คู่มือท่องเที่ยวฉงชิ่งแบบครบครัน
กำลังวางแผนเที่ยวฉงชิ่ง แต่ไม่รู้จะเริ่มตรงไหนใช่ไหม? เมืองนี้มักถูกขนานนามว่า 'Little Hong Kong' เพราะภูมิประเทศและเมืองที่ซับซ้อนไม่เหมือนใคร เต็มไปด้วยที่เที่ยว ที่กิน และกิจกรรมสุดมันส์! มาดูไฮไลต์สถานที่ท่องเที่ยวที่ห้ามพลาด พร้อมข้อมูลที่ควรรู้ก่อนเดินทาง และลิสต์กิจกรรมเด็ด 15 อย่างที่คุณควรใส่ไว้ในแพลนเที่ยวฉงชิ่งของคุณ ตั้งแต่วิวแม่น้ำสุดอลัง ไปจนถึงแหล่งวัฒนธรรมเก่าแก่ เดี๋ยวเรามาดูกันว่าทำไมฉงชิ่งถึงเป็นหนึ่งในเมืองที่ไม่เหมือนใครในจีนอย่างแท้จริง
รู้จักเมืองฉงชิ่งให้มากขึ้น
ฉงชิ่งเป็นมหานครใหญ่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของจีน โด่งดังเรื่องประวัติศาสตร์อันยาวนาน วัฒนธรรมเข้มข้น และธรรมชาติที่น่าทึ่ง ตั้งอยู่บริเวณที่แม่น้ำแยงซีไหลมาบรรจบกับแม่น้ำเจียหลิง เมืองนี้ยังเป็นจุดเริ่มต้นยอดนิยมของการล่องเรือแม่น้ำแยงซี และเป็นประตูสู่เส้นทางธรรมชาติสามช่องเขา (Three Gorges) อันสวยงาม มีประชากรกว่า 30 ล้านคน ทำให้ฉงชิ่งเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมที่สำคัญของจีนฝั่งตะวันตก
แม้จะมีประวัติศาสตร์ยาวนาน แต่ฉงชิ่งในปัจจุบันก็เป็นเมืองสมัยใหม่ที่เต็มไปด้วยตึกระฟ้า เศรษฐกิจเฟื่องฟู และสถาปัตยกรรมผสมผสานทั้งเก่าและใหม่ นักท่องเที่ยวสามารถเรียนรู้วัฒนธรรมของที่นี่ได้ผ่านพิพิธภัณฑ์ แกลเลอรี และสถานที่สำคัญต่าง ๆ เช่น พิพิธภัณฑ์ Three Gorges, พิพิธภัณฑ์ Chongqing และกลุ่มหินแกะสลัก Dazu ซึ่งเป็นมรดกโลกของยูเนสโก สถานที่เหล่านี้สะท้อนถึงความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ และการพัฒนาเชิงวัฒนธรรมของเมืองอย่างชัดเจน
ฉงชิ่งโด่งดังเรื่องอะไร?
สายชอบรสจัดต้องไม่พลาด! ฉงชิ่งขึ้นชื่อเรื่องอาหารที่เผ็ดร้อนและชาลิ้น หรือที่เรียกว่า 'หมาล่า' ไม่ว่าจะมาในรูปแบบหม้อไฟหรืออาหารผัดแห้ง (หมาล่าเซียงกัว) ก็อร่อยลืม!
