเป็นมากกว่าการกินข้าว แต่เป็นการเชื่อมสายใยของครอบครัวอย่างลึกซึ้ง
2. การชมจันทร์ (Moon Gazing)
หนึ่งในกิจกรรมที่โรแมนติกและผ่อนคลายที่สุดในค่ำคืนนี้ ผู้คนจะออกมานั่งชมพระจันทร์เต็มดวงซึ่งส่องแสงงดงามที่สุดของปี หลายครอบครัวตั้งโต๊ะในสวนหรือบนระเบียง จัดน้ำชา ขนมไหว้พระจันทร์ และผลไม้มงคล เพื่อเพลิดเพลินกับบรรยากาศ บางแห่งมีการอ่านบทกวีหรือเล่นดนตรีใต้แสงจันทร์ เพิ่มความประทับใจให้คืนพิเศษนี้
3. การเซ่นไหว้พระจันทร์
พิธีไหว้พระจันทร์ถือเป็นการแสดงความเคารพและขอบคุณต่อดวงจันทร์ที่มอบแสงสว่างและความอุดมสมบูรณ์ โต๊ะบูชามักประดับด้วยโคมไฟและจัดวางขนมไหว้พระจันทร์ ผลไม้มงคล และของไหว้อื่นๆ อย่างสวยงาม ก่อนเริ่มพิธี ผู้คนจะกล่าวคำอธิษฐาน เช่น ขอพรด้านความรัก ความสำเร็จ สุขภาพ หรือโชคลาภ โดยมีความเชื่อว่าพระจันทร์จะนำพรนั้นมาสู่ชีวิต
4. การเล่นโคมไฟ
กิจกรรมยอดนิยมโดยเฉพาะสำหรับเด็กๆ ซึ่งจะได้ถือโคมไฟหลากสีสันและรูปทรง เช่น กระต่าย ดอกบัว มังกร หรือสัตว์นำโชค เดินเล่นไปตามถนนหรือในงานชุมชน โคมไฟไม่เพียงเป็นของตกแต่งสวยงาม แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของความหวังและแสงสว่างในชีวิต
5. การทายปริศนาโคมไฟ
เป็นกิจกรรมที่กระตุ้นความคิดและความสนุกสนาน โดยจะมีการเขียนปริศนาลงบนแผ่นกระดาษแล้วแขวนไว้กับโคมไฟ ผู้คนจะรวมกลุ่มกันเพื่อทายคำตอบ กิจกรรมนี้ไม่เพียงสร้างความบันเทิง แต่ยังช่วยเชื่อมโยงผู้เข้าร่วมงานให้รู้จักกันมากขึ้น และสืบสานวัฒนธรรมการเล่นปริศนาแบบโบราณ
กิจกรรมทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นถึงความหลากหลายของเทศกาลไหว้พระจันทร์ ทั้งด้านความบันเทิง ความหมายเชิงสัญลักษณ์ และการสร้างความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน
ขนมมงคลและความหมายในเทศกาลไหว้พระจันทร์
ในเทศกาลไหว้พระจันทร์ อาหารและขนมมงคลมีบทบาทสำคัญไม่แพ้พิธีกรรมหรือกิจกรรมต่างๆ โดยเฉพาะ ขนมไหว้พระจันทร์ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความกลมเกลียว ความสมบูรณ์ และการอยู่พร้อมหน้ากันของครอบครัว การเลือกขนมและอาหารยังสะท้อนความหมายมงคลตามความเชื่อโบราณของชาวจีน
ขนมไหว้พระจันทร์ (Mooncake - 月饼)
ขนมไหว้พระจันทร์มีลักษณะเป็นวงกลม สื่อถึงความสมบูรณ์และความครบถ้วนในชีวิต การมอบขนมไหว้พระจันทร์ให้กันจึงเป็นการอวยพรให้ผู้รับมีชีวิตที่สมบูรณ์และครอบครัวกลมเกลียว
- สัญลักษณ์: ความกลมเกลียว ความสมบูรณ์ ความผูกพันในครอบครัว
- ไส้ยอดนิยม: ถั่วกวน เม็ดบัว ธัญพืชผสมงา และไข่แดงเค็มซึ่งสื่อถึงพระจันทร์เต็มดวง
- ประเภท: กวางตุ้ง (แป้งบาง เนื้อไส้นุ่ม รสหวาน), ซูโจว (แป้งกรอบ รสเค็มหวานผสม), ปักกิ่ง (เน้นไส้ถั่วผสมน้ำเชื่อมเข้มข้น)
- การทาน: นิยมตัดแบ่งเป็น 4 หรือ 8 ชิ้นเล็ก เพื่อแบ่งปันกัน เป็นการแสดงออกถึงการมีน้ำใจและความสามัคคี
ผลไม้มงคล
