• ไปยังแอป
  • เลือกจุดหมายปลายทาง
  • วิธีเดินทางท่องเที่ยวฮอกไกโดด้วย JR Hokkaido Pass

    Klook Thailand
    Klook Thailand
    อัปเดตล่าสุด 31 ก.ค. 2025
    more
    วิธีเดินทางท่องเที่ยวฮอกไกโดด้วย JR Hokkaido Pass

    เที่ยวฮอกไกโดได้อย่างสะดวกสบายด้วย JR Hokkaido Rail Pass!

    อากาศบริสุทธิ์ ท้องฟ้าสดใส เนินเขาสลับซับซ้อน และภูเขาสูงตระหง่าน คือภาพบรรยากาศที่หลายคนคาดหวังจากฮอกไกโด ไม่ว่าจะเดินทางมาในฤดูไหน ก็มีโอกาสได้เก็บความทรงจำดี ๆ กลับบ้าน ทั้งภาพวิวสวย ๆ และมื้ออาหารแสนอร่อย
    JR Hokkaido Rail Pass Infographic
    หลายคนอาจแนะนำให้เช่ารถขับเที่ยวในฮอกไกโด แต่ถ้าไม่สะดวกขับรถเอง หรืออยากพักผ่อนระหว่างการเดินทาง การนั่งรถไฟเที่ยวก็เป็นอีกทางเลือกที่ง่ายและสบายกว่าที่คิด! แถมยังประหยัดขึ้นด้วย JR Hokkaido Pass ที่ให้สิทธิ์นั่งรถไฟ JR Hokkaido ได้ไม่จำกัดเที่ยว รวมถึงรถบัส JR บางเส้นทางในฮอกไกโดอีกด้วย
    อ่านต่อเพื่อดูวิธีใช้ JR Hokkaido Rail Pass ให้คุ้มค่าที่สุดในการเที่ยวฮอกไกโดครั้งต่อไป!

    1. ประเภทของ JR Pass สำหรับการเดินทางในฮอกไกโด

    รถไฟ Hokkaido JR Train
    ตั๋ว JR Pass แต่ละประเภทออกแบบมาให้ครอบคลุมพื้นที่ต่างๆ ในญี่ปุ่น และมีสิทธิประโยชน์ที่แตกต่างกัน ดังนั้นจึงควรวางแผนเส้นทางการเดินทางล่วงหน้าให้ดี เพื่อเลือก JR Pass ที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการเที่ยวฮอกไกโดและพื้นที่ใกล้เคียง

    ประเภทของตั๋ว

    พื้นที่ที่ครอบคลุม

    สิ่งที่รวมอยู่ในตั๋ว

    สิ่งที่ไม่รวมอยู่ในตั๋ว

    JR Hokkaido Rail Pass (5 หรือ 7 วัน)

    ครอบคลุมทั้งเกาะฮอกไกโด

    1. ที่นั่งจองล่วงหน้าและไม่จองของรถด่วนพิเศษ (limited express) ในเครือข่าย JR Hokkaido

    2. รถไฟด่วนพิเศษ (special rapid) และด่วน (rapid) ของ JR Hokkaido

    3. รถไฟท้องถิ่น (local) ของ JR Hokkaido

    4. รถไฟชั่วคราวทั้งแบบด่วนพิเศษ ด่วน และท้องถิ่นของ JR Hokkaido


    5. รถบัส JR Hokkaido ในซัปโปโร (ดูรายละเอียดเพิ่มเติม)

    1. รถชินคันเซ็นสายฮอกไกโด (Hokkaido Shinkansen)

    2. รถไฟ South Hokkaido Railway

    3. รถรางและรถไฟใต้ดิน

    4. ขบวนรถไฟ SL Fuyu-no-Shitsugen

    JR Sapporo-Noboribetsu Area Pass (4 วัน)

    ครอบคลุมพื้นที่ซัปโปโร โอตารุ และโนโบริเบ็ตสึ

    1. ที่นั่งแบบไม่ระบุที่นั่งของรถด่วนพิเศษ ด่วน และท้องถิ่น ภายในพื้นที่ที่กำหนด

    1. รถบัส JR Hokkaido


    2. รถรางและรถไฟใต้ดิน

    JR Sapporo-Furano Area Pass (4 วัน)

    ครอบคลุมพื้นที่ซัปโปโร โอตารุ ฟุราโนะ บิเอะ และอาซาฮิคาวะ

    1. ที่นั่งแบบไม่ระบุที่นั่งของรถด่วนพิเศษ ด่วน และท้องถิ่น ภายในพื้นที่ที่กำหนด

    1. รถบัส JR Hokkaido


    2. รถรางและรถไฟใต้ดิน

    JR East-South Hokkaido Rail Pass (6 วัน)

    ครอบคลุมซัปโปโร โอตารุ โนโบริเบ็ตสึ โทโฮคุ และโตเกียว

    1. ที่นั่งแบบระบุที่นั่งล่วงหน้าและที่นั่งแบบไม่ระบุที่นั่งของรถชินคันเซ็น รถด่วนพิเศษ รถด่วน และรถไฟท้องถิ่นของ JR Hokkaido, JR East, สาย Izu Kyuko, Aoimori Railway และ Iwate Galaxy Railway ภายในพื้นที่ที่กำหนด


