• ไปยังแอป
  • เลือกจุดหมายปลายทาง
  • เที่ยวจีนย้อนรอยประวัติศาสตร์ สำรวจ 9 สถานที่สำคัญจากยุคโบราณถึงยุคใหม่

    Klook Thailand
    Klook Thailand
    อัปเดตล่าสุด 25 ส.ค. 2025
    more
    ที่เที่ยวจีน ย้อนรอยประวัติศาสตร์
    การท่องเที่ยวจีนไม่ได้มีดีแค่ความยิ่งใหญ่ทางธรรมชาติหรือความทันสมัยของมหานคร แต่ยังเป็นจุดหมายปลายทางของผู้รักในประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และอารยธรรมที่สืบทอดมายาวนานกว่าพันปี จีนคือดินแดนที่เคยเป็นต้นกำเนิดของจักรวรรดิอันยิ่งใหญ่ เป็นศูนย์กลางความเชื่อของพุทธศาสนา และเป็นจุดบรรจบของวัฒนธรรมตะวันออกและตะวันตกผ่านเส้นทางสายไหม ด้วยความหลากหลายทั้งในด้านภูมิศาสตร์ ศิลปะ และมรดกทางวัฒนธรรม การเที่ยวจีนด้วยตัวเองจึงเปรียบเสมือนการเดินทางข้ามกาลเวลา ที่จะพาคุณย้อนรอยสู่อดีตอย่างใกล้ชิด

    โค้ดส่วนลดสำหรับจองทัวร์ในจีน

    China tour 10% off

    กำเนิดอารยธรรมและจักรวรรดิยิ่งใหญ่ (ยุคโบราณ - ราชวงศ์ชิง)

    “ดินแดนแห่งจักรพรรดิ สถานที่สำคัญจากยุคแรกเริ่มจนถึงราชวงศ์สุดท้าย”
    จีนคือหนึ่งในอารยธรรมที่เก่าแก่ที่สุดในโลก โดยมีประวัติศาสตร์ที่ยาวนานกว่าห้าพันปี นับตั้งแต่ยุคสามกษัตริย์ห้าจักรพรรดิ จนถึงราชวงศ์ชิงที่เป็นราชวงศ์สุดท้ายก่อนการเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยุคสาธารณรัฐ ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นรากฐานสำคัญของอัตลักษณ์จีนในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นระบบการปกครอง ศาสนา ปรัชญา หรือสถาปัตยกรรม ล้วนถือกำเนิดขึ้นในยุคนี้ บรรดาสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ที่ยังคงหลงเหลืออยู่จนถึงปัจจุบัน จึงถือเป็น “มรดกแห่งอารยธรรม” ที่นักเดินทางไม่ควรพลาด สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำที่ควรไปเยือน ได้แก่

    กำแพงเมืองจีน (The Great Wall of China)

    กำแพงเมืองจีน
    กำแพงเมืองจีนสร้างขึ้นครั้งแรกในยุคจิ๋นซีฮ่องเต้ (ราชวงศ์ฉิน) เพื่อป้องกันการรุกรานจากชนเผ่าทางเหนือ เช่น ซยงหนู ต่อมามีการต่อเติมและเสริมกำลังในหลายยุคสมัย โดยเฉพาะราชวงศ์หมิง ซึ่งเป็นยุคที่กำแพงมีความยาวและแข็งแกร่งที่สุด โดยทอดยาวรวมกว่า 21,000 กิโลเมตร ผ่านภูเขา หุบเขา และทะเลทราย ถือเป็นหนึ่งในสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่สะท้อนถึงพลังและความมุ่งมั่นของชาวจีนในการปกป้องแผ่นดิน จุดที่นักท่องเที่ยวนิยม ได้แก่ ด่านปาต้าหลิง (ใกล้ปักกิ่ง เดินทางสะดวก เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้น) และมู่เถียนยวี่ (วิวสวยงาม ผู้คนไม่หนาแน่น)

