• ไปยังแอป
  • เลือกจุดหมายปลายทาง
  • JR Alpine Pass พาสเดียว เที่ยวธรรมชาติยอดเขาญี่ปุ่นอย่างมือโปร

    Klook Thailand
    Klook Thailand
    อัปเดตล่าสุด 16 มิ.ย. 2025
    more
    JR Alpine Pass

    แนะนำ JR Alpine Pass: ขึ้นเขาชมวิวอย่างมือโปร

    หากคุณกำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นแบบใกล้ชิดธรรมชาติ พร้อมสัมผัสบรรยากาศของเมืองเก่าที่แสนสงบ JR Alpine Pass คือพาสที่ตอบโจทย์ที่สุด พาสนี้ให้คุณเดินทางท่องเที่ยวได้ครอบคลุมทั้งเส้นทางภูเขาสุดอลังการอย่าง Alpine Route เมืองประวัติศาสตร์ทาคายามะ และบรรยากาศแสนสงบท่ามกลางธรรมชาติของคามิโคจิ ครบเลยทริปเดียวแบบ all in one! ไม่เพียงสะดวกและประหยัดเวลา แต่ยังช่วยให้คุณเก็บทุกไฮไลต์ยอดนิยมในแถบเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นได้ภายใน 5 วันแบบมือโปร
    JR Alpine Pass หรือชื่อเต็มว่า JR Alpine‑Takayama‑Matsumoto Area Tourist Pass เป็นพาสสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ใช้ได้ 5 วันต่อเนื่อง ครอบคลุมเส้นทาง JR ระหว่างนาโกย่า-มัตสึโมโตะ-ทาคายามะ-โทยามะ และรวมระบบขนส่ง Alpine Route เช่น รถบัส เคเบิลคาร์ และโร๊ปเวย์
    JR Alpine Pass

    JR Alpine Pass คืออะไร?

    JR Alpine Pass คือบัตรโดยสารประเภทพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติอย่างแท้จริง ด้วยระยะเวลาใช้งาน 5 วันต่อเนื่อง คุณสามารถเดินทางได้ไม่จำกัดทั้งในเส้นทางหลักของ JR และระบบขนส่งที่เชื่อมต่อกับเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น รวมถึง Alpine Route อันโด่งดังที่เต็มไปด้วยไฮไลต์อย่างกำแพงหิมะ Tateyama Kurobe เส้นทางสายธรรมชาติ Kamikochi เมืองประวัติศาสตร์ Takayama และปราสาท Matsumoto โดยไม่ต้องซื้อตั๋วแยกในแต่ละจุด
    เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีวีซ่าระยะสั้น (Temporary Visitor) และต้องการเที่ยวชมทั้งภูเขา เมือง และวัฒนธรรมท้องถิ่นแบบคุ้มค่า ประหยัดเวลา และไม่ยุ่งยากในการจองตั๋วแต่ละเส้นทาง สรุปให้เข้าใจง่ายๆสั้นๆเกี่ยวกับ JR Alpine Pass คือ
    • พาส 5 วัน ใช้เดินทางไม่จำกัดในเส้นทางหลักของ JR: Tokaido, Takayama, Oito, Shinonoi, Chuo Main Line และ Toyama Chiho Railway
    • ครอบคลุมเส้นทาง Alpine Route (Dentetsu‑Toyama ↔ Shinano‑Omachi) รวมทั้ง เคเบิลคาร์, โร๊ปเวย์, รถบัส และรถไฟฟ้าใต้ดิน บนเส้นทางนี้
    • ราคาผู้ใหญ่: 24,000 เยน | ราคาเด็ก (6–11 ปี): 12,000 เยน
    • สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น โดยต้องมีสถานะพำนักชั่วคราว (Temporary Visitor) ตามที่ระบุในพาสปอร์ต
    บรรยากาศภูเขาในเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น
    บรรยากาศภูเขาในเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น