    2. รถไฟ Tokyo Monorail และ Sendai Airport Transit


    3. ที่นั่งปกติของรถด่วนพิเศษที่ให้บริการร่วมกันระหว่าง JR East และ Tobu Railway (เช่น Nikko, Kinugawa, SPACIA Kinugawa)


    4. รถไฟท้องถิ่นระหว่างสถานี Shimo-imaichi และ Tobu-nikko/Kinugawa-onsen บนสาย Tobu Railway

    1. รถชินคันเซ็นสาย Tokaido


    2. รถบัส JR

    มาทำความรู้จัก JR Hokkaido Pass แบบละเอียด

    JR Hokkaido Rail Pass คือบัตรโดยสารรถไฟแบบใช้งานต่อเนื่อง ที่ให้สิทธิ์ขึ้นรถไฟในเครือข่าย JR Hokkaido (รวมถึงรถบัส JR Hokkaido บางสาย) ได้ไม่จำกัดจำนวนเที่ยว ภายในระยะเวลา 5, 7 หรือ 10 วันติดต่อกัน นอกจากนี้ ยังมีตัวเลือกอื่น ๆ อย่างเช่น Sapporo-Furano Area Pass แบบ 4 วัน, Sapporo-Noboribetsu Area Pass แบบ 4 วัน ซึ่งเหมาะสำหรับผู้ที่วางแผนเดินทางเฉพาะในพื้นที่เหล่านี้
    การซื้อ JR Pass ก็ไม่ยุ่งยากเลย! เพียงจองผ่าน Klook แล้วรอรับเอกสารแลกรับบัตร (Exchange Order) ทางไปรษณีย์ เมื่อนำเอกสารนี้ไปถึงญี่ปุ่น สามารถแลกรับบัตร JR Pass ได้ที่สนามบิน New Chitose หรือที่สถานีต่างๆ ได้แก่ Sapporo, Shin-Hakodate-Hokuto, Hakodate, Noboribetsu, Obihiro, Kushiro, Abashiri และ Asahikawa

    ส่วนลด 7% สำหรับของตั๋วรถไฟในญี่ปุ่น

    TH Japan mobility 7% off

    2. เมืองที่สามารถเดินทางได้ด้วย JR Hokkaido Rail Pass

    แผนที่เส้นทาง JR Hokkaido Pass (北海道JR Pass 路線圖)
    แผนที่เส้นทาง JR Hokkaido Pass (北海道JR Pass 路線圖)
    JR Hokkaido Rail Pass เหมาะมากสำหรับผู้ที่วางแผนจะเดินทางไปยังหลายเมืองทั่วเกาะฮอกไกโด เพราะเมื่อเทียบกับการซื้อตั๋วเที่ยวเดียวแยกแต่ละเส้นทางแล้ว การใช้พาสนี้จะช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากกว่าอย่างเห็นได้ชัด
    ยกตัวอย่างเช่น การเดินทางไป-กลับระหว่าง วักกะไน (Wakkanai) กับ คุชิโระ (Kushiro) นั้น มีค่าใช้จ่ายสูงกว่าราคาของ JR Pass เสียอีก ดังนั้นแทนที่จะเสียเงินไปกับค่ารถไฟ ลองเลือกใช้ JR Hokkaido Rail Pass แล้วเก็บเงินไว้ไปกินของอร่อยดีกว่า! เป็นวิธีเดินทางที่ทั้งคุ้มค่าและสะดวกสบาย

    3. ประเภทของที่นั่งบนรถไฟ JR ในญี่ปุ่น

    รถไฟ JR Hokkaido
    Photo credit: Tennen-Gas
    บนรถไฟ Shinkansen, รถด่วนพิเศษ (Limited Express), รถด่วน (Express) และรถด่วนจากสนามบิน (Rapid Airport Trains) จะมีที่นั่งแบบ “จองที่นั่งล่วงหน้า” ให้เลือกใช้ แต่สำหรับรถไฟพิเศษและรถไฟท่องเที่ยวบางขบวน อาจไม่มีที่นั่งแบบจองล่วงหน้าให้บริการ
    เครื่องขายตั๋ว Osaka JR West
    หากต้องการจองที่นั่ง เพียงแสดง JR Hokkaido Pass ที่เคาน์เตอร์ข้อมูลของ JR (JR Information Desk) ที่ช่องจำหน่ายตั๋วของ JR หรือเครื่องจำหน่ายตั๋วที่มีระบบจองที่นั่งตามสถานีใหญ่ของ JR Hokkaido ระบบจะออกตั๋วที่นั่งแบบจองล่วงหน้าให้โดยไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม หากสะดวก สามารถจองล่วงหน้าได้ถึง 1 เดือนผ่านระบบ JR-EAST Train Reservation ก็ได้เช่นกัน
    เมื่อขึ้นรถไฟ อย่าลืมแสดงทั้ง JR Pass และตั๋วที่นั่งที่จองไว้ให้พนักงานตรวจตั๋วบนขบวนรถ
    #KlookTip: แนะนำให้จองที่นั่งล่วงหน้า โดยเฉพาะถ้าเดินทางเป็นกลุ่ม เพื่อความสะดวกและได้ที่นั่งอยู่ด้วยกัน หากเปลี่ยนใจภายหลัง ก็สามารถเปลี่ยนแปลงที่นั่งที่จองไว้ได้ที่เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋ว JR