    พระราชวังต้องห้าม (The Forbidden City), ปักกิ่ง

    พระราชวังต้องห้าม
    พระราชวังต้องห้ามเป็นศูนย์กลางของราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง ตั้งอยู่ใจกลางกรุงปักกิ่ง ถูกใช้เป็นที่ประทับของจักรพรรดิและเป็นสถานที่จัดพิธีกรรมสำคัญต่าง ๆ ตลอดเวลากว่า 500 ปี ภายในพระราชวังมีอาคารมากกว่า 980 หลัง ครอบคลุมพื้นที่กว่า 720,000 ตารางเมตร สะท้อนถึงความยิ่งใหญ่ของระบบราชสำนักจีน โครงสร้างของพระราชวังสะท้อนปรัชญาแห่งฟ้าและดิน รวมถึงแนวคิดเรื่องลำดับชั้นของอำนาจ ซึ่งผู้มาเยือนสามารถสัมผัสได้ทั้งจากงานสถาปัตยกรรมและการจัดวางพื้นที่

    สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้และกองทัพทหารดินเผา (Terracotta Army), ซีอาน

    สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้และกองทัพทหารดินเผา
    จิ๋นซีฮ่องเต้เป็นจักรพรรดิองค์แรกของจีนผู้รวมแผ่นดินให้เป็นหนึ่งเดียว สุสานของพระองค์ตั้งอยู่ทางตะวันออกของเมืองซีอาน และมีชื่อเสียงจาก “กองทัพทหารดินเผา” ซึ่งถูกค้นพบในปี ค.ศ. 1974 โดยบังเอิญจากชาวนาท้องถิ่น กองทัพดินเผาประกอบด้วยทหาร รถม้า และม้าศึกจำลองในขนาดเท่าจริงนับพันนาย ซึ่งแต่ละตัวมีลักษณะเฉพาะตนเอง แสดงถึงความละเอียดอ่อนของช่างฝีมือยุคราชวงศ์ฉิน สิ่งเหล่านี้สะท้อนความเชื่อเรื่องชีวิตหลังความตาย และแสดงให้เห็นถึงความยิ่งใหญ่ของอำนาจจักรพรรดิในยุคนั้นอย่างชัดเจน

    รอยเท้าบนเส้นทางสายไหม (Ancient Trade Routes)

    “ตามรอยเส้นทางสายไหม การค้า วัฒนธรรม และอารยธรรมที่เชื่อมโลก”
    เส้นทางสายไหม (Silk Road) ไม่ใช่เพียงเส้นทางการค้า แต่เป็นเส้นเลือดสำคัญของโลกยุคโบราณที่เชื่อมโยงโลกตะวันออกและตะวันตกเข้าด้วยกัน ทั้งในด้านเศรษฐกิจ ศาสนา วัฒนธรรม และการถ่ายทอดความรู้ วิถีชีวิตของผู้คนหลากหลายเชื้อชาติได้ถูกถักทอเข้าด้วยกันผ่านเส้นทางสายนี้ โดยมีจุดเริ่มต้นอยู่ที่เมืองซีอานในจีน และทอดยาวผ่านเอเชียกลางไปจนถึงยุโรป เส้นทางนี้ทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนสินค้า เช่น ผ้าไหม เครื่องเทศ สมุนไพร ตลอดจนแนวคิดทางศาสนาอย่างพุทธ ศาสนาอิสลาม และศิลปะวัฒนธรรมที่หลากหลาย สถานที่ต่อไปนี้คือหมุดหมายสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความรุ่งเรืองของเส้นทางสายไหมในอดีต 

    ซีอาน (Xi'an) ประตูสู่เส้นทางสายไหม

    อุทยานมรดกแห่งชาติพระราชวังต้าหมิงซีอาน
    ซีอาน หรือที่รู้จักในอดีตว่า “ฉางอาน” เป็นเมืองหลวงของหลายราชวงศ์ในประวัติศาสตร์จีน เช่น ราชวงศ์โจว ราชวงศ์ฮั่น และราชวงศ์ถัง เมืองนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายไหมฝั่งตะวันออก และเป็นศูนย์กลางทางการปกครอง ศาสนา และวัฒนธรรมมาอย่างยาวนาน สถานที่ที่ไม่ควรพลาด ได้แก่ หอระฆังและหอกลอง สัญลักษณ์ของเมืองที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองเก่า แสดงถึงบทบาททางการปกครองในอดีต และเจดีย์ห่านป่าใหญ่ (Big Wild Goose Pagoda) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการแปลพระไตรปิฎกภาษาสันสกฤตจากอินเดียสู่ภาษาจีนโดยพระถังซัมจั๋ง ทำให้ซีอานกลายเป็นหนึ่งในศูนย์กลางทางพุทธศาสนาที่สำคัญที่สุดในเอเชีย
    นอกจากนี้ ซีอานยังมี การแสดงบนเวทีระดับโลก “The Great Qin” ที่บอกเล่าเรื่องราวของจักรพรรดิจิ๋นซีและกองทัพทหารดินเผาอย่างยิ่งใหญ่ ผ่านเทคนิคแสง สี เสียง และการแสดงศิลปะร่วมสมัยที่ตระการตา นักท่องเที่ยวที่สนใจ เที่ยวซีอานเชิงประวัติศาสตร์ ไม่ควรพลาดการชมการแสดงนี้ เพราะจะได้สัมผัสบรรยากาศของราชวงศ์ฉินในรูปแบบที่มีชีวิตชีวาและสมจริง
    การแสดง "The Great Qin" ในซีอาน
    การแสดง "The Great Qin" ในซีอาน

