• ไปยังแอป
  • เลือกจุดหมายปลายทาง
  • สวิตเซอร์แลนด์ แดนฝันในวันที่อากาศหนาว

    Klook Team
    Klook Team
    อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 2020
    photo 1527095655060 4026c4af2b25 1

    “ธรรมชาติมิใช่สถานที่ท่องเที่ยว หากแต่เป็นบ้านที่แท้จริงของเราต่างหาก”

    สวิตเซอร์แลนด์ ประเทศเล็ก ๆ ที่ก่อกำเนิดขึ้นจากผืนดินเขียวชอุ่มซึ่งอุดมสมบูรณ์ด้วยธรรมชาติอันงดงาม ทั้งป่าไม้, ทะเลสาบ, ลำธาร และที่สำคัญคือเทือกเขาแอลป์ที่พาดผ่านปกคลุมพื้นที่กว่า 70% ของประเทศ ทำให้ที่นี่กลายเป็นดินแดนในฝันที่เหล่านักเดินทางหลายคนต่างปักหมุดและต้องมาให้ได้สักครั้งหนึ่งในชีวิต
    ภาพของธรรมชาติที่แสนสงบ ดอกไม้ที่แต่งแต้มสีสันให้ทุ่งหญ้าสีเขียวขจี สายน้ำที่ค่อย ๆ ไหลไปตามแนวโขดหินอย่างไม่รีบร้อน และสายลมเย็น ๆ ที่พัดมาโอบกอดให้ต้นไม้ใบไม้มีชีวิตชีวายิ่งขึ้น ช่างดูแตกต่างกับวิถีชีวิตอันเร่งรีบของมนุษย์อย่างเรา ๆ เสียเหลือเกิน
    ความงามที่ไร้ซึ่งการปรุงแต่งบวกกับอากาศบริสุทธิ์ที่ดีต่อปอดและดีต่อใจ ทำให้บรรดานักผจญภัยและคนรักธรรมชาติต่างมุ่งหน้ามาชาร์จแบตเตอร์รี่ร่างกายให้เต็ม และจุดหมายปลายทางของเราในครั้งนี้ คือพื้นที่บริเวณ Swiss Alps
    พื้นที่โซน Swiss Alps มีลักษณะภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นเนินเขาและเทือกเขา บวกกับลมหนาวที่พัดมาจากทิศเหนือของเทือกเขาแอลป์ ทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีอากาศค่อนเย็น ยิ่งพื้นที่แถบทะเลสาบที่ได้รับความชื้นด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดถึง แต่ด้วยความหนาวเย็นนี่แหละที่ทำให้สวิตเซอร์แลนด์เป็นประเทศในฝันของเรา ยิ่งมาเจอกับอากาศประเทศไทย ยิ่งอยากแพ็กกระเป๋าหนีไปรับลมเย็น ๆ ที่สวิตเซอร์แลนด์ซะตั้งแต่ตอนนี้เลย