    4. แนะนำจุดรับตั๋ว JR Pass

    จุดเปลี่ยน JR Hokkaido Pass
    Photo credit: JR Hokkaido
    หลังจากที่จอง JR Pass เรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับ เอกสารยืนยันทางอิเล็กทรอนิกส์สำหรับแลกรับบัตร (Electronic Exchange Order) ทางอีเมลและในแอป Klook ซึ่งเอกสารนี้จะใช้สำหรับแลกรับ JR Pass ตัวจริงเมื่อเดินทางถึงญี่ปุ่น
    เมื่อมาถึงฮอกไกโด สามารถแลกรับ JR Pass ได้ที่ สนามบิน New Chitose หรือสถานี JR หลักๆ ตามที่ระบุไว้ข้างต้น โดยต้องไปรับด้วยตนเอง และอย่าลืมเตรียม หนังสือเดินทางฉบับจริง ไปแสดงด้วย
    ในขั้นตอนการแลกบัตร จะมีการสอบถามวันที่ต้องการเริ่มใช้ JR Pass ด้วย โดยสามารถเลือกวันที่เริ่มใช้งานล่วงหน้าได้สูงสุดถึง 30 วัน หมายความว่า ไม่จำเป็นต้องรอถึงวันเริ่มใช้จริงจึงค่อยแลกบัตร
    #KlookTip: หากคุณซื้อ JR Pass แบบภูมิภาค (Regional Pass) โปรดตรวจสอบจุดที่สามารถแลกรับได้: Sapporo-Noboribetsu Area Pass แลกได้ที่ สนามบิน New Chitose, สถานี Sapporo และสถานี Noboribetsu เท่านั้น ส่วน Sapporo-Furano Area Pass แลกได้ที่ สนามบิน New Chitose, สถานี Sapporo และสถานี Asahikawa

    5. แนะนำสถานที่น่าเที่ยวในฮอกไกโดด้วย JR Pass

    เมฆและต้นไม้สะท้อนอยู่บนผืนน้ำสีฟ้า
    มีเหตุผลมากมายที่ควรซื้อ JR Hokkaido Pass เพื่อให้การเที่ยวฮอกไกโดของคุณคุ้มค่าที่สุด นอกจากเบียร์ซัปโปโรชื่อดังแล้ว ฮอกไกโดยังเป็นภูมิภาคที่เต็มไปด้วยวิวธรรมชาติสวยงามที่ถ่ายรูปออกมาแล้วดูดีทุกมุม และยังมีสถานที่ลับๆ อีกมากมายที่รอให้ไปค้นพบและสำรวจ
    มาสัมผัสความงดงามของฮอกไกโดด้วยตัวเอง กับกิจกรรมและจุดหมายยอดนิยมที่ Klook คัดสรรมาให้แล้ว!

    ซัปโปโร (Sapporo)

    Sapporo TV Tower
    เริ่มต้นการผจญภัยในฮอกไกโดที่เมืองซัปโปโร ซึ่งสามารถเดินทางมาได้ง่ายๆ ด้วย รถไฟด่วนสนามบิน JR Hokkaido Airport Express จากสนามบิน New Chitose (โดยสามารถใช้ JR Hokkaido Rail Pass ได้) หรือหากเดินทางจากโตเกียว ก็สามารถนั่งรถไฟประมาณ 3.5 ชั่วโมงโดยใช้ JR Pass แบบทั่วประเทศ (Whole Japan Rail Pass)
    #KlookTip: หากคุรอยากเดินทางแบบตัวเบา ไม่ต้องหอบกระเป๋า เราแนะนำบริการส่งสัมภาระถึงที่พักที่สะดวกและรวดเร็ว
    กิจกรรมและที่เที่ยวห้ามพลาดในซัปโปโรมีมากมาย ได้แก่ ขึ้น Sapporo TV Tower ชมวิวเมืองแบบพาโนรามา, นั่งกระเช้า Mt. Moiwa Ropeway ชมวิวบนยอดเขา, เยือนพิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร และดื่มเบียร์สดแบบต้นตำรับ, เดินเล่นและชิมของหวานที่ Shiroi Koibito Park สวรรค์ของคนรักขนม, พักผ่อนในสวน Maruyama Park ใกล้กับศาลเจ้า Hokkaido, ชมเทศกาลหิมะซัปโปโร ที่จัดอย่างยิ่งใหญ่ที่สวน Odori (ช่วงฤดูหนาว), ลิ้มรสราเม็งต้นตำรับ ที่ Sapporo Ramen Yokocho, สัมผัสแสงสีในย่าน Susukino ย่านบันเทิงยามค่ำคืน และเดินช้อปปิ้งที่ Tanukikoji Shopping Street ย่านการค้ายอดนิยมที่มีร้านค้าตลอดแนวถนน