    ถ้ำผาม่อเกา (Mogao Grottoes), ตุนหวง

    ถ้ำผาม่อเกา
    ตั้งอยู่ในเมืองตุนหวง มณฑลกานซู่ ถ้ำผาม่อเกาเป็นหนึ่งในมรดกโลกที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในจีนและมีความสำคัญทางวัฒนธรรมเป็นอย่างยิ่ง ถ้ำศักดิ์สิทธิ์กว่า 700 แห่งถูกแกะสลักเข้าไปในหน้าผาหินทรายริมทะเลทรายโกบี ภายในถ้ำเต็มไปด้วยจิตรกรรมฝาผนังและประติมากรรมพุทธศิลป์ที่สืบทอดต่อเนื่องมายาวนานกว่า 1,000 ปี ถ้ำแห่งนี้ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างจีน อินเดีย อิหร่าน และเอเชียกลาง บทบาทของตุนหวงในฐานะจุดแวะพักบนเส้นทางสายไหมทำให้ที่นี่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งทางศิลปะ ภาษา และศาสนา

    ประวัติศาสตร์และปัจจุบัน (Modern History & Blend)

    “จีนยุคใหม่ บทบาทสำคัญจากอดีตสู่ปัจจุบัน”
    แม้จะมีรากฐานจากอารยธรรมโบราณที่ยิ่งใหญ่ แต่จีนก็ไม่เคยหยุดนิ่ง การเปลี่ยนแปลงจากจักรวรรดิสู่รัฐสมัยใหม่ทำให้จีนกลายเป็นประเทศที่ผสานอดีตและอนาคตได้อย่างกลมกลืน หลายเมืองสำคัญได้กลายเป็นเวทีแห่งการเปลี่ยนผ่านของยุคสมัย โดยยังคงรักษามรดกประวัติศาสตร์ควบคู่ไปกับการพัฒนาเศรษฐกิจและเทคโนโลยีอย่างไม่หยุดยั้ง การเที่ยวจีนในมุมมองประวัติศาสตร์ยุคใหม่จึงเปิดโอกาสให้นักเดินทางได้เข้าใจบริบทของจีนยุคปัจจุบันในฐานะประเทศมหาอำนาจผ่านโครงสร้างสถาปัตยกรรม วัฒนธรรมเมือง และพิพิธภัณฑ์ร่วมสมัย โดยมีสถานที่ท่องเที่ยวแนะนำที่ควรไปเยือน ได้แก่

    หอสักการะฟ้าเทียนถาน (Temple of Heaven), ปักกิ่ง

    Temple of Heaven
    ตั้งอยู่ในใจกลางกรุงปักกิ่ง หอสักการะฟ้าเป็นสถานที่ที่จักรพรรดิใช้ประกอบพิธีบวงสรวงสวรรค์เพื่อขอฝนและผลผลิตที่อุดมสมบูรณ์ โดยเฉพาะในช่วงราชวงศ์หมิงและชิง ลักษณะของอาคารหลักอย่าง “หอพิธีกรรมสวรรค์” ถูกออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมวงกลมที่สมมาตรและมีความหมายทางจักรวาลวิทยา เช่น ตัวอาคารเป็นวงกลมแทนสวรรค์ ฐานสี่เหลี่ยมแทนโลก สะท้อนหลักความเชื่อเรื่องฟ้า-ดิน (หยินหยาง) และธาตุทั้งห้า นอกจากความศักดิ์สิทธิ์แล้ว สถานที่แห่งนี้ยังเป็นจุดชมวิวที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของกรุงปักกิ่ง และเป็นมรดกโลกที่บอกเล่าความสัมพันธ์ระหว่างศาสนา การเมือง และวิทยาศาสตร์ในยุคโบราณได้อย่างลึกซึ้ง