    ยูโทเปียบนโลกแห่งความจริง เมืองที่ผู้คนมีความสุขที่สุดในโลก

    ลองจินตนาการถึงเมืองอันงดงาม ที่บ้านพักอาศัยถูกโอบล้อมด้วยต้นไม้และสายน้ำ เพียงเปิดหน้าต่างคุณก็อาจจะได้พบกับวิวของภูเขาที่โผล่มาทักทาย เมืองที่คุณสามารถดื่มน้ำจากในน้ำพุ หรือต่อให้คุณไปปาร์ตี้กลับดึกแค่ไหนก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกปล้นจี้ ฉกชิง วิ่งราว เมืองปลอดอาชญากรรมในอุดมคติจะทำให้คุณมีความสุขที่สุดเท่าที่จะมีได้
    สถานที่ที่เรากำลังพูดถึง คือเมืองหลวงของประเทศสวิตเซอร์แลนด์อย่างเบิร์น (Bern) เมืองเก่าแก่ที่มีแม่น้ำอาเรอร์ล้อมรอบ 3 ด้าน เต็มไปด้วยอาคารบ้านเรือสไตล์ยุโรป เมืองเบิร์นเป็นเมืองใหญ่ที่มีความเจริญก้าวหน้าเป็นอย่างมาก แต่ความเจริญที่ย่างกรายเข้าไปในเมืองก็ไม่ได้ทำให้ความงดงามของธรรมชาติและวัฒนธรรมต่าง ๆ ลดลงเลย
    ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดที่นี่ถึงได้เป็นหนึ่งในดินแดนสุขาวดี ที่ผู้คนมีความสุขที่สุดในโลก ในเมืองอันแสนสงบแห่งนี้เต็มไปด้วยร้านค้า, ร้านอาหาร และร้านขายของที่ระลึกมากมาย และถึงแม้ว่าที่นี่จะเป็นเมืองเก่า แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวสำหรับนักท่องราตรีเปิดให้บริการ สำหรับใครที่ชอบดื่มเบียร์อย่าพลาดที่จะแวะไปยังร้าน Altes Tramdepot เพราะเบียร์เขาดีจริง สำหรับเราเบิร์นจึงให้ความรู้สึกเหมือนเด็กเนิร์ดที่แอบซ่อนความร้ายกาจไว้ภายใน
    แต่จุดที่เป็นไฮไลท์ของเมืองคือบริเวณหอนาฬิกาดาราศาสตร์ Zytglogge หอนาฬิกาที่ดูสลับซับซ้อนสมกับเป็นเมืองผลิตกลไกนาฬิการะดับโลก โดยทุก ๆ 5 นาทีก่อนนาฬิกาจะตีครบชั่วโมง จะมีตุ๊กตารูปสัตว์โผล่ออกมาเต้นระบำเป็นวงกลมให้นักท่องเที่ยวได้เก็บภาพ หากใครพลาดก็ต้องรอไปอีกชั่วโมงนะ

    จะเป็นอย่างไรเมื่อมีเพื่อนบ้านเป็นหมี

    คำว่า Bern มีรากศัพท์มาจากคำว่า “Baren” ในภาษาเยอรมันซึ่งมีความหมายว่าหมี แต่เบื้องหลังความเป็นมาที่ทำให้หมีกลายมาเป็นสัตว์มาสคอตประจำเมืองนั้น ไม่ได้น่ารักมุ้งมิ้งอย่างที่ใคร ๆ คิด

    Source: Wikimedia Commons

    สาเหตุที่หมีได้รับเลือกให้เป็นสัญลักษณ์ประจำเมือง มีที่มาจากการที่อดีตผู้ครองเมืองได้ตั้งปณิธานเอาไว้ว่า จะนำชื่อของสัตว์ชนิดแรกที่ล่าได้มาตั้งเป็นชื่อเมือง ซึ่งก็ถือเป็นโชคดี (หรือโชคร้ายกันแน่นะ) ของเจ้าหมี ที่สุดท้ายแล้วได้รับเลือกและกลายเป็นเป็นชื่อเมืองเบิร์นในที่สุด
    สวนหมี หรือ บ่อหมี (Barengraben) เป็นบ่อปูนขนาดใหญ่ที่สร้างขึ้นให้เป็นบ้านของหมีตัวเป็น ๆ อยู่ติดกับริมแม่น้ำอาเรอร์ เท่าที่เห็นเจ้าหมีที่นี่ก็มีสุขภาพดีอ้วนท้วนสมบูรณ์กันทุกตัว เพราะถูกเลี้ยงไว้แบบอิสระ จะเดินไปไหนมาไหนก็ได้ แถมออกจะทำตัวติสท์ ๆ กันเสียด้วยซ้ำ

    Source: Wikimedia Commons

    ไม่ใช่ทุกคนที่จะมีโอกาสได้พบกับเจ้าหมีขนปุยเหล่านี้ เพราะพวกมันชอบแอบมุดรูตรงกำแพง หนีไปโผล่ริมแม่น้ำเพื่อปลีกวิเวก และนั่งชิลเหม่อมองท้องฟ้า หลบให้พ้นจากเหล่ามนุษย์แฟนคลับที่มาตามตอแยราวกับว่าตัวเองเป็นไอดอลเกาหลี
    ป.ล. คุณสามารถถ่ายภาพกับรูปปั้นหมีในบ่อได้ หากไม่ได้พบกับน้องตัวจริงก็ไม่ต้องเสียใจนะ