    รู้จักความรับเบื้องหลังความอร่อยของเบียร์ญี่ปุ่นในดวงใจ

    ถังเบียร์ที่ซ้อนกันท่ามกลางหิมะ
    Photo Credit: Ruth Hartnup on Flickr (Attribution 2.0 Generic (CC BY 2.0))
    ไปรู้จักกับเบื้องหลังของเบียร์ Pale Ale Lager ชื่อดังจากฮอกไกโดกันที่ พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Museum) ซึ่งเป็นสถานที่มรดกของฮอกไกโด ที่จัดแสดงกระบวนการผลิตเบียร์ตั้งแต่สมัยเมจิ (Meiji) จุดเด่นคือสามารถชิมเบียร์ของจริงได้หลังจากเดินชมพิพิธภัณฑ์อีกด้วย!
    หากชอบเบียร์ Kirin มากกว่า ลองแวะไปที่ Kirin Beer Garden เพื่อดื่มด่ำกับความอร่อยของเมนูเนื้อวากิวสุดพรีเมียม โดยเฉพาะเมนูแนะนำอย่าง ชุดปิ้งย่างเนื้อแกะ “จิงกิสข่าน” และปูยักษ์ฮอกไกโด (King Crab & Genghis Khan Grilled Lamb Course) ที่รวมความนุ่มของเนื้อแกะกับความสดของซีฟู้ดได้อย่างลงตัว ถูกใจสายกินแน่นอน
    หลังจากอิ่มอร่อยแล้ว อย่าลืมเดินย่อยอาหารชิลล์ๆ ที่ สวน Nakajima ใกล้ๆ เพื่อปิดท้ายมื้อพิเศษอย่างสมบูรณ์สบายใจ

    แวะชมวิวสวยๆ ดีที่สุดจาก Sapporo TV Tower

    มุมมองด้านหน้าของหอทีวีซัปโปโร
    Sapporo TV Tower สร้างขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1957 และถือเป็นหนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองซัปโปโร จากจุดชมวิวด้านบน สามารถมองเห็นวิวแบบ พาโนรามา 360 องศา ได้แบบไม่มีสิ่งกีดขวาง ไม่ว่าจะเป็น ทะเลญี่ปุ่น, ที่ราบอิชิคาริ (Ishikari Heigen) และ สวนโอโดริ (Odori Park) ที่มีดอกไม้ผลิบานตลอดทั้งสี่ฤดู นี่คืออีกหนึ่งประสบการณ์ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนเมืองซัปโปโร เมืองที่ใหญ่ที่สุดและเต็มไปด้วยสีสันของฮอกไกโด

    ชวนดื่มชาแบบญี่ปุ่นแท้ๆ

    How-To-Use-Your-Japan-Rail-Pass-Hokkaido-tea-ceremony

    ชวนดื่มชาแบบญี่ปุ่นแท้ๆ

    การมาเยือนฮอกไกโดจะยังไม่สมบูรณ์ หากยังไม่ได้สัมผัสศิลปะแห่งการชงชาแบบดั้งเดิมของญี่ปุ่น เรียนรู้วัฒนธรรมพิธีชงชาอันปราณีต พร้อมจิบชาญี่ปุ่นแท้ๆ และลิ้มลองขนมหวานแบบญี่ปุ่นที่จะเติมเต็มประสบการณ์ให้พิเศษยิ่งขึ้น
    หากคุณอยากยกระดับประสบการณ์และความประทับใจ? ลองสวมชุดกิโมโนและเข้าร่วมพิธีชงชาแบบต้นตำรับดูสักครั้ง! ซึ่งกิโมโนมีลวดลายให้เลือกมากมายกว่าพันแบบ และหากต้องการเพิ่มความโดดเด่นไปอีกขั้น สามารถเลือกแพ็กเกจทำผมทรงญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมได้ด้วย

    โอตารุ (Otaru)