    เซี่ยงไฮ้ เมืองที่ผสมผสานประวัติศาสตร์และอนาคต

    เซี่ยงไฮ้
    เซี่ยงไฮ้เป็นเมืองท่าที่เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงปลายราชวงศ์ชิงและกลายเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในช่วงยุคอาณานิคม ปัจจุบันเมืองนี้เป็นศูนย์กลางทางการเงินของจีนและหนึ่งในมหานครระดับโลก แต่ยังคงรักษากลิ่นอายของประวัติศาสตร์เอาไว้ โดยเฉพาะที่ “เดอะบันด์” (The Bund) ซึ่งเต็มไปด้วยอาคารสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปที่สร้างโดยชาติตะวันตกในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ที่นี่สะท้อนความขัดแย้งระหว่างอิทธิพลต่างชาติและอำนาจภายในของจีนได้อย่างชัดเจน อีกทั้งยังสามารถเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์เซี่ยงไฮ้ที่จัดแสดงวัตถุโบราณกว่า 120,000 ชิ้น ตั้งแต่เครื่องเคลือบ เครื่องหยก เหรียญโบราณ ไปจนถึงศิลปะทิเบต และหอไข่มุก (Oriental Pearl Tower) ซึ่งแม้จะเป็นอาคารสมัยใหม่ แต่ก็มีส่วนจัดแสดงประวัติศาสตร์เมืองเซี่ยงไฮ้ในอดีต ทำให้เมืองนี้กลายเป็นสัญลักษณ์ของการอยู่ร่วมกันของมรดกอดีตและวิสัยทัศน์แห่งอนาคต

    อารยธรรมพุทธศาสนาและเมืองหลวงแห่งศิลป์ (Buddhist & Artistic Capitals)

    “ดินแดนแห่งศรัทธาและศิลปะ มรดกพุทธศาสนาและเมืองแห่งความงาม”
    ศาสนาพุทธถือเป็นหนึ่งในเสาหลักของวัฒนธรรมจีนมาอย่างยาวนาน โดยเฉพาะในยุคที่จีนเปิดรับอิทธิพลจากอินเดียผ่านเส้นทางสายไหม ศิลปะพุทธศาสนาได้พัฒนาอย่างหลากหลาย ผสานเข้ากับเอกลักษณ์ของจีน ทั้งในแง่ศิลปกรรม การออกแบบสถาปัตยกรรม ไปจนถึงวรรณกรรมและบทกวี เมืองสำคัญอย่างลั่วหยางและหางโจวจึงไม่ได้เป็นแค่ศูนย์กลางทางการเมืองเท่านั้น แต่ยังเป็นศูนย์กลางแห่งศิลปะ ศรัทธา และจิตวิญญาณที่ควรค่าแก่การเยือน โดยสถานที่ห้ามพลาด ดังนี้

    ถ้ำหินหลงเหมิน (Longmen Grottoes), ลั่วหยาง (Luoyang)

    ถ้ำหินหลงเหมิน
    ถ้ำหินหลงเหมินตั้งอยู่ริมแม่น้ำอี้ในเมืองลั่วหยาง เป็นหนึ่งในแหล่งพุทธศิลป์ที่สำคัญที่สุดของจีน มีการสลักพระพุทธรูปบนหน้าผาหินมากกว่า 100,000 องค์ กระจายอยู่ในถ้ำกว่า 2,300 ถ้ำ สร้างขึ้นในยุคราชวงศ์เว่ยเหนือ และพัฒนาขึ้นเรื่อยมาในสมัยราชวงศ์ถัง การแกะสลักแต่ละองค์มีรายละเอียดที่ประณีต แสดงถึงการเปลี่ยนแปลงของรูปแบบศิลปะในแต่ละยุค นอกจากความงดงามทางศิลปะแล้ว ที่นี่ยังสะท้อนถึงความเจริญรุ่งเรืองของพุทธศาสนาในราชสำนักจีน โดยได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกจาก UNESCO ในปี ค.ศ. 2000 ผู้ที่ชื่นชอบศิลปะ พุทธศาสนา หรือประวัติศาสตร์โบราณไม่ควรพลาด