    ไฮไลต์สถานที่ท่องเที่ยวที่ใช้ JR Alpine Pass เดินทางได้

    หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ JR Alpine Pass เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวคือความสามารถในการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่หลากหลายและน่าประทับใจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจองตั๋วหรือคำนวณค่าใช้จ่ายรายเที่ยว พาสนี้ครอบคลุมทั้งเส้นทางธรรมชาติระดับโลก เช่น เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น กำแพงหิมะ และลำธารใสของคามิโคจิ ไปจนถึงเมืองประวัติศาสตร์ที่ยังคงกลิ่นอายของยุคเอโดะอย่างทาคายามะ หรือจะเดินทางไปชมปราสาทเก่าแก่ที่มัตสึโมโตะก็ทำได้อย่างง่ายดาย ด้วยความหลากหลายนี้เอง JR Alpine Pass จึงกลายเป็นพาสในฝันของนักเดินทางที่ต้องการเก็บทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมไว้ในทริปเดียว โดยไฮไลต์สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมี ดังนี้
     เส้นทางเดินป่าในคามิโคจิ ล้อมรอบด้วยยอดเขาแอลป์
    เส้นทางเดินป่าในคามิโคจิ ล้อมรอบด้วยยอดเขาแอลป์

    คามิโคจิ (Kamikochi)

    คามิโคจิเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ด้วยทิวทัศน์อันงดงามของแม่น้ำอาซูสะที่ไหลผ่านหุบเขา ระหว่างยอดเขาสูงตระหง่านและป่าไม้เขียวขจี สถานที่แห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายและสัมผัสความสงบของธรรมชาติอย่างแท้จริง เส้นทางเดินเท้าในคามิโคจิได้รับการดูแลอย่างดี มีทั้งเส้นทางสั้นๆ สำหรับครอบครัว ไปจนถึงเส้นทางระยะไกลสำหรับสายเดินป่าตัวจริง จุดเด่นสำคัญคือสะพานคัปปะ (Kappa Bridge) ที่เป็นแลนด์มาร์กกลางหุบเขา และเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค 
    การเดินทางไปคามิโคจิสามารถใช้ JR Alpine Pass ได้โดยนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Shinshimashima และต่อรถบัสตรงเข้าสู่คามิโคจิได้เลย โดยรถจะพานักท่องเที่ยวเข้าไปถึงใจกลางหุบเขาโดยไม่ต้องเปลี่ยนพาหนะหลายต่อ
    กำแพงหิมะบนเส้นทาง Tateyama Kurobe Alpine Route จังหวัดโทยามะ ประเทศญี่ปุ่น
    กำแพงหิมะบนเส้นทาง Tateyama Kurobe Alpine Route จังหวัดโทยามะ ประเทศญี่ปุ่น

    เส้นทาง Alpine Route

    เส้นทาง Alpine Route เป็นเส้นทางท่องเที่ยวระดับโลกที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองโทยามะและเมืองโอมากิ ผ่านเทือกเขา Tateyama ที่สูงชันและปกคลุมด้วยหิมะในฤดูใบไม้ผลิ ไฮไลต์ของเส้นทางนี้คือ “กำแพงหิมะ” (Snow Wall) ที่มีความสูงกว่า 10 เมตรในช่วงเมษายนถึงพฤษภาคม ซึ่งกลายเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เส้นทางนี้ยังประกอบด้วยการเดินทางหลากหลายรูปแบบ เช่น รถเคเบิลคาร์, รถรางใต้ดิน, รถบัสไฟฟ้า, และโร๊ปเวย์ ที่ทำให้การเดินทางผ่านภูเขาสูงกลายเป็นประสบการณ์ที่สนุกและน่าจดจำ 
    โดยสำหรับผู้ถือ JR Alpine Pass สามารถขึ้นรถไฟไปยังสถานี Shinano-Omachi และเริ่มต้นการเดินทางข้ามเทือกเขาโดยใช้พาสนี้ครอบคลุมค่าเดินทางทั้งหมดได้อย่างสะดวกสบาย เป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลในวิวภูเขา ธารน้ำแข็ง และธรรมชาติอันยิ่งใหญ่
    ถนนโบราณในทาคายามะ กำแพงไม้และอาคารย้อนยุค
    ถนนโบราณในทาคายามะ กำแพงไม้และอาคารย้อนยุค

    ทาคายามะ (Takayama)

