แนะนำ JR Alpine Pass: ขึ้นเขาชมวิวอย่างมือโปร
หากคุณกำลังวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นแบบใกล้ชิดธรรมชาติ พร้อมสัมผัสบรรยากาศของเมืองเก่าที่แสนสงบ JR Alpine Pass คือพาสที่ตอบโจทย์ที่สุด พาสนี้ให้คุณเดินทางท่องเที่ยวได้ครอบคลุมทั้งเส้นทางภูเขาสุดอลังการอย่าง Alpine Route เมืองประวัติศาสตร์ทาคายามะ และบรรยากาศแสนสงบท่ามกลางธรรมชาติของคามิโคจิ ครบเลยทริปเดียวแบบ all in one! ไม่เพียงสะดวกและประหยัดเวลา แต่ยังช่วยให้คุณเก็บทุกไฮไลต์ยอดนิยมในแถบเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นได้ภายใน 5 วันแบบมือโปร
JR Alpine Pass หรือชื่อเต็มว่า JR Alpine‑Takayama‑Matsumoto Area Tourist Pass เป็นพาสสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ใช้ได้ 5 วันต่อเนื่อง ครอบคลุมเส้นทาง JR ระหว่างนาโกย่า-มัตสึโมโตะ-ทาคายามะ-โทยามะ และรวมระบบขนส่ง Alpine Route เช่น รถบัส เคเบิลคาร์ และโร๊ปเวย์
JR Alpine Pass คืออะไร?
JR Alpine Pass คือบัตรโดยสารประเภทพิเศษที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติอย่างแท้จริง ด้วยระยะเวลาใช้งาน 5 วันต่อเนื่อง คุณสามารถเดินทางได้ไม่จำกัดทั้งในเส้นทางหลักของ JR และระบบขนส่งที่เชื่อมต่อกับเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น รวมถึง Alpine Route อันโด่งดังที่เต็มไปด้วยไฮไลต์อย่างกำแพงหิมะ Tateyama Kurobe เส้นทางสายธรรมชาติ Kamikochi เมืองประวัติศาสตร์ Takayama และปราสาท Matsumoto โดยไม่ต้องซื้อตั๋วแยกในแต่ละจุด
เหมาะอย่างยิ่งสำหรับนักท่องเที่ยวที่มีวีซ่าระยะสั้น (Temporary Visitor) และต้องการเที่ยวชมทั้งภูเขา เมือง และวัฒนธรรมท้องถิ่นแบบคุ้มค่า ประหยัดเวลา และไม่ยุ่งยากในการจองตั๋วแต่ละเส้นทาง สรุปให้เข้าใจง่ายๆสั้นๆเกี่ยวกับ JR Alpine Pass คือ
- พาส 5 วัน ใช้เดินทางไม่จำกัดในเส้นทางหลักของ JR: Tokaido, Takayama, Oito, Shinonoi, Chuo Main Line และ Toyama Chiho Railway
- ครอบคลุมเส้นทาง Alpine Route (Dentetsu‑Toyama ↔ Shinano‑Omachi) รวมทั้ง เคเบิลคาร์, โร๊ปเวย์, รถบัส และรถไฟฟ้าใต้ดิน บนเส้นทางนี้
- ราคาผู้ใหญ่: 24,000 เยน | ราคาเด็ก (6–11 ปี): 12,000 เยน
- สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติเท่านั้น โดยต้องมีสถานะพำนักชั่วคราว (Temporary Visitor) ตามที่ระบุในพาสปอร์ต
ไฮไลต์สถานที่ท่องเที่ยวที่ใช้ JR Alpine Pass เดินทางได้
หนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้ JR Alpine Pass เป็นตัวเลือกยอดนิยมสำหรับนักท่องเที่ยวคือความสามารถในการเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางที่หลากหลายและน่าประทับใจ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการจองตั๋วหรือคำนวณค่าใช้จ่ายรายเที่ยว พาสนี้ครอบคลุมทั้งเส้นทางธรรมชาติระดับโลก เช่น เทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น กำแพงหิมะ และลำธารใสของคามิโคจิ ไปจนถึงเมืองประวัติศาสตร์ที่ยังคงกลิ่นอายของยุคเอโดะอย่างทาคายามะ หรือจะเดินทางไปชมปราสาทเก่าแก่ที่มัตสึโมโตะก็ทำได้อย่างง่ายดาย ด้วยความหลากหลายนี้เอง JR Alpine Pass จึงกลายเป็นพาสในฝันของนักเดินทางที่ต้องการเก็บทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมไว้ในทริปเดียว โดยไฮไลต์สถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมี ดังนี้
คามิโคจิ (Kamikochi)
คามิโคจิเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น ด้วยทิวทัศน์อันงดงามของแม่น้ำอาซูสะที่ไหลผ่านหุบเขา ระหว่างยอดเขาสูงตระหง่านและป่าไม้เขียวขจี สถานที่แห่งนี้เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการหลีกหนีจากความวุ่นวายและสัมผัสความสงบของธรรมชาติอย่างแท้จริง เส้นทางเดินเท้าในคามิโคจิได้รับการดูแลอย่างดี มีทั้งเส้นทางสั้นๆ สำหรับครอบครัว ไปจนถึงเส้นทางระยะไกลสำหรับสายเดินป่าตัวจริง จุดเด่นสำคัญคือสะพานคัปปะ (Kappa Bridge) ที่เป็นแลนด์มาร์กกลางหุบเขา และเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในภูมิภาค
การเดินทางไปคามิโคจิสามารถใช้ JR Alpine Pass ได้โดยนั่งรถไฟมาลงที่สถานี Shinshimashima และต่อรถบัสตรงเข้าสู่คามิโคจิได้เลย โดยรถจะพานักท่องเที่ยวเข้าไปถึงใจกลางหุบเขาโดยไม่ต้องเปลี่ยนพาหนะหลายต่อ
เส้นทาง Alpine Route
เส้นทาง Alpine Route เป็นเส้นทางท่องเที่ยวระดับโลกที่เชื่อมต่อระหว่างเมืองโทยามะและเมืองโอมากิ ผ่านเทือกเขา Tateyama ที่สูงชันและปกคลุมด้วยหิมะในฤดูใบไม้ผลิ ไฮไลต์ของเส้นทางนี้คือ “กำแพงหิมะ” (Snow Wall) ที่มีความสูงกว่า 10 เมตรในช่วงเมษายนถึงพฤษภาคม ซึ่งกลายเป็นจุดถ่ายภาพยอดนิยมของนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก เส้นทางนี้ยังประกอบด้วยการเดินทางหลากหลายรูปแบบ เช่น รถเคเบิลคาร์, รถรางใต้ดิน, รถบัสไฟฟ้า, และโร๊ปเวย์ ที่ทำให้การเดินทางผ่านภูเขาสูงกลายเป็นประสบการณ์ที่สนุกและน่าจดจำ
โดยสำหรับผู้ถือ JR Alpine Pass สามารถขึ้นรถไฟไปยังสถานี Shinano-Omachi และเริ่มต้นการเดินทางข้ามเทือกเขาโดยใช้พาสนี้ครอบคลุมค่าเดินทางทั้งหมดได้อย่างสะดวกสบาย เป็นเส้นทางที่เหมาะสำหรับผู้ที่หลงใหลในวิวภูเขา ธารน้ำแข็ง และธรรมชาติอันยิ่งใหญ่
ทาคายามะ (Takayama)
ทาคายามะเป็นเมืองเก่าที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ในจังหวัดกิฟุ มีชื่อเสียงจากเขตเมืองเก่า (Old Town) ซึ่งยังคงรักษาสถาปัตยกรรมแบบญี่ปุ่นโบราณเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์ ถนนสายหลักอย่าง Sanmachi Suji เรียงรายไปด้วยบ้านไม้โบราณ ร้านค้าท้องถิ่น และโรงสาเกเก่าแก่ ที่เปิดให้ผู้มาเยือนได้ลองชิมและชมกระบวนการผลิตแบบดั้งเดิม นอกจากนี้ ทาคายามะยังเป็นเมืองที่มีวัฒนธรรมเฉพาะตัว ทั้งในด้านอาหารท้องถิ่น เช่น เนื้อฮิดะ และเทศกาลท้องถิ่นอย่าง Takayama Festival ที่จัดขึ้นในฤดูใบไม้ผลิและฤดูใบไม้ร่วง ซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นหนึ่งในเทศกาลที่สวยงามที่สุดของญี่ปุ่น