    หางโจว (Hangzhou) และทะเลสาบซีหู (West Lake)

    หางโจว (Hangzhou) และทะเลสาบซีหู (West Lake)

    เคล็ดลับสำหรับการเดินทางเชิงประวัติศาสตร์ในจีน

    การท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ในประเทศจีนเป็นประสบการณ์ที่เต็มไปด้วยความหมาย ไม่ว่าจะเป็นโบราณสถานอันยิ่งใหญ่ กำแพงเมืองจีนที่เป็นสัญลักษณ์ของประเทศ หรือวัดและถ้ำพุทธศิลป์ที่มีคุณค่าทางวัฒนธรรม หากคุณวางแผนและเตรียมตัวให้ดี ทริปครั้งนี้จะไม่ใช่แค่การท่องเที่ยว แต่จะกลายเป็นการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่น่าจดจำอย่างแท้จริง ✨

    1. เลือกช่วงเวลาเดินทางที่เหมาะสม

    ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม–พฤษภาคม) และฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน–พฤศจิกายน) เป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดสำหรับการเที่ยวเมืองประวัติศาสตร์ในจีน เพราะอากาศกำลังสบาย ไม่ร้อนหรือหนาวเกินไป เหมาะสำหรับการเดินชมโบราณสถานกลางแจ้ง เช่น กำแพงเมืองจีน หรือ ถ้ำพุทธศิลป์ ที่ตั้งอยู่นอกเมือง

    2. ใช้ระบบขนส่งและบัตรโดยสารที่คุ้มค่า

    เมืองใหญ่ในจีนอย่างปักกิ่งและเซี่ยงไฮ้มีระบบขนส่งสาธารณะครอบคลุมทั้งรถไฟฟ้าใต้ดินและรถไฟความเร็วสูง แนะนำให้ซื้อบัตรโดยสารแบบรายวันหรือรายเที่ยว เช่น China Rail Pass หรือบัตร Metro เพื่อความสะดวกและประหยัดค่าใช้จ่าย และอย่าลืม! ตอนนี้คุณสามารถจอง ตั๋วรถไฟความเร็วสูงและพาสการเดินทางต่าง ๆ ได้ง่ายและปลอดภัยบน Klook เท่านั้น
    Klook app

    3. ศึกษาประวัติก่อนเดินทาง

    เพื่อให้การเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์มีความหมายมากขึ้น แนะนำให้อ่านเรื่องราวเกี่ยวกับ จักรพรรดิจิ๋นซีฮ่องเต้, ราชวงศ์ถัง หรือ ราชวงศ์หมิง การมีความรู้พื้นฐานจะช่วยให้คุณเข้าใจรายละเอียดของสถานที่ต่าง ๆ ได้ลึกซึ้ง และซึมซับบรรยากาศได้มากกว่าการไปแบบไม่ได้เตรียมตัว

    4. เตรียมมือถือให้พร้อม

    จีนมีข้อจำกัดเรื่องอินเทอร์เน็ต เช่น ไม่สามารถใช้ Google หรือ Facebook ได้ ควรติดตั้ง VPN ก่อนเดินทาง พร้อมทั้งโหลดแอปที่จำเป็น เช่น Baidu Maps (แผนที่), Didi (เรียกรถ), Pleco (พจนานุกรมจีน) และ WeChat (การสื่อสารและการจ่ายเงิน) เพื่อให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้น

    5. พกของใช้จำเป็นเมื่อไปสถานที่โบราณ

    สถานที่โบราณหลายแห่งในจีน เช่น วัดเก่าแก่หรือป้อมปราการ มักไม่มีลิฟต์หรือทางลาด ควรเตรียม รองเท้าเดินสบาย, หมวก, ร่มพับ, เสื้อผ้าที่ใส่แล้วเคลื่อนไหวง่าย รวมถึงน้ำดื่มและขนมเล็ก ๆ ไว้สำหรับเติมพลัง