    ทาคายามะเป็นเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ในจังหวัดกิฟุ มีชื่อเสียงจากเขตเมืองเก่า (Old Town) ซึ่งยังคงรักษาสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นโบราณเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ถนนสายหลักอย่าง Sanmachi Suji เรียงรายไปด้วยบ้านไม้โบราณ ร้านค้าท้องถิ่น และโรงสาเกเก่าแก่ ที่เปิดให้ผู้มาเยือนได้ลองชิมและชมกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ ทาคายามะยังเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมเฉพาะตัว ทั้งในด้านอาหารท้องถิ่น เช่น เนื้อฮิดะ และเทศกาลท้องถิ่นอย่าง Takayama Festival ที่จัดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเทศกาลที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น
    การเดินทางมายังทาคายามะสามารถทำได้โดยใช้ JR Alpine Pass จากนาโกย่าหรือลงจากเส้นทาง Alpine Route ก็สะดวกไม่แพ้กัน โดยมีสถานี JR Takayama อยู่ใกล้เขตเมืองเก่า สามารถเดินเท้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ๆ ได้ภายในไม่กี่นาที เป็นจุดเริ่มต้นหรือจุดพักกลางทางที่เหมาะกับการผสมผสานการเที่ยวภูเขาและเมืองเข้าด้วยกัน
    ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle)
    ปราสาทมัตสึโมโตะ (Matsumoto Castle)

    มัตสึโมโตะ (Matsumoto)

    เมืองมัตสึโมโตะถือเป็นประตูสู่เทือกเขาแอลป์ของญี่ปุ่นฝั่งตะวันออก และยังเป็นที่ตั้งของหนึ่งในปราสาทที่สวยและเก่าแก่ที่สุดในประเทศ นั่นคือปราสาทมัตสึโมโตะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'ปราสาทอีกา' (Crow Castle) ด้วยโครงสร้างสีดำที่โดดเด่นและคูน้ำล้อมรอบ ตัวปราสาทสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 และยังคงสภาพเดิมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักท่องเที่ยวทุกวัย
    นอกจากปราสาทแล้ว มัตสึโมโตะยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย พิพิธภัณฑ์นาฬิกา ร้านอาหารพื้นเมือง และถนนคนเดิน Nawate ที่เรียงรายไปด้วยร้านค้าท้องถิ่น บรรยากาศอบอุ่นและสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนหลังจากทริปเดินเขาหรือเที่ยวภูเขา
    สามารถเดินทางมายังมัตสึโมโตะได้โดยใช้ JR Alpine Pass ผ่านสาย Oito หรือ Chuo Main Line โดยเชื่อมต่อจากเส้นทาง Alpine Route หรือนาโกย่า เป็นเมืองปลายทางหรือจุดพักคืนก่อนกลับที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกและคุณค่าทางวัฒนธรรม
    ย่านนากามาจิ เมืองมัตสึโมโตะ
    ย่านนากามาจิ เมืองมัตสึโมโตะ จังหวัดนากาโนะ ประเทศญี่ปุ่น