การเดินทางมายังทาคายามะสามารถทำได้โดยใช้ JR Alpine Pass จากนาโกย่าหรือลงจากเส้นทาง Alpine Route ก็สะดวกไม่แพ้กัน โดยมีสถานี JR Takayama อยู่ใกล้เขตเมืองเก่า สามารถเดินเท้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวหลัก ๆ ได้ภายในไม่กี่นาที เป็นจุดเริ่มต้นหรือจุดพักกลางทางที่เหมาะกับการผสมผสานการเที่ยวภูเขาและเมืองเข้าด้วยกัน
มัตสึโมโตะ (Matsumoto)
เมืองมัตสึโมโตะถือเป็นประตูสู่เทือกเขาแอลป์ของญี่ปุ่นฝั่งตะวันออก และยังเป็นที่ตั้งของหนึ่งในปราสาทที่สวยและเก่าแก่ที่สุดในประเทศ นั่นคือปราสาทมัตสึโมโตะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ 'ปราสาทอีกา' (Crow Castle) ด้วยโครงสร้างสีดำที่โดดเด่นและคูน้ำล้อมรอบ ตัวปราสาทสร้างขึ้นตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 และยังคงสภาพเดิมไว้ได้อย่างดีเยี่ยม ทำให้ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักท่องเที่ยวทุกวัย
นอกจากปราสาทแล้ว มัตสึโมโตะยังมีพิพิธภัณฑ์ศิลปะร่วมสมัย พิพิธภัณฑ์นาฬิกา ร้านอาหารพื้นเมือง และถนนคนเดิน Nawate ที่เรียงรายไปด้วยร้านค้าท้องถิ่น บรรยากาศอบอุ่นและสงบ เหมาะแก่การพักผ่อนหลังจากทริปเดินเขาหรือเที่ยวภูเขา
สามารถเดินทางมายังมัตสึโมโตะได้โดยใช้ JR Alpine Pass ผ่านสาย Oito หรือ Chuo Main Line โดยเชื่อมต่อจากเส้นทาง Alpine Route หรือนาโกย่า เป็นเมืองปลายทางหรือจุดพักคืนก่อนกลับที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวกและคุณค่าทางวัฒนธรรม
จุดเด่นของ JR Alpine Pass
หากคุณกำลังมองหาพาสเดินทางที่ตอบโจทย์ทั้งความสะดวก ความคุ้มค่า และสามารถพาคุณเข้าถึงธรรมชาติระดับโลกและเมืองเก่าอันมีเสน่ห์ของญี่ปุ่นได้อย่างครบถ้วน JR Alpine Pass คือคำตอบที่ลงตัวที่สุด ด้วยคุณสมบัติที่ออกแบบมาเพื่อการเดินทางสายธรรมชาติโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็นการข้ามภูเขาด้วย Alpine Route หรือการแวะเมืองต่าง ๆ ที่เต็มไปด้วยวัฒนธรรมท้องถิ่น พาสนี้จึงเหมาะกับทั้งนักเดินทางสายลุย และผู้ที่ต้องการท่องเที่ยวแบบสบาย ๆ ครบในหนึ่งเดียว จุดเด่นของ JR Alpine Pass คือ
- สะดวก: พาสนี้ช่วยให้คุณเดินทางได้อย่างไร้รอยต่อ ไม่ต้องเสียเวลาต่อคิวซื้อบัตรรถไฟหรือหารถต่อในแต่ละจุด ครอบคลุมทั้งรถไฟ JR รถบัส รถราง และระบบเคเบิลในภูเขา ทำให้คุณวางแผนได้ง่ายขึ้นและใช้เวลาเต็มที่กับการท่องเที่ยว