    เลียบคลองโอตารุ
    เวลาเดินทางจาก บิเอะ (Biei) ไป ซัปโปโร (Sapporo): ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 47 นาที โดยใช้สาย JR Furano และรถด่วนพิเศษ
    จากซัปโปโร (Sapporo) ไป โอตารุ (Otaru): ประมาณ 48 นาที ด้วยรถไฟสาย JR Hakodate Main Line
    เมืองโอตารุ (Otaru) เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยวแบบไปเช้าเย็นกลับจากซัปโปโร (Sapporo) คุณจะได้สัมผัสบรรยากาศเมืองเก่าแบบโรแมนติกด้วยกิจกรรมต่างๆ มากมาย เช่น นั่งรถลากโบราณ (Rickshaw) ชมเมืองแบบชิลล์ๆ เดินเล่นเลียบคลองโอตารุ (Otaru Canal) ที่เงียบสงบและสวยงาม เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์กระจกสี (Otaru Art Base Stained Glass Museum) หรือแวะพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี Otaru Music Box Museum และปิดท้ายด้วยการเดินช้อปปิ้งที่ Sakaimachi-dori ถนนสายประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยร้านค้าและคาเฟ่น่ารักๆ
    ถ้าคุณมีเวลามากพอ แนะนำให้ไปคาบสมุทรชาโคตัน (Shakotan Peninsula) จุดชมวิวธรรมชาติที่งดงาม อย่าพลาดจุดชมวิว Cape Kamui และสีฟ้าใสของทะเลที่เรียกว่า Shakotan Blue โดยในช่วงฤดูร้อนยังสามารถลิ้มลอง หอยเม่นสีม่วงพรีเมียม (Premium Purple Sea Urchin) ได้อีกด้วย!
    เที่ยวชมเมืองโอตารุด้วยรถลากโบราณ (Otaru Rickshaw Tour)
    รถลากโบราณ (Rickshaw)
    หนึ่งในวิธีที่ดีที่สุดในการสัมผัสเสน่ห์ของเมืองท่าโอตารุ (Otaru) คือการนั่ง รถลากโบราณ (Rickshaw) เพลิดเพลินไปกับการชมถนนสายประวัติศาสตร์ พร้อมฟังเรื่องราวน่าสนใจจากไกด์ท้องถิ่นที่จะพาคุณไปตามเส้นทางที่ออกแบบไว้เฉพาะคุณ เพียงแสดง Klook Mobile Voucher บนมือถือให้กับพนักงานขับรถลากที่มีคำว่า Otaru (小樽) อยู่ด้านหลังเสื้อ เท่านี้ก็พร้อมออกเดินทางแล้ว!
    #Klook Fun Fact: รู้หรือไม่? ภาพยนตร์ญี่ปุ่นเรื่องดัง “Love Letter” ถ่ายทำหลักๆ ที่เมืองโอตารุ (Otaru) นี่เอง คุณสามารถตามรอยโลเคชั่นสุดโรแมนติกจากในหนัง แล้วสร้างเรื่องราวความรักในแบบของคุณเองได้เลย

    ฟุราโนะและบิเอะ (Furano and Biei)

    ทุ่งดอกไม้หลากสี
    ใช้เวลาเดินทางจาก โนโบริเบ็ตสึ (Noboribetsu) ไป ซัปโปโร (Sapporo): ประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที โดยรถด่วนพิเศษ
    จาก ซัปโปโร (Sapporo) ไป ฟุราโนะ (Furano): ช่วงฤดูร้อนใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง โดยรถไฟตรง Furano Lavender Express และนอกฤดูร้อนใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง 15 นาที โดยรถด่วนพิเศษและสาย JR Nemuro
    จากฟุราโนะ (Furano) ไปยัง บิเอะ (Biei): ประมาณ 30 นาที ด้วยสาย JR Furano Line
    ฟุราโนะ (Furano) และบิเอะ (Biei) ตั้งอยู่บริเวณใจกลางของเกาะฮอกไกโด จนได้รับฉายาว่าเป็น  “สะดือของฮอกไกโด” มักเป็นจุดหมายที่เที่ยวควบคู่กัน เพราะอยู่ใกล้กันและมีทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงาม จุดท่องเที่ยวแนะนำในพื้นที่นี้ ได้แก่ ทุ่งดอกไม้หลากสี ที่สวยงามเหมือนสายรุ้ง, ถนน Patchwork Road, ทุ่งลาเวนเดอร์ที่ Farm Tomita, ฟาร์มเชอร์รี่ ให้คุณลองเก็บผลไม้สดจากต้น, Furano Cheese Factory, บ่อน้ำสีฟ้า (Shirogane Blue Pond) และ น้ำตก Shirahige และ Ningle Terrace หมู่บ้านไม้เล็กๆ กลางป่าสน บรรยากาศสุดโรแมนติกเหมือนในนิทาน

    ลิ้มลองชีสแสนอร่อยที่ Furano Cheese Factory

    โรงงานชีสฟุราโน่ - Furano Cheese Factory
    ฟุราโนะ (Furano) ขึ้นชื่อเรื่องทิวทัศน์อันงดงามและทุ่งลาเวนเดอร์ที่บานสะพรั่งในช่วงฤดูร้อน แต่รู้ไหมว่า ฟุราโนะ (Furano) ยังเป็นแหล่งผลิตชีสที่อร่อยที่สุดแห่งหนึ่งของฮอกไกโดอีกด้วย?
    ที่ Furano Cheese Factory คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์น่าสนใจ ทั้งการเรียนรู้กระบวนการผลิตชีสคาแมงแบร์ (Camembert cheese) แบบท้องถิ่น ซึ่งใช้วัตถุดิบที่มาจากในพื้นที่ทั้งหมด ทำให้ได้รสชาติที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ “ฟุราโนะ” แท้ๆ
    และแน่นอน... ที่นี่มี ช่วงชิมชีสให้ได้ลองชิมด้วย! 