    ทะเลสาบลูเซิร์น กระจกบานใหญ่ที่สะท้อนความสมบูรณ์แบบของสวิตเซอร์แลนด์

    “ถ้าเบิร์นคือหัว ซูริคกับเจนีวาคือแขนซ้ายขวา ลูเซิร์นนี่แหละคือหัวใจของสวิตเซอร์แลนด์”
    ภาพของผืนน้ำสีฟ้าใส ที่ส่องประกายระยิบระยับยามตกกระทบกับแสงแดดของทะเลสาบลูเซิร์น เป็นเหมือนกระจกบานใหญ่ที่ส่องสะท้อนภาพความงดงามของอาคารบ้านเรือนและธรรมชาติอันงดงาม ณ เมืองที่เป็นหัวใจหล่อเลี้ยงประเทศสวิตเซอร์แลนด์แห่งนี้
    ทะเลสาบลูเซิร์นหรือทะเลสาบสี่แคว้นแดนป่าไม้ (Lake of the four forest cantons) ตั้งอยู่ในใจกลางเมืองลูเซิร์น ถูกโอบกอดด้วยเทือกเขาอันงดงาม เป็นสถานที่อันแสนเพอร์เฟกต์สำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการล่องเรือชมเมือง
    โดยเส้นทางเดินเรือก็มีให้เลือกมากมาย แต่ที่เราอยากแนะนำคือเส้นทาง Luzern – Hergiswil – Alpnachstad จุดหมายปลายทางที่คุณสามารถนั่งรถไฟล้อเฟืองที่ถูกจัดอันดับให้เป็นรถไฟฟันเฟืองสายที่มีความชันที่สุดในโลกเพื่อขึ้นไปยังเขาพิลาทุส และเส้นทาง Luzern – Weggis – Vitznau ที่จะเปิดโอกาสให้คุณได้นั่งกระเช้าลอยฟ้าไปไล่จับก้อนเมฆบนภูเขาริกิ
    ระหว่างล่องเรือคุณอาจจะสังเกตได้ว่า สีของน้ำในทะเลสาบลูเซิร์นจะแตกต่างกันไปตามพื้นที่ บางจุดเป็นสีฟ้าใส บางจุดเป็นสีฟ้าอมเขียวเหมือนมีใครเอาน้ำยาบ้วนปากลิสเตอรีนเทลงไป นั่นก็เป็นเพราะแร่ธาตุที่มีอยู่ในแต่ละพื้นที่มีไม่เท่ากัน ใครชอบแบบไหนก็เลือกถ่ายรูปได้ตามใจต้องการ

    สวิสเซอร์แลนด์มีรสชาติแบบไหนกันแน่

    Source: Wikimedia Commons

    มีคนเคยกล่าวไว้ หากต้องการทำความรู้จักกับประเทศใดประเทศหนึ่ง “อาหาร” นี่แหละ ที่เป็นหนังสือคู่มือชั้นยอดที่ช่วยให้เราเรียนรู้เกี่ยวกับประเทศนั้น ๆ ได้ดียิ่งขึ้น เราจึงภูมิใจนำเสนอร้านอาหารในตำนานที่หลายคนคงคุ้นชื่ออย่างร้าน Old Swiss House ร้านอาหารสวิสต้นตำรับ ที่ไม่ได้มีดีแค่ร้านสวยเท่านั้น
    ร้าน Old Swiss House ตั้งอยู่ในเมืองลูเซิร์น มีอายุเก่าแก่ถึง 160 ปีสมกับชื่อร้าน แต่ความแก่แต่เก๋านี้เองทำให้ทุกเมนูในร้าน เปี่ยมไปด้วยรสชาติแบบดั้งเดิมที่หาทานไม่ได้ง่าย ๆ ใครที่อยากลองชิมรสชาติของสวิตเซอร์แลนด์ ก็สามารถแวะมาได้ทุกวัน ยกเว้นวันจันทร์
    เมนูแนะนำของที่นี่ก็มีมากมาย อยากจะแนะนำทุกเมนู แต่ที่เราชอบที่สุดคือ Famous Chocolate Mousse ช็อกโกแลตมูสรสชาติเข้มข้นถึงใจ เสิร์ฟพร้อมวิปครีมเบา ๆ ช่วยปิดท้ายมื้ออาหารสุดเพอร์เฟกต์ได้เป็นอย่างดี
    เราเชื่อว่าการทำความรู้จักกับตัวตนของประเทศหนึ่ง ๆ ก็เหมือนกับการทานของหวาน เห็นหน้าตาน่ารับประทาน สีสันสดใส แต่เราไม่รู้เลยว่าด้านในมีรสชาติอย่างไรจนกว่าจะได้ลองชิม สำหรับสวิตเซอร์แลนด์ สามารถบอกได้เลยว่า ทั้งรสชาติและหน้าตา ไม่มีสิ่งไหนที่ทำให้เราผิดหวังเลย