นอกจากเรื่องอาหาร เมืองนี้ยังโด่งดังเรื่องภูมิประเทศที่แปลกตา จนได้รับฉายาว่า 'Little Hong Kong' และ 'เมืองภูเขา' ด้วยความสูงต่ำซับซ้อนของพื้นที่ที่ก่อให้เกิดวิวเมืองหลายมิติ จนบางคนเรียกที่นี่ว่า “เมืองเวทมนตร์ 8 มิติ” (8D Magic City) โดยเฉพาะในยามค่ำคืนที่แสงไฟจากตึกและสะพานสะท้อนแม่น้ำได้สวยงาม จุดชมวิวอย่างถ้ำหงหย่า (Hongya Cave) และกระเช้าข้ามแม่น้ำแยงซี (Yangtze River Cableway) คือสองไฮไลต์ที่ห้ามพลาด
ฉงชิ่งยังเป็นจุดเริ่มต้นยอดนิยมของการล่องเรือชมความงามของช่องเขาทั้งสาม พร้อมด้วยสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์อย่างกลุ่มหินแกะสลัก Dazu และบรรยากาศยามค่ำคืนสุดคึกคักที่เพิ่มเสน่ห์ให้เมืองนี้กลายเป็นหมุดหมายห้ามพลาดของนักเดินทางจากทั่วโลก
การเดินทางไปฉงชิ่ง
Image credit: China Airline
การเดินทางมายังฉงชิ่งทำได้สะดวกสบาย ด้วยสนามบินนานาชาติ และเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงที่ครอบคลุมทั่วประเทศ อีกหนึ่งไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดคือการล่องเรือชมวิวแม่น้ำแยงซี ไม่ว่าจะใช้เป็นจุดเริ่มต้นหรือปิดท้ายทริปก็ประทับใจแน่นอน
ใจกลางเมืองฉงชิ่งสามารถเดินทางได้ในเวลาเพียง 30 นาทีถึง 1 ชั่วโมงโดยรถแท็กซี่หรือรถไฟฟ้า เมืองนี้มีสถานีรถไฟใหญ่ 4 แห่ง ให้บริการรถไฟความเร็วสูงกว่า 400 เที่ยวต่อวัน เชื่อมต่อกับเมืองใหญ่อย่างปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเฉิงตู เหมาะสำหรับใครที่ชอบเดินทางด้วยรถไฟ
ในเมืองเองก็มีระบบรถไฟฟ้าใต้ดินที่ทันสมัย และรถไฟลอยฟ้าที่ขึ้นชื่อว่ามีวิวเมืองสุดพิเศษ อย่าลืมแวะชมกลุ่มหินแกะสลัก Dazu และถ้ำหงหย่าในช่วงกลางคืน
ไปเที่ยวฉงชิ่งช่วงไหนดี?
ช่วงกลางเดือนกันยายนถึงกลางเดือนมิถุนายนคือช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการเที่ยวฉงชิ่ง อากาศสบาย เดินเที่ยวได้แบบชิล ๆ โดยเฉพาะช่วงเดือนเมษายนถึงเดือนพฤษภาคม และปลายเดือนตุลาคมถึงกลางเดือนธันวาคม ที่คุณจะได้สัมผัสทั้งดอกไม้ผลิบาน และสีสันของใบไม้เปลี่ยนสีริมแม่น้ำแยงซี
หากไม่อยากเจอคนเยอะ ควรหลีกเลี่ยงช่วงวันหยุดราชการใหญ่ของจีน รวมถึงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคมที่ตรงกับช่วงปิดเทอมหน้าร้อน ถ้าอยากประหยัด แนะนำให้มาเที่ยวช่วงโลว์ซีซั่นระหว่างเดือนพฤศจิกายนถึงมกราคม เพราะค่าตั๋วเข้าชมสถานที่ต่าง ๆ มักจะถูกลงด้วย
พักที่ไหนในฉงชิ่ง?
New World Chongqing Hotel
การเลือกที่พักในฉงชิ่งสามารถช่วยยกระดับทริปของคุณได้แบบสุด ๆ ถ้าใครมีแผนล่องเรือแม่น้ำแยงซี แนะนำให้พักแถวเจี๋ยฟางเป่ย (Jiefangbei CBD) เพราะอยู่ใกล้ท่าเรือ Chaotianmen เดินทางสะดวก แถมย่านนี้ยังรวมที่พัก ร้านอาหาร และแหล่งช้อปปิ้งไว้ครบจบในที่เดียว
อีกย่านที่น่าพักคือ Yuzhong ซึ่งใกล้สถานที่ยอดนิยมอย่างพิพิธภัณฑ์ Three Gorges และสวน E’ling เดินทางไปไหนก็สะดวกด้วยรถไฟใต้ดินหรือรถบัส
ถ้าอยากได้บรรยากาศโรแมนติกยามค่ำคืน แนะนำเขตหนานอาน (Nan’an) ที่ขึ้นชื่อเรื่องวิวแม่น้ำแสนสวย และยังเป็นจุดต่อไปสู่อุทยานหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ (Three Natural Bridges) ได้สะดวกอีกด้วย
วางแผนให้พร้อม แล้วจองที่พักดี ๆ ไว้ล่วงหน้า จะได้เที่ยวฉงชิ่งแบบไม่สะดุด!
รวมกิจกรรมและที่เที่ยวห้ามพลาดในฉงชิ่ง!