- คุ้มค่า: ด้วยราคาเพียงประมาณ 24,000 เยน คุณสามารถประหยัดได้หลายพันเยน เมื่อเทียบกับการซื้อตั๋วแต่ละเส้นทางแยกกัน โดยเฉพาะการเดินทางผ่าน Alpine Route ซึ่งค่าขนส่งค่อนข้างสูง หากเดินทางหลายจุดใน 5 วันเต็ม ๆ จะรู้สึกถึงความคุ้มแบบชัดเจน
- ยืดหยุ่น: พาสนี้ใช้ได้ 5 วันต่อเนื่อง แต่คุณสามารถวางแผนจองที่นั่งรถไฟแบบ Reserved Seat ได้ล่วงหน้าสูงสุด 4 เที่ยว อีกทั้งยังสามารถขึ้นรถไฟ Limited Express และรถบัสในเครือที่ร่วมรายการได้อย่างอิสระ ช่วยเพิ่มความคล่องตัวในทริป
- เข้าถึงธรรมชาติและวัฒนธรรม: จุดเด่นที่เหนือกว่าพาสอื่นคือสามารถเชื่อมทั้งเส้นทางธรรมชาติระดับโลก เช่น กำแพงหิมะ คามิโคจิ เส้นทางบนภูเขา กับเมืองเก่าอย่างทาคายามะ และปราสาทโบราณในมัตสึโมโตะ ได้ในพาสเดียว ถือเป็นการท่องเที่ยวที่รวมทั้งความงามของธรรมชาติและมรดกทางวัฒนธรรมไว้อย่างกลมกลืน
วิธีซื้อ JR Alpine Pass ให้คุ้มที่สุด
เพื่อให้การใช้ JR Alpine Pass คุ้มค่าสูงสุด ไม่ใช่แค่การวางแผนเส้นทางเท่านั้นที่สำคัญ แต่ยังรวมถึง ช่วงเวลาซื้อ, วิธีแลกพาส, และการจองที่นั่งล่วงหน้า ซึ่งล้วนส่งผลต่อความสะดวกในการเดินทางอย่างมาก
นักท่องเที่ยวจำนวนไม่น้อยพลาดโอกาสใช้พาสนี้ได้เต็มประสิทธิภาพ เพียงเพราะไม่วางแผนการซื้อและใช้งานให้เหมาะสม โดยเฉพาะในช่วง ฤดูท่องเที่ยว ที่ความต้องการใช้พาสสูง การรู้เทคนิคเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้จะช่วยคุณ ประหยัดทั้งงบ ประหยัดเวลา และทำให้แผนเที่ยวราบรื่นยิ่งขึ้น
ซื้อ JR Alpine Pass บน Klook คุ้มกว่า!
- มีส่วนลดพิเศษ สำหรับผู้ซื้อผ่านออนไลน์
- สะดวก ไม่ต้องต่อคิวซื้อตั๋วที่สถานี
- ได้ เวาเชอร์พร้อม QR Code สำหรับแลกรับพาสจริงได้ที่ญี่ปุ่น
- รองรับภาษาไทย พร้อมบริการลูกค้าหากมีปัญหา
หากคุณกำลังวางแผนเดินทางช่วง ฤดูใบไม้ผลิหรือช่วงใบไม้เปลี่ยนสี การจองพาสล่วงหน้าผ่าน Klook จะช่วยให้คุณไม่พลาดช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเส้นทาง Alpine Route
ตัวอย่างการวางแผนเที่ยว 5 วันด้วย JR Alpine Pass
เพื่อให้การใช้ JR Alpine Pass คุ้มค่าที่สุด การวางแผนล่วงหน้าอย่างมีระบบคือสิ่งสำคัญ
ตัวอย่างแผนเที่ยว 5 วันนี้ออกแบบมาเพื่อให้คุณได้สัมผัสครบทั้ง ธรรมชาติ วัฒนธรรม และวิถีชีวิตในภูมิภาค Japan Alps แบบเต็มอิ่มโดยไม่ต้องเปลี่ยนพาหนะหลายต่อหรือเสียเวลาซื้อตั๋วแยก
ทุกวันในแผนการเดินทางนี้จะพาคุณไปยังจุดหมายยอดนิยม พร้อมจุดแวะพักที่เหมาะสำหรับการชมวิวและถ่ายภาพ ไม่ว่าคุณจะเป็นสายลุยผจญภัย หรือชอบทริปเนิบ ๆ สบาย ๆ ก็เก็บบรรยากาศสวย ๆ ได้ครบแบบไม่เร่งรีบ
🗓️ วันที่ 1: นาโกย่า → ทาคายามะ | เดินเล่นเมืองเก่า เริ่มทริปแบบสบายๆ
เริ่มต้นจาก นาโกย่า เมืองใหญ่ที่เดินทางง่ายทั้งจากสนามบินหรือชินคันเซ็นจากเมืองหลักอื่น ๆ จากนั้นใช้ JR Alpine Pass ขึ้นรถไฟสาย Takayama Main Line ไปยัง ทาคายามะ (ประมาณ 2.5 ชม.)