    จุดเด่นของ JR Alpine Pass

    หากคุณกำลังมองหาพาสเดินทางที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวก ความคุ้มค่า และสามารถพาคุณเข้าถึงธรรมชาติระดับโลกและเมืองเก่าอันมีเสน่ห์ของญี่ปุ่นได้อย่างครบถ้วน JR Alpine Pass คือคำตอบที่ลงตัวที่สุด ด้วยคุณสมบัติที่ออกแบบมาเพื่อการเดินทางสายธรรมชาติโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการข้ามภูเขาด้วย Alpine Route หรือการแวะเมืองต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมท้องถิ่น พาสนี้จึงเหมาะกับทั้งนักเดินทางสายลุย และผู้ที่ต้องการท่องเที่ยวแบบสบาย ๆ ครบในหนึ่งเดียว จุดเด่นของ JR Alpine Pass คือ
    • สะดวก: พาสนี้ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวซื้อบัตรรถไฟหรือหารถต่อในแต่ละจุด ครอบคลุมทั้งรถไฟ JR รถบัส รถราง และระบบเคเบิลในภูเขา ทำให้คุณวางแผนได้ง่ายขึ้นและใช้เวลาเต็มที่กับการท่องเที่ยว
    • คุ้มค่า: ด้วยราคาเพียงประมาณ 24,000 เยน คุณสามารถประหยัดได้หลายพันเยน เมื่อเทียบกับการซื้อตั๋วแต่ละเส้นทางแยกกัน โดยเฉพาะการเดินทางผ่าน Alpine Route ซึ่งค่าขนส่งค่อนข้างสูง หากเดินทางหลายจุดใน 5 วันเต็ม ๆ จะรู้สึกถึงความคุ้มแบบชัดเจน
    • ยืดหยุ่น: พาสนี้ใช้ได้ 5 วันต่อเนื่อง แต่คุณสามารถวางแผนจองที่นั่งรถไฟแบบ Reserved Seat ได้ล่วงหน้าสูงสุด 4 เที่ยว อีกทั้งยังสามารถขึ้นรถไฟ Limited Express และรถบัสในเครือที่ร่วมรายการได้อย่างอิสระ ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในทริป
    • เข้าถึงธรรมชาติและวัฒนธรรม: จุดเด่นที่เหนือกว่าพาสอื่นคือสามารถเชื่อมทั้งเส้นทางธรรมชาติระดับโลก เช่น กำแพงหิมะ คามิโคจิ เส้นทางบนภูเขา กับเมืองเก่าอย่างทาคายามะ และปราสาทโบราณในมัตสึโมโตะ ได้ในพาสเดียว ถือเป็นการท่องเที่ยวที่รวมทั้งความงามของธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมไว้อย่างกลมกลืน

    วิธีซื้อ JR Alpine Pass ให้คุ้มที่สุด

    เพื่อให้การใช้ JR Alpine Pass คุ้มค่าสูงสุด ไม่ใช่แค่การวางแผนเส้นทางเท่านั้นที่สำคัญ แต่ยังรวมถึง ช่วงเวลาซื้อ, วิธีแลกพาส, และการจองที่นั่งล่วงหน้า ซึ่งล้วนส่งผลต่อความสะดวกในการเดินทางอย่างมาก
    นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยพลาดโอกาสใช้พาสนี้ได้เต็มประสิทธิภาพ เพียงเพราะไม่วางแผนการซื้อและใช้งานให้เหมาะสม โดยเฉพาะในช่วง ฤดูท่องเที่ยว ที่ความต้องการใช้พาสสูง การรู้เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้จะช่วยคุณ ประหยัดทั้งงบ ประหยัดเวลา และทำให้แผนเที่ยวราบรื่นยิ่งขึ้น

    ซื้อ JR Alpine Pass บน Klook คุ้มกว่า!

    • มีส่วนลดพิเศษ สำหรับผู้ซื้อผ่านออนไลน์
    • สะดวก ไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋วที่สถานี
    • ได้ เวาเชอร์พร้อม QR Code สำหรับแลกรับพาสจริงได้ที่ญี่ปุ่น
    • รองรับภาษาไทย พร้อมบริการลูกค้าหากมีปัญหา
    หากคุณกำลังวางแผนเดินทางช่วง ฤดูใบไม้ผลิหรือช่วงใบไม้เปลี่ยนสี การจองพาสล่วงหน้าผ่าน Klook จะช่วยให้คุณไม่พลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเส้นทาง Alpine Route