1. ล่องเรือแม่น้ำแยงซี (Yangtze River Cruise)
เริ่มต้นทริปด้วยการล่องเรือแม่น้ำแยงซี เพลิดเพลินกับทัศนียภาพอันน่าทึ่งของเจดีย์โบราณ ยอดเขาที่มีหมอกปกคลุม และเขื่อนสามหุบเขา (Three Little Gorges) อันโด่งดัง ทริปนี้เป็นการผสมผสานระหว่างความงามของธรรมชาติและประวัติศาสตร์ที่คุณไม่ควรพลาด!
2. ชมประติมากรรมหินต้าจู๋ (Dazu Rock Carvings)
สายวัฒนธรรมไม่ควรพลาดชมประติมากรรมหินต้าจู๋ มรดกโลกของยูเนสโกที่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองฉงชิ่งประมาณ 100 กิโลเมตร ที่นี่รวบรวมงานแกะสลักพระพุทธรูปกว่า 50,000 ชิ้น ซึ่งสะท้อนอิทธิพลทางศาสนาหลายแขนง ทั้งพุทธ เต๋า และขงจื๊อ รายละเอียดและความหลากหลายของงานแกะสลักนั้นน่าทึ่งจนต้องหยุดชมอย่างตั้งใจ
นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักใช้เวลาราว 3–6 ชั่วโมงในการเดินชม พร้อมดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์และคุณค่าทางศิลปะของสถานที่แห่งนี้ เปิดให้เข้าชมตลอดทั้งปี เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าใจรากวัฒนธรรมและจิตวิญญาณของจีนอย่างลึกซึ้ง
3. สวนสัตว์ฉงชิ่ง (Chongqing Zoo)
สวนสัตว์ฉงชิง เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับคนรักสัตว์ โดยเฉพาะแพนด้ายักษ์ เพราะที่นี่มีแพนด้ามากกว่า 20 ตัว รวมถึงสัตว์อีกกว่า 200 ชนิด เน้นการอนุรักษ์และให้ความรู้ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับครอบครัวที่มีเด็กเล็ก
4. เดินเล่นเมืองโบราณฉือชีโข่ว (Ciqikou Ancient Town)
สัมผัสเสน่ห์ของอดีตในเมืองโบราณฉือชีโข่ว ซึ่งตั้งอยู่ห่างจากใจกลางเขต Shapingba ราว 18 กิโลเมตร เมืองนี้มีประวัติย้อนไปถึงราชวงศ์ซ่ง และโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมโบราณ เช่น หลังคากระเบื้องสีเข้ม ชายคาไม้ หน้าต่างกรอบขาว และกำแพงหินสีน้ำเงิน นอกจากนี้ยังมีการแสดงศิลปะพื้นบ้าน งิ้ว และโรงน้ำชาให้นั่งพักผ่อนอย่างสบาย ๆ จุดสำคัญที่ควรแวะชม ได้แก่ Stilted Building Square, วัด Baolun, ประตู Yinglong และพิพิธภัณฑ์ Mahua
5. ชมถ้ำหงหย่าในยามค่ำคืน (Hongya Cave)
ถ้ำหงหย่าคืออาคารไม้สูง 11 ชั้น สร้างบนเสาตั้งตามไหล่เขาริมแม่น้ำ มีพื้นที่รวมกว่า 46,000 ตารางเมตร และจะยิ่งสวยงามเป็นพิเศษเมื่อถูกประดับไฟในยามค่ำคืน บรรยากาศที่นี่ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในโลกการ์ตูน Spirited Away จากจุดชมวิว Urban Balcony คุณสามารถมองเห็นจุดที่แม่น้ำเจียหลิงมาบรรจบกับแม่น้ำแยงซีได้อย่างชัดเจน ช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวคนอาจแน่น แนะนำให้มาช่วงค่ำเพื่อสัมผัสความงามแบบเต็ม ๆ
6. นั่งกระเช้าข้ามแม่น้ำแยงซี (Yangtze River Cableway)