เมื่อมาถึง แนะนำให้เดินเล่นในย่านเมืองเก่า Sanmachi Suji สัมผัสกลิ่นอายญี่ปุ่นโบราณ แวะชมพิพิธภัณฑ์พื้นบ้าน และอย่าลืมลิ้มลอง เนื้อฮิดะ อันเลื่องชื่อ เป็นการเริ่มต้นทริปที่ผ่อนคลายและน่าประทับใจ
🗓️ วันที่ 2: ทาคายามะ → ชิราคาวาโกะ | เที่ยวหมู่บ้านมรดกโลก
นั่งรถบัสจากทาคายามะไปยัง ชิราคาวาโกะ (ประมาณ 1.5 ชม.) หมู่บ้านมรดกโลกที่โดดเด่นด้วยบ้านทรงกัสโชอัน (Gassho-zukuri) ใช้เวลาทั้งวันเดินชมหมู่บ้าน ขึ้นจุดชมวิวบนเนิน หรือเข้าไปสำรวจบ้านเก่าแก่ที่เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ แล้วเดินทางกลับมาพักที่ทาคายามะตอนเย็น
หมายเหตุ: รถบัสสายทาคายามะ → ชิราคาวาโกะ ไม่ครอบคลุมใน JR Alpine Pass คุณสามารถจองตั๋วรถบัสล่วงหน้าได้บน Klook คลิกเลย!
🗓️ วันที่ 3: ทาคายามะ → คามิโคจิ | ชมธรรมชาติเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่นแบบจัดเต็ม
ออกเดินทางไปยัง คามิโคจิ หนึ่งในจุดชมธรรมชาติที่สวยงามที่สุดของภูมิภาคเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น เริ่มต้นโดยนั่งรถไฟไปยังสถานี Shinshimashima แล้วต่อรถบัสเข้าสู่คามิโคจิ (ประมาณ 2.5 ชม.)