    เข้าเฝ้าราชินีแห่งขุนเขาที่ริกิ

    แฟนพันธุ์แท้สวิตเซอร์แลนด์คงไม่มีใครไม่รู้จักยอดเขาริกิ ราชินีแท่งเทือกเขา จุดชมทิวทัศน์ที่งดงามที่สุดบนเทือกเขาแอลป์
    อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่าหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ยอดเขาริกิเป็นที่รู้จักกันในหมู่คนไทยยิ่งกว่าเดิม คือตอนที่ยอดเขาริกิไปปรากฏอยู่ในฉากของละคร “อย่าลืมฉัน” ที่ลงทุนยกกองมาถ่ายทำกันถึงบนยอดเขาแห่งนี้ ทำให้แฟนละครต่างพร้อมใจเดินทางมาตามรอยพี่ติ๊กพี่แอนกันเป็นแถว
    บรรดาผู้พิชิตยอดเขาสามารถดื่มด่ำกับทิวทัศน์ของเมืองลูเซิร์นและเทือกเขาแอลป์จากบนความสูงประมาณ 1,800 เมตรเหนือพื้นดิน ซึ่งในบางครั้งอาจจะมีทัศนียภาพของทะเลเมฆสีขาวเหมือนปุยนุ่นให้คุณได้ชม แต่ถ้าเผลอเอนกายล้มตัวนอนลงไปในทะเลเมฆเข้าล่ะก็ รับรองว่าได้นอนหลับยาวแน่ ๆ
    แต่สำหรับเรา สิ่งที่ทำให้เราประทับใจที่สุดของภูเขาริกิ กลับไม่ใช่ความรู้สึกของผู้ชนะที่สามารถขึ้นไปยืนบนจุดสูงสุดนั้น แต่เป็นเส้นทางการเดินทางที่แสนระทึก ไม่ว่าจะเป็นการนั่งกระเช้าลอยฟ้าสุดหวาดเสียว หรือการใช้บริการรถไฟไต่เขาที่มีความเก่าแก่ที่สุดในยุโรป เพราะการเดินทางที่ยากลำบาก ยิ่งทำให้รสชาติของความสำเร็จนั้นอร่อยยิ่งกว่าเดิม