กระเช้าข้ามแม่น้ำแยงซีถือเป็นสัญลักษณ์ทางวิศวกรรมของฉงชิ่ง ตั้งแต่เปิดใช้งานในปี 1984 เส้นทางกระเช้าความยาว 1,166 เมตรนี้เชื่อมระหว่างเขต Yuzhong และเขต Nanan พร้อมเปิดให้ชมวิวแม่น้ำแยงซีและตัวเมืองฉงชิ่งจากมุมสูง โดยเฉพาะช่วงกลางคืนที่แสงไฟส่องประกายสวยงามตระการตา
7. อุทยานธรณีวิทยาหินปูนอู่หลง (Wulong Karst Geological Park)
อุทยานธรณีวิทยาหินปูนอู่หลง ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองฉงชิ่งราว 190 กิโลเมตร เป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับผู้รักธรรมชาติ ไฮไลต์สำคัญได้แก่ "อุทยานหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ (Three Natural Bridges)" และถ้ำหินปูนจำนวนมาก ภูมิประเทศแบบคาสต์ที่เกิดจากการกัดเซาะนี้เหมาะสำหรับกิจกรรมเดินป่าและถ่ายภาพ ควรไปช่วงเดือนมีนาคมถึงพฤศจิกายน และเผื่อเวลาอย่างน้อย 1–2 วันเพื่อเก็บความงามให้ครบทุกจุด
7. อุทยานหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ (Three Natural Bridges)
天生三桥入口处（图片来源：@anqm1018）
黑龙桥
อุทยานหลุมฟ้า 3 สะพานสวรรค์ (Three Natural Bridges) ตั้งอยู่ในเขตอู่หลง ของฉงชิ่ง ประกอบด้วย
- สะพานเทียนหลง (Tianlong Bridge) สะพานเทียนหลงเป็นหนึ่งในจุดไฮไลท์ของอุทยานแห่งชาติหลุมฟ้า ด้วยความสูงกว่า 235 เมตร ตัวสะพานเป็นโพรงหินขนาดใหญ่ที่เชื่อมระหว่างหน้าผา โดดเด่นด้วยลวดลายแกะสลักรูปมังกรอันวิจิตร งดงามและอลังการ
- สะพานชิงหลง (Qinglong Bridge) สะพานชิงหลงมีลักษณะเป็นโพรงหินยาวที่มีลำธารใสไหลผ่านกลาง ช่วยเพิ่มความสดชื่นให้บรรยากาศโดยรอบ ด้วยความสูงถึง 281 เมตร ที่นี่จึงกลายเป็นหนึ่งในจุดชมวิวที่ไม่ควรพลาด
- สะพานเฮยหลง (Heilong Bridge) สะพานเฮยหลงตั้งอยู่ในส่วนที่แคบที่สุดของอุทยาน ทำให้บรรยากาศโดยรอบค่อนข้างมืดและลึกลับ แต่กลับเต็มไปด้วยเสน่ห์ที่ชวนให้ค้นหา ด้วยความสูง 223 เมตร เป็นอีกหนึ่งมุมที่สายธรรมชาติไม่ควรพลาด
ซึ่งถือเป็นกลุ่มสะพานหินธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย
天生三桥猩猩头型岩峰
กลุ่มสะพานหินและกลุ่มหลุมยุบเหล่านี้เชื่อมต่อกันราวกับงานประติมากรรมขนาดยักษ์จากธรรมชาติ สร้างความอลังการให้กับพื้นที่โดยรอบ และยังเป็นฉากถ่ายทำของภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง "Curse of the Golden Flower" ของจางอวี้โหมว, "Transformers 4" จากฮอลลีวูด และซีรีส์จีนสุดโรแมนติก "Eternal Love" อีกด้วย
9. ชมสถาปัตยกรรม ราฟเฟิลส์ ซิตี้ ฉงชิ่ง (Raffles City Chongqing)
Image credit: Ascott Raffles City Chongqing