การจัดผลไม้บนโต๊ะบูชาพระจันทร์เป็นอีกหนึ่งองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้ แต่ละชนิดมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ดี
- ส้มโอ: หมายถึงความอุดมสมบูรณ์ โชคลาภ และความรุ่งเรือง คำว่า “โอ” พ้องเสียงกับคำมงคลในภาษาจีน
- ส้ม: หมายถึงความสุข ความเจริญรุ่งเรือง คำว่า “ส้ม” ในภาษาจีนกลางออกเสียงใกล้เคียงกับคำว่า “โชคดี”
- ลูกพลับ: หมายถึงความเป็นสิริมงคล ความมั่นคง และอายุยืน
อาหารอื่นๆ ที่นิยมในเทศกาล
นอกจากขนมและผลไม้แล้ว ยังมีอาหารพิเศษที่นิยมนำมารับประทานหรือใช้ในพิธีไหว้พระจันทร์
- เผือก: สื่อถึงความเจริญงอกงาม การเริ่มต้นใหม่ และความมั่งคั่ง
- ปู: โดยเฉพาะปูขนซึ่งเป็นอาหารตามฤดูกาลในช่วงฤดูใบไม้ร่วง สื่อถึงความหรูหรา ความสมบูรณ์ และการเฉลิมฉลอง
การเลือกขนมและอาหารเหล่านี้ไม่ได้ขึ้นอยู่กับรสชาติเท่านั้น แต่ยังเป็นการสืบสานความเชื่อดั้งเดิมที่ต้องการมอบสิ่งดีๆ ให้กับครอบครัวและคนที่รักในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง
เกร็ดน่ารู้และวิธีจัดงานไหว้พระจันทร์ที่บ้าน
การจัดงานไหว้พระจันทร์ที่บ้านสามารถทำได้อย่างเรียบง่ายแต่ยังคงความหมายมงคลครบถ้วน โดยไม่จำเป็นต้องใช้พิธีรีตรองมากนัก เพียงเตรียมองค์ประกอบหลักดังนี้
- เลือกสถานที่เหมาะสม: ควรเป็นพื้นที่ที่สามารถมองเห็นพระจันทร์ชัดเจน เช่น ระเบียง สวน หรือดาดฟ้า
- ตั้งโต๊ะบูชา: ปูผ้าสะอาดและจัดวางขนมไหว้พระจันทร์ ผลไม้มงคล เช่น ส้มโอ ส้ม ลูกพลับ พร้อมน้ำชา
- ตกแต่งบรรยากาศ: ใช้โคมไฟหรือเทียนเพื่อเพิ่มความอบอุ่น และอาจตกแต่งด้วยโคมไฟกระดาษเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศเทศกาล
- จัดกิจกรรมครอบครัว: หลังพิธีบูชา อาจชมพระจันทร์ร่วมกัน ทายปริศนาโคมไฟ หรือเล่าเรื่องตำนานฉางเอ๋อให้เด็กๆ ฟัง เพื่อสืบสานประเพณี
- คำอธิษฐาน: สมาชิกในครอบครัวสามารถขอพรด้านสุขภาพ ความรัก การงาน หรือการเรียน ตามความเชื่อส่วนบุคคล
ความแตกต่างของการไหว้พระจันทร์ในประเทศอื่นๆ
แม้เทศกาลไหว้พระจันทร์จะมีต้นกำเนิดจากจีน แต่ก็แพร่หลายและถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับวัฒนธรรมของแต่ละประเทศในเอเชีย
1. ไต้หวัน
นอกจากพิธีบูชาพระจันทร์แล้ว คนไต้หวันยังนิยมปิ้งบาร์บีคิวกลางแจ้งในคืนวันไหว้พระจันทร์ ถือเป็นกิจกรรมครอบครัวและเพื่อนฝูงที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะ
2. เวียดนาม
เทศกาลไหว้พระจันทร์ในเวียดนามเรียกว่า “เต็ตจุงทู” (Tết Trung Thu) มุ่งเน้นกิจกรรมสำหรับเด็ก เช่น ขบวนแห่โคมไฟ การแสดงสิงโต และมอบขนมไหว้พระจันทร์รูปสัตว์ให้เด็กๆ
3. สิงคโปร์ และมาเลเซีย
เน้นการแลกขนมไหว้พระจันทร์ระหว่างครอบครัวและเพื่อนฝูง รวมถึงการจัดงานแสดงโคมไฟขนาดใหญ่ในสวนสาธารณะ
4. ญี่ปุ่น
มีเทศกาลชมจันทร์ที่เรียกว่า “ซึกิมิ” (Tsukimi) แม้ไม่เหมือนการไหว้พระจันทร์ของจีนทั้งหมด แต่ก็มีการจัดอาหารพิเศษ เช่น เกี๊ยวข้าวโมจิ (Tsukimi Dango) และการตกแต่งด้วยหญ้าสุซูกิ