    ตัวอย่างการวางแผนเที่ยว 5 วันด้วย JR Alpine Pass

    เพื่อให้การใช้ JR Alpine Pass คุ้มค่าที่สุด การวางแผนล่วงหน้าอย่างมีระบบคือสิ่งสำคัญ ตัวอย่างแผนเที่ยว 5 วันนี้ออกแบบมาเพื่อให้คุณได้สัมผัสครบทั้ง ธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตในภูมิภาค Japan Alps แบบเต็มอิ่มโดยไม่ต้องเปลี่ยนพาหนะหลายต่อหรือเสียเวลาซื้อตั๋วแยก
    ทุกวันในแผนการเดินทางนี้จะพาคุณไปยังจุดหมายยอดนิยม พร้อมจุดแวะพักที่เหมาะสำหรับการชมวิวและถ่ายภาพ ไม่ว่าคุณจะเป็นสายลุยผจญภัย หรือชอบทริปเนิบ ๆ สบาย ๆ ก็เก็บบรรยากาศสวย ๆ ได้ครบแบบไม่เร่งรีบ
    ถนน Sanmachi Suji ย่านเมืองเก่าในทาคายามะ
    ถนน Sanmachi Suji ย่านเมืองเก่าในทาคายามะ
    🗓️ วันที่ 1: นาโกย่า → ทาคายามะ | เดินเล่นเมืองเก่า เริ่มทริปแบบสบายๆ
    เริ่มต้นจาก นาโกย่า เมืองใหญ่ที่เดินทางง่ายทั้งจากสนามบินหรือชินคันเซ็นจากเมืองหลักอื่น ๆ จากนั้นใช้ JR Alpine Pass ขึ้นรถไฟสาย Takayama Main Line ไปยัง ทาคายามะ (ประมาณ 2.5 ชม.) เมื่อมาถึง แนะนำให้เดินเล่นในย่านเมืองเก่า Sanmachi Suji สัมผัสกลิ่นอายญี่ปุ่นโบราณ แวะชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน และอย่าลืมลิ้มลอง เนื้อฮิดะ อันเลื่องชื่อ เป็นการเริ่มต้นทริปที่ผ่อนคลายและน่าประทับใจ

    ซูชิเนื้อฮิดะโรยต้นหอม อาหารสตรีทฟู้ดยอดนิยมในย่านเมืองเก่าทาคายามะ
    ซูชิเนื้อฮิดะโรยต้นหอม อาหารสตรีทฟู้ดยอดนิยมในย่านเมืองเก่าทาคายามะ
    ชิราคาวาโกะ หมู่บ้านมรดกโลก
    ชิราคาวาโกะ หมู่บ้านมรดกโลก

    🗓️ วันที่ 2: ทาคายามะ → ชิราคาวาโกะ | เที่ยวหมู่บ้านมรดกโลก

    นั่งรถบัสจากทาคายามะไปยัง ชิราคาวาโกะ (ประมาณ 1.5 ชม.) หมู่บ้านมรดกโลกที่โดดเด่นด้วยบ้านทรงกัสโชอัน (Gassho-zukuri) ใช้เวลาทั้งวันเดินชมหมู่บ้าน ขึ้นจุดชมวิวบนเนิน หรือเข้าไปสำรวจบ้านเก่าแก่ที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ แล้วเดินทางกลับมาพักที่ทาคายามะตอนเย็น
    หมายเหตุ: รถบัสสายทาคายามะ → ชิราคาวาโกะ ไม่ครอบคลุมใน JR Alpine Pass คุณสามารถจองตั๋วรถบัสล่วงหน้าได้บน Klook คลิกเลย!

    สะพานคัปปะ (Kappa Bridge) จุดแลนด์มาร์กสำคัญในคามิโคจิ
    สะพานคัปปะ (Kappa Bridge) จุดแลนด์มาร์กสำคัญในคามิโคจิ

    🗓️ วันที่ 3: ทาคายามะ → คามิโคจิ | ชมธรรมชาติเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นแบบจัดเต็ม

    ออกเดินทางไปยัง คามิโคจิ หนึ่งในจุดชมธรรมชาติที่สวยงามที่สุดของภูมิภาคเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น เริ่มต้นโดยนั่งรถไฟไปยังสถานี Shinshimashima แล้วต่อรถบัสเข้าสู่คามิโคจิ (ประมาณ 2.5 ชม.) เมื่อมาถึงแล้ว คุณสามารถเลือกเดินเล่นริมแม่น้ำ อาซูสะ สูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางวิวภูเขา หรือลองเดินป่าระยะสั้น–กลาง เพื่อดื่มด่ำธรรมชาติอย่างใกล้ชิด แลนด์มาร์กห้ามพลาดของที่นี่คือ สะพานคัปปะ (Kappa Bridge) ที่เห็นวิวภูเขาสูงรายล้อม บรรยากาศสงบ สวยงาม โดยเฉพาะในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีหรือช่วงฤดูใบไม้ผลิ
    หมายเหตุ: รถบัสสาย Shinshimashima → คามิโคจิ ไม่อยู่ในเครือ JR และ ไม่ครอบคลุมใน JR Alpine Pass คุณสามารถจองตั๋วรถบัสแยกต่างหากได้ที่สถานี Shinshimashima