    ทิตลิส ยอดเขาที่ทำให้เรากอดกันแน่นขึ้น

    มุ่งหน้าไปยังยอดเขาที่ปกคลุมด้วยหิมะสีขาวโพลนตลอดทั้งปี อย่างยอดเขาทิตลิส 1 ใน 4 ยอดเขาที่เหล่านักผจญภัยต่างต้องการเดินทางมาพิชิตให้ได้สักครั้ง
    ยอดเขาทิตลิสตั้งอยู่ในเอ็งเงิลแบร์ค เมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ติดกับเทือกเขาแอลป์ โดยนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมายังยอดเขาทิตลิสได้ในทุกฤดู และสนุกสนานกับกิจกรรมท่ามกลางหิมะหนาว ๆ ได้ไม่เว้นแม้แต่ในฤดูร้อน ราวกับอยู่ในอาณาจักรแห่งเอเรนเดลล์ในการ์ตูนเรื่อง Frozen
    ที่นี่มีกิจกรรมให้เราได้เข้าร่วมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นการนั่งกระเช้า Titlis Rotair กระเช้าแบบหมุนได้ซึ่งเป็นไฮไลท์ของที่นี่ เพราะคุณสามารถถ่ายภาพทิวทัศน์ได้แบบ 360 องศา หรือจะนั่งห้อยขาบนกระเช้าแบบเปิด Ice Flyer เพื่อสัมผัสกับลมหนาวที่จะทำให้คุณกอดคนข้าง ๆ แน่นขึ้น
    หากใครอยากเดินเล่นบนธารน้ำแข็งก็สามารถไปยังถ้ำกลาเซียร์ ธารน้ำแข็งของจริง ล้มจริง เจ็บจริง หรือจะไปเดินเล่นบนสะพานแขวนวอร์คคลิฟฟ์ สะพานแขวนที่สูงที่สุดในยุโรปก็ได้
    นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีบริการให้เช่าชุดประชำชาติสวิตเซอร์แลนด์ให้ถ่ายภาพ และยังมีกิจกรรมสนุก ๆ อย่างการเล่นสกี หรือการเล่นเลื่อนหิมะ เสียงหัวเราะ และภาพของนักท่องเที่ยวที่กำลังเพลิดเพลินกับกิจกรรมต่าง ๆ ทำให้เรารู้สึกถึงความอบอุ่นที่ก่อตัวขึ้นภายในอ้อมกอดอันหนาวเย็นของดินแดนหิมะนิรันดร์แห่งนี้

    ปีนหลังคาแห่งยุโรป พิชิตยอดเขาจุงเฟรา

    จุงเฟรา คือชื่อของยอดเขาที่สูงมีความสูงกว่า 4,000 เมตร ซึ่งถือว่าเป็นยอดเขาสูงที่สุดในยุโรป เป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่ Must go แบบสุด ๆ โดยคำว่าจุงเฟรา มีความหมายว่า “สาวน้อย” ที่บอกเลยว่าแม่สาวน้อยคนนี้ สวยไม่น้อยเลยทีเดียว
    ความเนื้อหอมของยอดเขาสาวน้อยทำให้ในแต่ละปีมีนักท่องเที่ยวเดินทางมาเยี่ยมเยือนอย่างไม่ขาดสาย เรียกได้ว่าหัวกระไดไม่แห้ง นอกจากความงดงามที่หาตัวจับยากแล้ว บนยอดเขาแห่งนี้ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวมากมายรอให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัส
    สิ่งที่เราประทับใจที่สุดคือการนั่งรถไฟสายด่วนที่ช้าที่สุดในโลก (ฟังดูย้อนแย้งยังไงไม่รู้) อย่างรถไฟกลาเซียร์ เอ็กซ์เพรส พร้อมชมทิวทัศน์ระหว่างทางยิ่งในฤดูใบไม้ผลิที่วิวของทุ่งหญ้าและเทือกเขาหิมะทั้งสองฝั่งช่างแตกต่างกันคนละขั้ว
    เท่านั้นยังไม่พอเพราะบนยอดเขายังมีจุดไฮไลท์ ที่เป็นเหมือนแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยวอีกมากมาย ทั้งอาคารสังเกตการณ์ Sphinx ให้ชมวิวได้อย่างจุใจแบบ 360 องศา, จุดถ่ายรูปคู่กับธงชาติสวิตเซอร์แลนด์บริเวณลานหิมะกลางแจ้ง, Alpine Sensation ที่ด้านในตกแต่งเป็นโดม ประดับด้วยดอกไม้สีเหลือง ให้บรรยากาศเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในเทพนิยาย และวังน้ำแข็ง Ice Palace ที่หนาวจับใจ ถ้าอันนามาชวน “ปั้นมนุษย์หิมะด้วยกันไหม” คงต้องใจแข็งและส่ายหน้าใส่รัว ๆ