    ทะเลสาบโทยะ (Lake Toya)

    เรือในทะเลสาบโทยะ
    เวลาเดินทางจากฮาโกดาเตะ (Hakodate) ไปยังสถานีโทยะ (Toya) บนสาย Muroran Line: ประมาณ 1 ชั่วโมง 50 นาที โดยรถด่วนพิเศษ (Limited Express Train)
    หากพูดถึงการพักผ่อนแบบแท้จริง ทะเลสาบโทยะ (Toya) คือคำตอบ ทะเลสาบปล่องภูเขาไฟที่ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติ Shikotsu-Toya แห่งนี้ รายล้อมด้วยธรรมชาติสวยงาม เงียบสงบ และมีกิจกรรมให้เลือกหลากหลาย: ล่องเรือชมวิว ทั่วทะเลสาบแบบชิลล์ๆ, เดินเขาบนเกาะโอชิมะ (Oshima Island) ที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบ, เช่ารถถีบหงส์น่ารักๆ พายเล่นในน้ำ, เดินชมสวนประติมากรรม Gurutto Chokoku Koen ที่มีงานศิลป์กลางแจ้งถึง 58 ชิ้นเรียงรายรอบทะเลสาบ, เยี่ยมชมภูเขาไฟอุสึ (Mt. Usu) หนึ่งในภูเขาไฟที่ยังมีพลังของฮอกไกโด, ขึ้นเฮลิคอปเตอร์จากจุดชมวิว Silo Observatory เพื่อชมวิวทะเลสาบจากมุมสูงแบบสุดอลังการ
    หากต้องการพักผ่อนเต็มที่ แนะนำให้พักในโรงแรมหรือเรียวกังที่หันหน้าออกสู่ทะเลสาบ และถ้ามาในช่วงปลายเดือนเมษายนถึงปลายตุลาคม อย่าพลาดชม โชว์ดอกไม้ไฟกลางคืน ที่จุดขึ้นทุกคืนเหนือผืนน้ำ สร้างความโรแมนติกและน่าจดจำสุดๆ

    โนโบริเบ็ตสึ (Noboribetsu)

    โนโบริเบ็ตสึ
    เวลาเดินทางจากทะเลสาบโทยะ (Lake Toya) ไปยัง โนโบริเบ็ตสึ: ใช้เวลาประมาณ 45 นาที โดยรถด่วนพิเศษ (Limited Express Train)
    โนโบริเบ็ตสึ (Noboribetsu) เป็นเมืองออนเซ็นชื่อดังของฮอกไกโด ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นแหล่งน้ำแร่ธรรมชาติชั้นเยี่ยมของญี่ปุ่น น้ำแร่ที่นี่ไหลลงมาจากแหล่งต้นกำเนิดคือ หุบเขานรกจิโงคุดานิ (Jigokudani หรือ Hell Valley) ซึ่งเป็นภูมิประเทศที่ดูราวกับหลุดออกมาจากโลกอีกใบ และยังมีตำนานว่าเป็นถิ่นที่อยู่ของ "ปีศาจญี่ปุ่น" อีกด้วย! คุณลองมองหาดูจะเจอ รูปปั้นปีศาจ 11 ตัว ที่กระจายอยู่ทั่วเมือง
    กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาที่โนโบริเบ็ตสึ (Noboribetsu) คือ เดินชมภูมิประเทศเหนือจริงของหุบเขานรก, แช่ออนเซ็นผ่อนคลาย ท่ามกลางธรรมชาติและไอน้ำแร่, เยี่ยมชม Noboribetsu Marine Park สวนสัตว์น้ำที่เหมาะกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่, ขึ้นกระเช้าไป Noboribetsu Bear Park เพื่อชมความน่ารักของหมีสีน้ำตาลที่อาศัยอยู่ในภูเขา

    ฮาโกดาเตะ (Hakodate)

    ฮาโกดาเตะ
    เวลาเดินทางจากซัปโปโร (Sapporo) ไปยัง ฮาโกดาเตะ (Hakodate): ใช้เวลาประมาณ 4 ชั่วโมง โดยรถด่วนพิเศษ (Limited Express Train)
    มุ่งหน้าลงใต้สู่เมือง ฮาโกดาเตะ (Hakodate) หนึ่งในเมืองที่มีทิวทัศน์สวยงามที่สุดของฮอกไกโด (Hokkaido) เริ่มต้นวันด้วยการเดินเล่นที่ ตลาดเช้า Hakodate Morning Market ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องซีฟู้ดสดๆ ไฮไลต์คือลอง ตกปลาหมึกสดและกินแบบเป็นๆ ที่จะขยับหนวดให้เห็นกันสดๆ เลย! สถานที่แนะนำเมื่อมาเยือนฮาโกดาเตะ ได้แก่ เดินช้อปที่โกดังอิฐแดง Kanemori Red Brick Warehouse หาของฝากและของที่ระลึกสไตล์ญี่ปุ่น, ชิมเบอร์เกอร์ Lucky Pierrot ร้านเบอร์เกอร์ท้องถิ่นชื่อดังที่หากินได้เฉพาะที่นี่, เดินเล่นชมวิวอ่าว Hakodate Bay บรรยากาศโรแมนติกริมทะเล, ขึ้นเขาฮาโกดาเตะ (Mt. Hakodate) เพื่อชมวิวกลางคืนระดับท็อปของญี่ปุ่น (รวมอยู่ในทัวร์รถบัสกลางคืน) และชมป้อมดาวห้าแฉก Goryokaku จากมุมสูงของ หอคอย Goryokaku Tower