อาคารราฟเฟิลส์ ซิตี้ ฉงชิ่ง (Raffles City Chongqing) ผสมผสานดีไซน์ร่วมสมัยเข้ากับแรงบันดาลใจจากประตูเมืองโบราณ จุดเด่นคือ Sky Bridge หรือสะพานลอยฟ้าที่ยาวถึง 300 เมตร เชื่อมตึกสูง 6 อาคารเข้าด้วยกัน นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปยัง Exploration Deck เพื่อชมวิวมุมสูงของตัวเมืองฉงชิ่งแบบ 360 องศา ภายในโครงการยังรวมทั้งโรงแรมและแหล่งช้อปปิ้งไว้อย่างครบครัน
10. เรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่พิพิธภัณฑ์สามผา (Three Gorges Museum)
พิพิธภัณฑ์สามผา (Three Gorges Museum) เป็นแหล่งเรียนรู้สำคัญที่บอกเล่าความสำคัญทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของแม่น้ำแยงซี โดยเฉพาะในภูมิภาคสามผา ภายในจัดแสดงเนื้อหาครอบคลุมตั้งแต่ประวัติศาสตร์ยุคโบราณของฉงชิ่ง ไปจนถึงบทบาทของเมืองนี้ในช่วงสงครามต่อต้านญี่ปุ่น
ไฮไลต์ของพิพิธภัณฑ์คือโบราณวัตถุเกี่ยวกับการก่อสร้างเขื่อนสามผาที่ยิ่งใหญ่ รวมถึงนิทรรศการที่นำเสนอความงดงามของธรรมชาติในของพื้นที่สามผา พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่สนใจเรียนรู้เกี่ยวกับรากเหง้าทางวัฒนธรรมของฉงชิ่ง และความสัมพันธ์อันลึกซึ้งกับแม่น้ำสายสำคัญที่สุดของเอเชียอย่างแยงซี
11. เดินเล่นถนนคนเดินเจียฝางเป่ย (Jiefangbei Pedestrian Street)
ถนนคนเดินเจียฝางเป่ยคือศูนย์รวมความคึกคักใจกลางเมืองฉงชิ่ง เต็มไปด้วยห้างสรรพสินค้า ร้านอาหาร และแผงขายอาหารท้องถิ่น จุดเด่นคืออนุสาวรีย์ปลดแอกประชาชน (People’s Liberation Monument) ที่สะท้อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของเมือง แนะนำให้ลองชิมเมนูพื้นเมืองอย่าง ก๋วยเตี๋ยวเส้นเปรี้ยวเผ็ด หรือแป้งทอดกรอบบิดเกลียวร้อนๆ ยิ่งช่วงเย็นถนนสายนี้จะยิ่งมีชีวิตชีวา เป็นศูนย์กลางยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยร้านนั่งดื่มและดนตรีสด
12. สัมผัสภูมิประเทศสุดยูนีคของฉงชิ่งผ่านรถไฟฟ้าสาย Rail Transit Line 2
รถไฟฟ้าสายนี้จะพาคุณชมวิวเส้นขอบฟ้าของเมืองและแม่น้ำแยงซีท่ามกลางภูเขาสูงต่ำ จุดไฮไลต์คือสถานี Liziba ที่ตั้งอยู่ในอาคารพักอาศัย โดยรถไฟแล่นผ่านระหว่างชั้น 6 และ 7 ทำให้กลายเป็นสถานที่ถ่ายภาพยอดนิยม ซึ่งรองรับนักท่องเที่ยวได้ถึง 5,000 คนบนชานชาลาชมวิว
13. ชมวิวพาโนรามาสุดตระการตาจากสวนเอ๋อหลิ่ง (Eling Park)
สวนเอ๋อหลิ่ง (Eling Park) ตั้งอยู่บนพื้นที่เนินสูงใจกลางเมืองฉงชิ่ง มอบมุมมองที่ยอดเยี่ยมสำหรับชมเส้นขอบฟ้าของเมืองได้อย่างเต็มตา โดยเฉพาะวิวแม่น้ำเจียหลิงและหุบเขาโดยรอบ ภายในสวนมีเจดีย์ที่สามารถขึ้นไปชมวิวได้แบบ 360 องศา พร้อมด้วยพรรณไม้หลากหลายชนิด เช่น ดอกอาซาเลียที่บานสะพรั่งในฤดูใบไม้ผลิ บรรยากาศสงบร่มรื่น เหมาะกับคนที่รักธรรมชาติหรือสายถ่ายรูปที่อยากเก็บภาพเมืองจากมุมสูง
14. เพลิดเพลินกับวิถีชีวิตยามค่ำคืนของฉงชิ่ง ด้วยการล่องเรือชมวิวแม่น้ำสองสาย