    กรินเดลวัลด์ที่ไม่ได้เป็นพ่อมด แต่กลับเปี่ยมไปด้วยมนต์ขลัง

    หากพูดชื่อ “กรินเดลวัลด์” เราเชื่อว่าหลายคนคงนึกถึงพ่อมดศาสตร์มืดจากภาพยนตร์แฟนตาซีอันโด่งดังอย่าง Harry Potter และ Fantastic Beasts อย่างแน่นอน แต่กรินเดลวัลด์ที่เรากำลังจะพูดถึงนี้ ไม่ได้มีความเกี่ยวข้องใด ๆ กับภาพยนตร์ หากแต่เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่ห้อมล้อมด้วยเทือกเขาสูงตระหง่านรอบด้าน
    โดยความพิเศษของเมืองกรินเดลวัลด์นอกจากความสวยงามแล้ว ยังมีลักษณะภูมิประเทศโดยรอบที่หลากหลาย ทั้งเทือกเขา, ธารน้ำแข็ง, น้ำตก อีกทั้งยังเป็นเมืองศูนย์กลางที่เชื่อมต่อกับสถานที่ท่องเที่ยวต่าง ๆ อีกมากมาย
    การเดินทางไปยังกรินเดลวัลด์ก็ง่ายดายเพราะสามารถนั่งรถไฟไปลงที่สถานี Grindelwald ได้เลย ระหว่างทางก็จะได้พบกับทะเลสาบสีฟ้าเหมือนเหยาะสีผสมอาหาร เห็นว่าช่วงหลัง ๆ มานี้มีนักท่องเที่ยวมาเช็คอินที่กรินเดลวัลด์กันเยอะ โดยเฉพาะช่วงฤดูหนาวที่หิมะตกโปรยปราย ตัดกับฉากหลังของภูเขาที่ยิ่งใหญ่และอยู่ใกล้มากจนเหมือนจะเอื้อมแตะได้ สวยขนาดไหนคงไม่ต้องพูดเยอะ เจ็บคอ

    ทะเลสาบปลาวาฬพ้นน้ำ ณ เมืองหลวงของโลก

    เจนีวา เป็นเมืองที่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ไม่น้อยไปกว่าขนาดของเมือง ด้วยฉายา “เมืองหลวงของโลก” ที่ไม่ได้มาแบบไก่กา เพราะนครเจนีวาแห่งนี้เป็นที่ตั้งขององค์กรระหว่างประเทศที่มีความสำคัญมากมาย รวมถึงหน่วยงานของสหประชาชาติและกาชาดสากล ทำให้เมื่อพูดถึงเจนีวา เรามักจะนึกถึงชายที่มีมาดเคร่งขรึม แต่อีกด้านก็ซ่อนเร้นไว้ด้วยความอ่อนโยนของธรรมชาติที่แฝงอยู่ในเมือง
    หากมาถึงเจนีวา แลนด์มาร์คที่ต้องไปให้ได้คงหนีไม่พ้นทะเลสาบเจนีวา ทะเลสาบสีฟ้าใสที่มีน้ำพุพวยพุ่งขึ้นไปบนฟากฟ้าราวกับปลาวาฬที่กำลังเกรี้ยวกราด น้ำพุที่ว่านี้มีชื่อว่าน้ำพุแฌโด ที่หลาย ๆ คนเรียกว่าน้ำพุเจ็ทโด้ เป็นน้ำพุจรวดที่พุ่งทะยานขึ้นไปบนความสูงถึง 140 เมตรจากผืนน้ำ
    นอกเหนือจากน้ำพุแฌโดแล้ว คุณยังสามารถเดินทางไปชมปราสาทชิยอง Chateau de Chillon ปราสาทยุคกลางที่ตั้งอยู่กลางทะเลสาบเจนีวา รวมถึงแม่น้ำโรน และ แม่น้ำอาร์ฟ ที่ไหลมาบรรจบกันจนเกิดเป็นแม่น้ำสองสี นี่คือปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่ชวนทึ่งโดยไม่ต้องพึ่ง Photoshop แม้แต่น้อย