การเปรียบเทียบความแตกต่างเหล่านี้ช่วยให้เห็นว่าความหมายของพระจันทร์และการเฉลิมฉลองมีความคล้ายคลึงกันในแง่การรวมตัวและการขอบคุณธรรมชาติ แม้รายละเอียดกิจกรรมจะแตกต่างกันไปตามวัฒนธรรม
สรุป
เทศกาลไหว้พระจันทร์ไม่เพียงเป็นงานเฉลิมฉลองที่สวยงาม แต่ยังเป็นสัญลักษณ์ของสายใยครอบครัว ความกตัญญูต่อธรรมชาติ และการสืบสานวัฒนธรรมที่มีมานับพันปี ในทุกคืนวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 8 ชาวจีนและผู้คนเชื้อสายจีนทั่วโลกจะมารวมตัวกันเพื่อรับประทานอาหารเย็น แลกเปลี่ยนขนมไหว้พระจันทร์ และชมความงามของพระจันทร์เต็มดวง
ตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา เรื่องเล่าและตำนานต่างๆ เช่น ตำนานฉางเอ๋อกับโฮ่วอี้ ตำนานกระต่ายหยก และตำนานซ่อนสารในขนมไหว้พระจันทร์ ได้เพิ่มสีสันและความลึกซึ้งให้กับเทศกาลนี้ พร้อมสอดแทรกคุณค่าด้านความรัก ความเสียสละ และความสามัคคี กิจกรรมที่ทำกันในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นการเซ่นไหว้พระจันทร์ การเล่นโคมไฟ หรือการทายปริศนาโคมไฟ ต่างสะท้อนให้เห็นถึงการเชื่อมโยงระหว่างผู้คนและการรักษาความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้น
ขนมไหว้พระจันทร์และอาหารมงคล เช่น ส้มโอ ส้ม ลูกพลับ เผือก และปูขน ไม่ได้เป็นเพียงอาหารสำหรับพิธี แต่ยังเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรือง ความอุดมสมบูรณ์ และการแบ่งปัน ในหลายประเทศ เทศกาลนี้ถูกปรับให้เข้ากับวัฒนธรรมท้องถิ่น แต่ยังคงหัวใจสำคัญคือการรวมตัวและขอบคุณธรรมชาติ
แม้โลกจะเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว เทศกาลไหว้พระจันทร์ก็ยังคงความหมายและคุณค่าที่สืบทอดมาหลายชั่วอายุคน เป็นช่วงเวลาที่ทุกคนได้หยุดพักจากความเร่งรีบ มองขึ้นสู่พระจันทร์เต็มดวง และตระหนักถึงความสำคัญของการมีคนที่รักอยู่เคียงข้าง พร้อมสืบสานประเพณีนี้ต่อไปให้คงอยู่ในความทรงจำของคนรุ่นหลังตลอดไป
Klook คืออะไร?
Klook คือแพลตฟอร์มชั้นนำของเอเชียสำหรับการจองกิจกรรมและบริการท่องเที่ยวแบบครบวงจร
เราคัดสรรประสบการณ์คุณภาพ ตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ทัวร์ท้องถิ่น การเดินทางภายในประเทศ ไปจนถึงที่พักหลากสไตล์ ครอบคลุมกว่า 3,400 จุดหมายทั่วโลก
รองรับการใช้งานใน 15 ภาษา และสามารถชำระเงินได้มากกว่า 40 สกุลเงิน ผ่านช่องทางชำระที่หลากหลาย ทำให้การจองกับ Klook สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
Klook ก่อตั้งในปี 2014 มีเป้าหมายเพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับนักเดินทางทุกคน ไม่ว่าคุณจะเที่ยวใกล้บ้านหรือออกเดินทางไกล Klook พร้อมพาคุณเชื่อมต่อกับโลกแห่งประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา
🧡 ติดตาม Klook ได้ทาง
- Facebook: @klookth
- Instagram: @klooktravel_th
- TikTok: @klookth
- YouTube: @klookTH
- LINE Official Account: @klookth






