    อร่อยกับซีฟู้ดสดๆ ที่ตลาดเช้า Hakodate Morning Market

    ปูที่ตลาดเช้าเมืองฮาโกดาเตะ
    ฮาโกดาเตะ เป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของฮอกไกโด ตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเกาะ และขึ้นชื่อเรื่อง อาหารทะเลสดใหม่ ที่อร่อยที่สุดแห่งหนึ่งในญี่ปุ่น!
    Hakodate Morning Market เป็นตลาดเช้าขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมพื้นที่ถึงประมาณ 4 บล็อกถนนเตรียมกล้อง เตรียมท้อง แล้วออกสำรวจเหล่าซีฟู้ดที่เรียงรายให้เลือกแบบละลานตา ทั้ง ปู ไข่ปลาแซลมอน หอยเม่น และหมึกสดๆ
    หนึ่งในกิจกรรมห้ามพลาดคือการลอง ตกปลาหมึกสด ๆ จากบ่อ ที่กำลังว่ายอย่างกระฉับกระเฉง ใช้อุปกรณ์ง่าย ๆ แค่ไม้ตกปลาพร้อมตะขอ และแรงแขนอีกนิดหน่อย... แค่นี้ก็ได้หมึกตัวเป็น ๆ มาแล้ว! จากนั้นเชฟจะจัดการแล่เป็น ซาชิมิหมึกสด พร้อมเสิร์ฟให้คุณได้ชิมทันที!
    ข้าวหน้าปลาดิบรวม (ไคเซ็นด้ง) ที่ตลาดเช้าเมืองฮาโกดาเตะ
    ปิดท้ายมื้อเช้าด้วย ข้าวหน้าทะเลรวม (Kaisen Don) ที่ร้าน Donburi Yokocho Ichiba ซึ่งตั้งอยู่ติดกับตลาดเช้า ถือเป็นเมนูซิกเนเจอร์ที่ห้ามพลาดเด็ดขาดเมื่อมาฮาโกดาเตะ

    สถานที่เที่ยวฮอกไกโดในฤดูหนาวด้วย JR Hokkaido Rail Pass

    วิธีการเดินทางท่องเที่ยวฮอกไกโดด้วยรถไฟ
    หากคุณวางแผนมาเที่ยวฮอกไกโดในฤดูหนาว เตรียมตัวเข้าสู่ดินแดนหิมะสีขาวสุดอลังการ! และนี่คือสถานที่ห้ามพลาดที่ควรมีใน #bucketlist ของคุณ

    อาซาฮิคาวะ (Asahikawa)

    เพนกวินออกกำลังกาย
    ใช้เวลาเดินทางจากซัปโปโร (Sapporo) ไปยังอาซาฮิคาวะ (Asahikawa) : ประมาณ 1.5 ชั่วโมง ด้วยรถด่วนพิเศษ (Limited Express)
    เมืองอาซาฮิคาวะ (Asahikawa) เที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ในฤดูหนาว ที่นี่จะโด่งดังเป็นพิเศษเพราะกิจกรรมสุดน่ารักอย่าง ขบวนพาเหรดเพนกวิน ที่สวนสัตว์ Asahiyama กิจกรรมนี้จัดขึ้นเพื่อให้เพนกวินได้ออกกำลังกายอย่างเป็นธรรมชาติ สิ่งที่ไม่ควรพลาดในอาซาฮิคาวะ (Asahikawa) ช่วงหน้าหนาว คือ แวะชิมราเม็งอุ่นๆ ที่ Ramen Village, ลองเดินป่าบนหิมะ (Snowshoeing Tour), ช้อปปิ้งที่ Heiwa-dori Shopping Park ถนนคนเดินสายแรกของญี่ปุ่น

    คุชิโระ (Kushiro)