    ภูเขาที่อร่อยที่สุดในโลก

    ใช่แล้วอ่านไม่ผิดหรอก เพราะเรากำลังพูดถึงภูเขาแมทเทอร์ฮอร์น ภูเขารูปทรงพีรามิดที่ตั้งอยู่ในพื้นที่เมืองเซอร์แมท โดยชื่อแมทเทอร์ฮอร์นก็มาจากคำว่า Horn ที่แปลว่าเขาสัตว์ เป็นคำที่คนนิยมใช้เรียกตรงส่วนบริเวณยอดแหลมของพีรามิดขนาดยักษ์นี้นั่นเอง
    ภูเขาแห่งนี้มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่องของความงดงาม จนถูกใช้เป็นเครื่องหมายการค้าของลูกอมริกัวล่าร์, พาราเม้าท์ พิกเจอร์ และช็อกโกแลตแสนอร่อยอย่าง Toblerone
    เกร็ดน่ารู้: หากสังเกตดี ๆ จะเห็นว่าบนโลโก้ของช็อกโกแลต Toblerone นอกจากจะมีรูปภูเขาแล้ว ยังมีรูปหมีที่ซ่อนอยู่ในภูเขาอีกที เดาไม่ยากเลยใช่ไหม ถูกต้อง ช็อกโกแลตขวัญใจของใครหลาย ๆ คนยี่ห้อนี้ มีต้นกำเนิดที่เมืองเบิร์นนั่นเอง
    ภูเขาแมทเทอร์ฮอร์นแห่งนี้ถูกปกคลุมด้วยหิมะสีขาวตลอดทั้งปี เหมือนกับช็อกโกแลตที่โรยหน้าด้วยน้ำตาลไอซิง หากใครอยากชมวิวของยอดเขาก็สามารถเดินทางมาได้ตลอดทั้งปี เนื่องจากความสูงกว่า 4,000 เมตรของยอดเขา คุณจึงสามารถเพลิดเพลินกับทิวทัศน์ของยอดเขาอื่น ๆ โดยรอบได้อย่างไม่มีอะไรมาบดบัง

    ละลายความหนาวด้วยน้ำแร่อุ่น ๆ จากธรรมชาติ

    สวิตเซอร์แลนด์ถือว่าเป็นประเทศดินแดนแห่งการทำสปา ที่สืบทอดกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ จนพัฒนาก้าวไกลจนโกอินเตอร์ไปในระดับโลก แต่ถ้าพูดถึงการทำสปา สถานที่แรกที่เรานึกถึงคือเมืองเล็ก ๆ อย่างเลคเกอร์บาด
    เมืองเลคเกอร์บาดห้อมล้อมด้วยทัศนียภาพของเทือกเขา Valais Alps เป็นเมืองที่มีน้ำแร่จากธรรมชาติ อีกทั้งยังเต็มไปด้วยสปาชั้นนำมากมาย คุณจึงสามารถหย่อนกายลงในน้ำอุ่น ๆ ซึ่งอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่มีคุณประโยชน์ พร้อมชมวิวสวย ๆ ได้ในเวลาเดียวกัน หรือจะไปขัดผิว, นวดตัว และอบซาวน่า ก็สามารถทำได้ตามใจชอบ

    Source: Hotel Villa Honegg

    สปาที่เราอยากแนะนำคือสปาที่โรงแรม Hotel Villa Honegg หนึ่งในโรงแรมที่งดงามที่สุดในโลก (จัดอันดับโดย HUH Magazine) ซึ่งมาพร้อมวิวสวยชวนตะลึง ให้คุณได้แช่น้ำในสระพร้อมชมวิวทะเลสาบลูเซิร์นแบบชัดแจ๋ว

    บอกลาความยุ่งยากด้วยบัตร Swiss Pass

    หนึ่งในสิ่งที่จำเป็นสำหรับทริปท่องเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์ ที่หากไม่มีบอกเลยว่าการเดินทางของคุณอาจจะต้องสะดุด และสิ่งนั้นก็คือบัตรโดยสาร Swiss Pass ตัวช่วยสุดพิเศษที่สามารถใช้งานได้แบบเอนกประสงค์รอบด้าน ไม่ว่าจะเดินทางโดยรถไฟ, รถบัส หรือเรือ เพียงมีบัตร Swiss Pass ก็เหมือนมีประตูวิเศษของโดราเอม่อนอยู่กับตัว!