ถ้าอยากสัมผัสฉงชิ่งในอีกมุมหนึ่ง ต้องไม่พลาดทัวร์ล่องเรือยามค่ำคืนชมวิวแม่น้ำสองสาย ช่วงเวลาหลังพระอาทิตย์ตกคือจุดที่เมืองนี้เปล่งประกายด้วยแสงไฟนับพัน ด้านหนึ่งเป็นตึกสูงระฟ้า อีกด้านคือภูเขาลาดชันริมแม่น้ำ ทั้งหมดรวมกันเป็นภาพพาโนรามาที่งดงามตระการตา เป็นประสบการณ์กลางคืนที่แนะนำอย่างยิ่งสำหรับผู้มาเยือนฉงชิ่ง
15. ลิ้มลองหม้อไฟฉงชิ่งและอาหารท้องถิ่น
หม้อไฟฉงชิ่งถือเป็นเมนูที่ต้องลองเมื่อมาเยือนเมืองนี้ โดดเด่นด้วยรสเผ็ดชาจากพริกและพริกหอมที่ซึมซาบอยู่ในน้ำซุป นอกจากความเผ็ดจัดจ้านแล้ว จุดเด่นคือวัตถุดิบหลากหลายที่สามารถนำมาจุ่มได้ตามใจชอบ ไม่ว่าจะเป็นเนื้อสัตว์ เครื่องใน ผักสด หรือเต้าหู้
อาหารท้องถิ่นของฉงชิ่งยังมีให้เลือกอีกมาก เช่น บะหมี่ฉงชิ่ง ปลาเผา หรือปิ้งย่างที่หอมกรุ่นจากเตาถ่าน โดยเฉพาะในตลาดกลางคืนที่เต็มไปด้วยกลิ่นหอมและบรรยากาศครึกครื้น เหมาะแก่การออกไปตะลุยชิมให้ครบทุกเมนูเด็ดของเมืองนี้
16. อุทยานแห่งชาติภูเขานางฟ้า (Fairy Mountain)
图片来源：@anqm1018
อีกหนึ่งจุดหมายที่ไม่ควรพลาด อุทยานแห่งชาติภูเขานางฟ้า (Fairy Mountain) หรือที่เรียกกันว่า "สวิตเซอร์แลนด์แห่งฉงชิ่ง" โดดเด่นด้วยทิวทัศน์ของป่าสน เนินเขา และทุ่งหญ้าอัลไพน์ซึ่งพบได้ยากในพื้นที่ตอนใต้ของจีน มีฝูงวัว แพะ และม้าเดินเล่นอย่างอิสระตลอดพื้นที่ นักท่องเที่ยวมักพูดถึง "สี่มหัศจรรย์" ของที่นี่ ได้แก่ ป่าเขียวชอุ่ม ยอดเขาแปลกตา ทุ่งหญ้ากว้าง และทุ่งหิมะ ซึ่งเปลี่ยนโฉมความงามไปในแต่ละฤดู
17. เที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ
สะพานเฉียนซื่อเหมินและพื้นที่โดยรอบ
สะพานเฉียนซื่อเหมินเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับการเที่ยวระยะสั้นจากฉงชิ่ง ใช้เวลาเดินทางเพียงไม่นานจากใจกลางเมือง สะพานแห่งนี้ทอดยาวข้ามแม่น้ำแยงซี มอบวิวทิวทัศน์ที่สวยงามของภูเขา แม่น้ำ และเมืองโดยรอบ ทำให้เป็นที่ชื่นชอบของทั้งนักท่องเที่ยวและชาวท้องถิ่น
บริเวณรอบสะพานเต็มไปด้วยจุดท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ เช่น วัดโบราณ หมู่บ้านเก่า และเส้นทางเดินป่าชมวิวที่เผยให้เห็นความงามของแม่น้ำแยงซีจากมุมสูง โดยเฉพาะเขตชมวิวสะพานเฉียนซื่อเหมิน (Qiansimen Bridge Scenic Area) ซึ่งมีศาลาและวัดโบราณให้เดินชมควบคู่กับการดื่มด่ำทัศนียภาพ
อีกหนึ่งจุดที่ไม่ควรพลาดคือเมืองเฟิงตู (Fengdu) ที่อยู่ไม่ไกลกัน เมืองเล็ก ๆ แห่งนี้มีสถาปัตยกรรมดั้งเดิมและวัฒนธรรมพื้นบ้านที่ยังคงอนุรักษ์ไว้อย่างดี นักท่องเที่ยวสามารถเดินชมวัดเก่าแก่ ชิมอาหารพื้นเมือง และสัมผัสชีวิตเรียบง่ายแบบจีนดั้งเดิม ถือเป็นการพักผ่อนที่ลงตัวสำหรับผู้ที่อยากหนีจากความวุ่นวายในตัวเมืองฉงชิ่งชั่วขณะหนึ่ง