    กำแพงหิมะบนเส้นทาง Tateyama Kurobe Alpine Route เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดโทยามะและนากาโนะ
    กำแพงหิมะบนเส้นทาง Tateyama Kurobe Alpine Route เชื่อมต่อระหว่างจังหวัดโทยามะและนากาโนะ

    🗓️ วันที่ 4: สัมผัสเส้นทางธรรมชาติ Alpine Route (Shinano-Omachi → Murodo → Tateyama)

    วันนี้คือไฮไลต์ของทริป! เริ่มต้นการเดินทางบน Tateyama Kurobe Alpine Route เส้นทางธรรมชาติระดับโลกที่เชื่อมระหว่าง Shinano-Omachi ไปยัง Tateyama โดยใช้ระบบขนส่งหลากหลายรูปแบบ เช่น รถบัสใต้ดิน, กระเช้าไฟฟ้า, รถรางเคเบิล และ โร๊ปเวย์
    เส้นทางหลักประกอบด้วย: Shinano-Omachi → Ogizawa → Kurobe Dam → Murodo → Bijodaira → Tateyama
    ระหว่างทางคุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอันงดงาม ทั้ง เทือกเขาหิมะ ทะเลสาบบนภูเขา และไฮไลต์สุดพิเศษอย่าง “กำแพงหิมะ” (Snow Wall) ซึ่งจะเปิดให้ชมในช่วงเดือน เมษายนถึงพฤษภาคม ใช้เวลาทั้งวันในการเดินทางข้ามภูเขา พร้อมเก็บภาพบรรยากาศที่เปลี่ยนไปตลอดเส้นทาง ก่อนเลือกพักค้างคืนที่ โทยามะ หรือ มัตสึโมโตะ ตามแผนการเดินทางของคุณ
    Tateyama Ropeway กับวิวทะเลสาบคุโรเบะ บนเส้นทาง Alpine Route
    Tateyama Ropeway กับวิวทะเลสาบคุโรเบะ บนเส้นทาง Alpine Route

    🗓️ วันที่ 5: เดินทางกลับผ่านเมืองมัตสึโมโตะ

    ปิดท้ายทริปอย่างสวยงามด้วยการแวะเที่ยวเมือง มัตสึโมโตะ เมืองเล็ก ๆ ที่อบอวลด้วยประวัติศาสตร์และเสน่ห์ท้องถิ่น จุดหมายสำคัญคือ ปราสาทมัตสึโมโตะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ปราสาทอีกา หนึ่งในปราสาทดั้งเดิมไม่กี่แห่งของญี่ปุ่นที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ แนะนำให้เดินเล่นบริเวณ คูน้ำรอบปราสาท ชมเงาสะท้อนของตัวปราสาทในมุมสวย ๆ จากนั้นแวะซื้อของฝากในถนนสายเก่า Nawate Street และลองชิมอาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อของเมืองนี้ เมื่ออิ่มเอมกับบรรยากาศแล้ว เดินทางกลับไปยัง นาโกย่า หรือเมืองอื่น ๆ โดยใช้ รถไฟ JR ที่ครอบคลุมใน JR Alpine Pass ได้อย่างสะดวก
    วิวเมืองยามค่ำคืนที่ถนนนาวาเตะ แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมในเมืองมัตสึโมโตะ
    วิวเมืองยามค่ำคืนที่ถนนนาวาเตะ แหล่งช้อปปิ้งยอดนิยมในเมืองมัตสึโมโตะ

    ส่วนลด 10% สำหรับจองทัวร์ในญี่ปุ่น บน Klook

    TH Japan AO 10% off

    คำแนะนำก่อนใช้งาน JR Alpine Pass

    ก่อนเริ่มทริปด้วย JR Alpine Pass การเตรียมตัวล่วงหน้าจะช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่สะดุด และไม่พลาดจุดหมายสำคัญ โดยเฉพาะเส้นทางนี้ที่ต้องอาศัยการต่อรถหลากหลายประเภท และการวางแผนเวลาที่แม่นยำ
    ต่อไปนี้คือคำแนะนำสำคัญที่ควรทราบไว้ก่อนใช้งาน JR Alpine Pass อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ:

    🔎 ตรวจสอบฤดูเปิดของ Alpine Route:

    เส้นทาง Alpine Route เปิดให้บริการเฉพาะช่วง กลางเดือนเมษายน – ปลายพฤศจิกายน เท่านั้น โดยช่วงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือช่วงชม “กำแพงหิมะ” ซึ่งอยู่ระหว่าง กลางเมษายน – ปลายพฤษภาคม หากคุณวางแผนจะเที่ยวในช่วงต้นปีหรือปลายปี ควรเช็กปฏิทินเปิด–ปิดของเส้นทางล่วงหน้าทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ เพื่อไม่ให้พลาดช่วงเวลาสวยที่สุดของปี

    🚫 หลีกเลี่ยงช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว:

    สถานที่ท่องเที่ยวอย่าง Alpine Route, ทาคายามะ และคามิโคจิ มักจะหนาแน่นในช่วงวันหยุดยาว โดยเฉพาะ Golden Week (ต้นเดือนพฤษภาคม) หากเลี่ยงได้ แนะนำให้วางแผนเดินทางก่อนหรือหลังช่วงเทศกาล เพื่อหลีกเลี่ยงคิวยาว การจองตั๋วเต็ม และความแออัดที่อาจลดความประทับใจในการเดินทาง

    📄 พกเอกสารให้ครบ:

    การใช้งาน JR Alpine Pass ต้องแสดง พาสปอร์ตที่มีตราประทับ Temporary Visitor ทุกครั้งที่แลกรับพาสหรือจองที่นั่งในระบบ JR หากไม่มีตรานี้ แม้ว่าจะซื้อพาสล่วงหน้ามาจากต่างประเทศ ก็จะไม่สามารถใช้งานได้

    🎒 ใช้บริการฝากกระเป๋าให้เป็นประโยชน์:

    สถานีใหญ่ในเส้นทาง เช่น Murodo, Ogizawa และ Tateyama มีบริการ ฝากกระเป๋าหรือส่งกระเป๋าไปยังจุดหมายปลายทาง แบบอัตโนมัติ การใช้บริการนี้จะช่วยให้คุณ เดินทางข้ามภูเขาได้สะดวก ไม่ต้องแบกสัมภาระขึ้นโร๊ปเวย์หรือทางลาดชัน ประหยัดแรงและปลอดภัยยิ่งขึ้น

    JR Alpine Pass พาสเดียว เที่ยวครบทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรม

    JR Alpine Pass คือบัตรโดยสารที่ออกแบบมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้สัมผัสทั้ง ธรรมชาติยิ่งใหญ่ของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น และ วัฒนธรรมในเมืองเก่าอย่างแท้จริง พาสเดียวพาคุณเดินทางครอบคลุมทุกจุดไฮไลต์ ไม่ว่าจะเป็น
    • กำแพงหิมะสุดอลังการ บนเส้นทาง Alpine Route
    • ลำธารใสและขุนเขา ที่คามิโคจิ
    • กลิ่นอายย้อนยุค ในเมืองเก่าทาคายามะ
    • หรือ ปราสาทโบราณทรงคุณค่า อย่างมัตสึโมโตะ
    จุดเด่นของพาสนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องความสะดวกและราคาคุ้มค่า แต่ยังมอบประสบการณ์หลากหลาย ทั้งการนั่งรถไฟสายธรรมชาติ เดินเที่ยวเมืองเก่า และชมวิวภูเขาสลับซับซ้อนในทริปเดียว ไม่ว่าคุณจะเป็นสายชิลที่ชอบเดินเล่นสบาย ๆ หรือสายลุยที่อยากเดินป่าขึ้นเขา พาสนี้ตอบโจทย์ได้หมด ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ JR Alpine Pass คือกุญแจสำคัญสำหรับการเปิดโลกญี่ปุ่นในมุมที่ต่างออกไป ไม่ต้องซื้อตั๋วหลายใบ ไม่ต้องวางแผนซับซ้อน แค่ถือพาสนี้ไว้ คุณก็สามารถเดินทางได้ทั้ง คามิโคจิ, Alpine Route, ทาคายามะ, และมัตสึโมโตะ ครบในพาสเดียว ขึ้นรถไฟ JR ได้แบบไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เดินทางสบาย แถมได้ชมทั้ง ธรรมชาติ เมืองเก่า และวัฒนธรรมญี่ปุ่น อย่างเต็มอิ่ม
    more