    นกกระเรียนหัวแดงพันธุ์แทนโช
    ใช้เวลาเดินทางจากซัปโปโร (Sapporo) ไปยัง คุชิโระ (Kushiro): ประมาณ 4.5 ชั่วโมง โดยรถด่วนพิเศษ (Limited Express Train)
    คุณเคยได้ยินเรื่อง นกกระเรียนหัวแดงพันธุ์แทนโช (Tancho Red-Crowned Cranes) ไหมคะ?
    ชาวไอนุ (Ainu) เรียกนกชนิดนี้ว่า “วิญญาณแห่งผืนป่าชุ่มน้ำ” โดยสามารถพบเห็นพวกมันได้มากที่สุดในเมืองคุชิโระ (Kushiro) หากโชคดีคุณอาจได้เห็นพวกมัน เต้นรำกลางหิมะ ซึ่งเป็นภาพที่ทั้งสง่างามและน่าประทับใจ ซึ่งสามารถพบเห็นมันได้ที่ Tancho Crane Reserve ศูนย์อนุรักษ์ที่ดูแลนกกระเรียนอย่างใกล้ชิดและใส่ใจ
    #KlookTip: หากอยากเห็นนกกระเรียนในธรรมชาติแบบอิสระ แนะนำให้ลองนั่งรถไฟชมวิวที่ผ่าน พื้นที่ชุ่มน้ำคุชิโระ (Kushiro Wetland) ได้แก่ SL Fuyu-no-Shitsugen Train จะให้บริการเฉพาะ เดือนมกราคมถึงกุมภาพันธ์ และ Kushiro Shitsugen Norokko Train เป็นขบวนรถไฟชมวิวแบบช้า ๆ เปิดให้บริการช่วง เดือนเมษายนถึงตุลาคม

    ชิเระโทะโกะ (Shiretoko)

    เดินบนธารน้ำแข็ง
    ใช้เวลาเดินทางจากคุชิโระ (Kushiro) ไปยัง ชิเระโทะโกะ (Shiretoko): ประมาณ 2.5 ชั่วโมง โดยรถไฟสาย JR Senmo Main Line
    ห้ามพลาดกิจกรรมฤดูหนาวสุดพิเศษที่หาได้เฉพาะในฮอกไกโดเท่านั้น! คุณจะได้สัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดกับ ธารน้ำแข็งลอย (Ryuhyo Drift Ice) แบบที่ไม่มีที่ไหนเหมือน เดินบนธารน้ำแข็งแบบเย็นสุดขั้วด้วยกิจกรรม Ice Walk หรือเลือกล่องเรือ Icebreaker ชมทิวทัศน์ธารน้ำแข็งที่กว้างไกลสุดสายตา

    พิเศษ! สนุกกับการเล่นสกีในฮอกไกโด (Hokkaido)

    รีสอร์ต Hoshino Resorts Tomamu
    Image credit: Niseko Tourism
    สัมผัสหิมะคุณภาพเยี่ยมของฮอกไกโดได้ที่ลานสกีชื่อดังหลายแห่ง เช่น นิเซโกะ (Niseko) ที่รีสอร์ต Hoshino Resorts Tomamu ก็มีไฮไลต์คือ หมู่บ้านน้ำแข็ง (Ice Village) ที่ไม่ควรพลาด และตั้งแต่ กลางเดือนพฤษภาคมถึงกลางตุลาคม ที่ Unkai Terrace ยังสามารถชมวิวทะเลหมอกอันตระการตาได้อีกด้วย ยิ่งถ้าคุณมีเด็กๆ ไปด้วย พวกเขาจะต้องชอบ Bibai Snow Land หรือ Chitose North Snow Land เพราะมีกิจกรรมหิมะให้เล่นมากมาย เช่น การเล่นห่วงยางบนหิมะ และการขับสโนว์โมบิล
    แต่ถ้าคุณไม่สะดวกพักค้างคืนที่รีสอร์ตสกี แนะนำให้ซื้อ บัตร Club Med Sahoro แบบ All-Inclusive ให้คุณได้ใช้บริการทุกโซนของรีสอร์ตและร่วมกิจกรรมต่างๆ ได้เต็มวัน รวมถึงคลาสเรียนสกีหรือสโนว์บอร์ดด้วย!
    อดใจไม่ไหวแล้วใช่ไหม? จะวางแผนเที่ยวเอง (D.I.Y.) หรือเลือกทัวร์ฮอกไกโดแบบครบจบก็ทำได้ที่นี่ตามคุณสะดวกเลย!

    สำรวจแผนเที่ยวฮอกไกโด (Hokkaido) ให้ครบทุกไฮไลต์กับ Klook ได้เลยตอนนี้!

    ลดเพิ่ม5%เมื่อจองผ่านแอปครั้งแรก

    Klook คืออะไร?

    Klook คือแพลตฟอร์มชั้นนำของเอเชียสำหรับการจองกิจกรรมและบริการท่องเที่ยวแบบครบวงจร เราคัดสรรประสบการณ์คุณภาพ ตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ทัวร์ท้องถิ่น การเดินทางภายในประเทศ ไปจนถึงที่พักหลากสไตล์ ครอบคลุมกว่า 3,400 จุดหมายทั่วโลก
    รองรับการใช้งานใน 15 ภาษา และสามารถชำระเงินได้มากกว่า 40 สกุลเงิน ผ่านช่องทางชำระที่หลากหลาย ทำให้การจองกับ Klook สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
    Klook ก่อตั้งในปี 2014 มีเป้าหมายเพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับนักเดินทางทุกคน ไม่ว่าคุณจะเที่ยวใกล้บ้านหรือออกเดินทางไกล Klook พร้อมพาคุณเชื่อมต่อกับโลกแห่งประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา

    🧡 ติดตาม Klook ได้ทาง

    more