    ประโยชน์ของบัตรโดยสาร Swiss Pass

    • ครอบคลุมเส้นทางการเดินทางกว่า 90 เมือง ทั้งโดยรถไฟ, รถบัส และเรือ
    • สามารถใช้บริการรถไฟชมวิวพรีเมี่ยม พาโนราม่าได้ฟรี ซึ่งรวมถึงรถไฟกลาเซียร์เอ็กซ์เพรส, โกลเด้นพาส, เบอร์นิน่า และก็อทฮาร์ทพาโนราม่าเอ็กซ์เพรส
    • สามารถใช้บริการรถไฟไต่เขาที่ชิลธอร์น, ริกิ, ชทานเซฮร์ฮอร์นได้ฟรี
    • รับส่วนลด 50% สำหรับการใช้บริการรถไฟไต่เขาที่พิลาทุส, ทิตลิสกลาเซียร์ 3000 และกอร์เนอร์กราต
    • รับส่วนลด 25% สำหรับการใช้บริการรถไฟไต่เขาที่จุงเฟรา
    • รับสิทธิพิเศษอื่น ๆ อีกมากมาย อาทิ การเข้าชมพิพิธภัณฑ์และนิทรรศการฟรีกว่า 500 แห่ง รวมถึงพิพิธภัณท์สมาคมฟุตบอลโลกฟีฟ่าอันโด่งดัง
    • บัตร Swiss Pass มีให้เลือกทั้งแบบใช้ติดต่อกันและบัตรแบบยืดหยุ่นสำหรับผู้ที่ไม่ต้องการเดินทางติดต่อกัน
    พิเศษไปกว่านั้นบัตร Swiss Pass ยังมีให้บริการในรูปแบบของบัตร E-Ticket และบัตรแข็ง หากคุณทำการจองบัตรแบบ E-Ticket ผ่าน Klook คุณไม่จำเป็นต้องรอรับบัตรโดยสารให้มาส่งผ่านระบบไปรษณีย์ให้ยุ่งยาก เพราะคุณสามารถปริ้นท์บัตรโดยสารใส่กระดาษไปได้เอง
    หรือหากคุณจองบัตร Swiss Pass แบบยืดหยุ่นที่ต้องรอให้ทางไปรษณีย์นำบัตรมาจัดส่งให้ นอกจากคุณจะได้รับบัตรแข็งที่มีลวดลายสวยงามแล้ว คุณยังจะได้รับของสมนาคุณสุดพิเศษ ประกอบด้วยกระเป๋าผ้า, ปลั๊กเดินทาง, หมอนรองคอ และปากกา (รายการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้)
    อาจกล่าวได้ว่าบัตรโดยสาร Swiss Pass เป็นหนึ่งในปัจจัยที่มีความสำคัญมาก ๆ สำหรับผู้ที่วางแผนจะเดินทางไปยังประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หากคุณกำลังจะจองบัตร Swiss Pass อย่าลังเลที่จะกดปุ่มจองผ่าน Klook เพราะนอกจากความสะดวกสบาย และของแถมสุดคูลที่คุณจะได้รับแล้ว Klook ยังเป็นพันธมิตรอย่างเป็นทางการกับบริษัทรถไฟในเครือ EuropeRail ดังนั้นคุณจึงมั่นใจได้ว่าการเดินทางในครั้งนี้ของคุณจะเต็มไปด้วยความราบรื่นไม่มีสะดุดอย่างแน่นอน
    การเดินทางขึ้นไปพิชิตยอดเขาอันหนาวเหน็บและสูงชันในประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งในอดีตก่อนที่จะมีการสร้างทางรถไฟไต่เขายิ่งแล้วใหญ่ ดังนั้นไม้หมอนรถไฟแต่ละท่อน ที่ถูกวางเรียงเป็นเส้นเพื่อปูทางไปสู่ความงดงามด้านบน ต่างก็มีเรื่องราวและมนต์เสน่ห์ในตัวเอง นอกจากจะช่วยอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวรุ่นหลังแล้ว ยังเป็นร่องรอยของความสนุกที่เหล่านักเดินทางต้องมาสัมผัสให้ได้ด้วยตัวเองสักครั้งในชีวิต และมาปิดสวิตช์ความเหนื่อล้าได้ที่นี่ สวิตเซอร์แลนด์