เมื่อมาถึงแล้ว คุณสามารถเลือกเดินเล่นริมแม่น้ำ อาซูสะ สูดอากาศบริสุทธิ์ท่ามกลางวิวภูเขา หรือลองเดินป่าระยะสั้น–กลาง เพื่อดื่มด่ำธรรมชาติอย่างใกล้ชิด แลนด์มาร์กห้ามพลาดของที่นี่คือ สะพานคัปปะ (Kappa Bridge) ที่เห็นวิวภูเขาสูงรายล้อม บรรยากาศสงบ สวยงาม โดยเฉพาะในฤดูใบไม้เปลี่ยนสีหรือช่วงฤดูใบไม้ผลิ
หมายเหตุ: รถบัสสาย Shinshimashima → คามิโคจิ ไม่อยู่ในเครือ JR และ ไม่ครอบคลุมใน JR Alpine Pass คุณสามารถจองตั๋วรถบัสแยกต่างหากได้ที่สถานี Shinshimashima
🗓️ วันที่ 4: สัมผัสเส้นทางธรรมชาติ Alpine Route (Shinano-Omachi → Murodo → Tateyama)
วันนี้คือไฮไลต์ของทริป! เริ่มต้นการเดินทางบน Tateyama Kurobe Alpine Route เส้นทางธรรมชาติระดับโลกที่เชื่อมระหว่าง Shinano-Omachi ไปยัง Tateyama โดยใช้ระบบขนส่งหลากหลายรูปแบบ เช่น รถบัสใต้ดิน, กระเช้าไฟฟ้า, รถรางเคเบิล และ โร๊ปเวย์
เส้นทางหลักประกอบด้วย:
Shinano-Omachi → Ogizawa → Kurobe Dam → Murodo → Bijodaira → Tateyama
ระหว่างทางคุณจะได้สัมผัสกับธรรมชาติอันงดงาม ทั้ง เทือกเขาหิมะ ทะเลสาบบนภูเขา และไฮไลต์สุดพิเศษอย่าง “กำแพงหิมะ” (Snow Wall) ซึ่งจะเปิดให้ชมในช่วงเดือน เมษายนถึงพฤษภาคม ใช้เวลาทั้งวันในการเดินทางข้ามภูเขา พร้อมเก็บภาพบรรยากาศที่เปลี่ยนไปตลอดเส้นทาง ก่อนเลือกพักค้างคืนที่ โทยามะ หรือ มัตสึโมโตะ ตามแผนการเดินทางของคุณ
🗓️ วันที่ 5: เดินทางกลับผ่านเมืองมัตสึโมโตะ
ปิดท้ายทริปอย่างสวยงามด้วยการแวะเที่ยวเมือง มัตสึโมโตะ เมืองเล็ก ๆ ที่อบอวลด้วยประวัติศาสตร์และเสน่ห์ท้องถิ่น จุดหมายสำคัญคือ ปราสาทมัตสึโมโตะ หรือที่รู้จักกันในชื่อ ปราสาทอีกา หนึ่งในปราสาทดั้งเดิมไม่กี่แห่งของญี่ปุ่นที่ยังคงสภาพสมบูรณ์ แนะนำให้เดินเล่นบริเวณ คูน้ำรอบปราสาท ชมเงาสะท้อนของตัวปราสาทในมุมสวย ๆ จากนั้นแวะซื้อของฝากในถนนสายเก่า Nawate Street และลองชิมอาหารพื้นเมืองขึ้นชื่อของเมืองนี้
เมื่ออิ่มเอมกับบรรยากาศแล้ว เดินทางกลับไปยัง นาโกย่า หรือเมืองอื่น ๆ โดยใช้ รถไฟ JR ที่ครอบคลุมใน JR Alpine Pass ได้อย่างสะดวก
ส่วนลด 10% สำหรับจองทัวร์ในญี่ปุ่น บน Klook
คำแนะนำก่อนใช้งาน JR Alpine Pass
ก่อนเริ่มทริปด้วย JR Alpine Pass การเตรียมตัวล่วงหน้าจะช่วยให้การเดินทางของคุณราบรื่น ไม่สะดุด และไม่พลาดจุดหมายสำคัญ โดยเฉพาะเส้นทางนี้ที่ต้องอาศัยการต่อรถหลากหลายประเภท และการวางแผนเวลาที่แม่นยำ
ต่อไปนี้คือคำแนะนำสำคัญที่ควรทราบไว้ก่อนใช้งาน JR Alpine Pass อย่างคุ้มค่าและมีประสิทธิภาพ:
🔎 ตรวจสอบฤดูเปิดของ Alpine Route:
เส้นทาง Alpine Route เปิดให้บริการเฉพาะช่วง กลางเดือนเมษายน – ปลายพฤศจิกายน เท่านั้น โดยช่วงที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือช่วงชม “กำแพงหิมะ” ซึ่งอยู่ระหว่าง กลางเมษายน – ปลายพฤษภาคม หากคุณวางแผนจะเที่ยวในช่วงต้นปีหรือปลายปี ควรเช็กปฏิทินเปิด–ปิดของเส้นทางล่วงหน้าทางเว็บไซต์อย่างเป็นทางการ เพื่อไม่ให้พลาดช่วงเวลาสวยที่สุดของปี
🚫 หลีกเลี่ยงช่วงเทศกาลหรือวันหยุดยาว:
สถานที่ท่องเที่ยวอย่าง Alpine Route, ทาคายามะ และคามิโคจิ มักจะหนาแน่นในช่วงวันหยุดยาว โดยเฉพาะ Golden Week (ต้นเดือนพฤษภาคม) หากเลี่ยงได้ แนะนำให้วางแผนเดินทางก่อนหรือหลังช่วงเทศกาล เพื่อหลีกเลี่ยงคิวยาว การจองตั๋วเต็ม และความแออัดที่อาจลดความประทับใจในการเดินทาง
📄 พกเอกสารให้ครบ:
การใช้งาน JR Alpine Pass ต้องแสดง พาสปอร์ตที่มีตราประทับ Temporary Visitor ทุกครั้งที่แลกรับพาสหรือจองที่นั่งในระบบ JR หากไม่มีตรานี้ แม้ว่าจะซื้อพาสล่วงหน้ามาจากต่างประเทศ ก็จะไม่สามารถใช้งานได้
🎒 ใช้บริการฝากกระเป๋าให้เป็นประโยชน์:
สถานีใหญ่ในเส้นทาง เช่น Murodo, Ogizawa และ Tateyama มีบริการ ฝากกระเป๋าหรือส่งกระเป๋าไปยังจุดหมายปลายทาง แบบอัตโนมัติ การใช้บริการนี้จะช่วยให้คุณ เดินทางข้ามภูเขาได้สะดวก ไม่ต้องแบกสัมภาระขึ้นโร๊ปเวย์หรือทางลาดชัน ประหยัดแรงและปลอดภัยยิ่งขึ้น
JR Alpine Pass พาสเดียว เที่ยวครบทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรม
JR Alpine Pass คือบัตรโดยสารที่ออกแบบมาเพื่อให้นักท่องเที่ยวต่างชาติได้สัมผัสทั้ง ธรรมชาติยิ่งใหญ่ของเทือกเขาแอลป์ญี่ปุ่น และ วัฒนธรรมในเมืองเก่าอย่างแท้จริง พาสเดียวพาคุณเดินทางครอบคลุมทุกจุดไฮไลต์ ไม่ว่าจะเป็น
- กำแพงหิมะสุดอลังการ บนเส้นทาง Alpine Route
- ลำธารใสและขุนเขา ที่คามิโคจิ
- กลิ่นอายย้อนยุค ในเมืองเก่าทาคายามะ
- หรือ ปราสาทโบราณทรงคุณค่า อย่างมัตสึโมโตะ
จุดเด่นของพาสนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องความสะดวกและราคาคุ้มค่า แต่ยังมอบประสบการณ์หลากหลาย ทั้งการนั่งรถไฟสายธรรมชาติ เดินเที่ยวเมืองเก่า และชมวิวภูเขาสลับซับซ้อนในทริปเดียว ไม่ว่าคุณจะเป็นสายชิลที่ชอบเดินเล่นสบาย ๆ หรือสายลุยที่อยากเดินป่าขึ้นเขา พาสนี้ตอบโจทย์ได้หมด ด้วยราคาที่เข้าถึงได้ JR Alpine Pass คือกุญแจสำคัญสำหรับการเปิดโลกญี่ปุ่นในมุมที่ต่างออกไป ไม่ต้องซื้อตั๋วหลายใบ ไม่ต้องวางแผนซับซ้อน แค่ถือพาสนี้ไว้ คุณก็สามารถเดินทางได้ทั้ง คามิโคจิ, Alpine Route, ทาคายามะ, และมัตสึโมโตะ ครบในพาสเดียว ขึ้นรถไฟ JR ได้แบบไม่ต้องจ่ายเพิ่ม เดินทางสบาย แถมได้ชมทั้ง ธรรมชาติ เมืองเก่า และวัฒนธรรมญี่ปุ่น อย่างเต็มอิ่ม



