    6. เช็กวันหยุดและเทศกาลจีนล่วงหน้า

    หลีกเลี่ยงการเดินทางช่วง ตรุษจีน หรือวันหยุดยาว เพราะสถานที่จะเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยว และราคาที่พักอาจสูงกว่าปกติ แนะนำให้ตรวจสอบปฏิทินวันหยุดและวางแผนจองตั๋ว/โรงแรมล่วงหน้าอย่างน้อย 2–3 เดือน เพื่อได้ราคาและตัวเลือกที่ดีที่สุด

    7. ใช้บริการไกด์หรือทัวร์ท้องถิ่น

    หากคุณอยากได้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ แนะนำให้จ้างไกด์ท้องถิ่นหรือเลือกทัวร์กลุ่มเล็กที่เน้นด้านวัฒนธรรม จะช่วยให้คุณเข้าใจความหมายของโบราณสถานต่าง ๆ ได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะสถานที่ที่ไม่มีคำอธิบายภาษาอังกฤษ
    ไกด์ท้องถิ่น

    📌 FAQ คำถามที่พบบ่อย: เที่ยวจีนย้อนรอยประวัติศาสตร์

    Q: ไปเที่ยวจีนช่วงไหนดีที่สุด?
    A: ช่วงที่ดีที่สุดในการเที่ยวจีนคือ ฤดูใบไม้ผลิ (มีนาคม - พฤษภาคม) และ ฤดูใบไม้ร่วง (กันยายน - พฤศจิกายน) ช่วงเวลานี้อากาศกำลังสบาย ไม่ร้อนและไม่หนาวจนเกินไป เหมาะกับการเดินเที่ยวชมสถานที่ประวัติศาสตร์กลางแจ้งอย่างกำแพงเมืองจีนหรือสำรวจถ้ำโบราณต่างๆ นอกจากนี้วิวธรรมชาติยังสวยงามอีกด้วย

    Q: ควรเตรียมตัวเรื่องการใช้แอปพลิเคชันและอินเทอร์เน็ตในจีนอย่างไร?
    A: ที่จีนมีข้อจำกัดในการเข้าถึงแอปพลิเคชันต่างชาติ เช่น Google, Facebook, Instagram และ YouTube เพื่อให้ใช้งานอินเทอร์เน็ตได้ราบรื่น ควร ติดตั้ง VPN ก่อนเดินทาง และดาวน์โหลดแอปพลิเคชันที่จำเป็นของจีนไว้ล่วงหน้า เช่น Baidu Maps (แผนที่), Didi (เรียกรถ), และ WeChat (สื่อสารและจ่ายเงิน) ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญมากสำหรับการเดินทางในจีนยุคใหม่

    Q: สถานที่ท่องเที่ยวประวัติศาสตร์ในจีนที่เหมาะสำหรับผู้เริ่มต้นมีที่ไหนบ้าง?
    A: สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มเดินทางไปจีนและสนใจประวัติศาสตร์ ควรเริ่มต้นที่ ปักกิ่ง และ ซีอาน 🏰 ที่ปักกิ่งคุณจะได้สัมผัสความยิ่งใหญ่ของ กำแพงเมืองจีน และ พระราชวังต้องห้าม ได้สะดวก ส่วนที่ซีอานก็สามารถชม กองทัพทหารดินเผา ได้อย่างใกล้ชิด ซึ่งเป็นสองสถานที่ที่สะท้อนประวัติศาสตร์จักรวรรดิจีนได้อย่างชัดเจน และมีการเดินทางที่ค่อนข้างสะดวกสำหรับนักท่องเที่ยว

    Q: สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้กับกองทัพทหารดินเผาต่างกันอย่างไร?
    A: จริงๆ แล้วทั้งสองเป็นส่วนหนึ่งของสถานที่เดียวกัน สุสานจิ๋นซีฮ่องเต้ คือชื่อเรียกบริเวณที่ฝังพระศพของจักรพรรดิผู้รวมแผ่นดินจีน ส่วน กองทัพทหารดินเผา (Terracotta Army) เป็นส่วนหนึ่งของสุสานนั้นที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ กัน โดยทหารดินเผาเหล่านี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นกองทัพในปรโลกสำหรับองค์จักรพรรดิ ทำให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงที่สุดในบริเวณสุสานแห่งนี้

    Q: เส้นทางสายไหมเริ่มต้นที่เมืองไหน?
    A: เส้นทางสายไหมเริ่มต้นที่เมืองซีอาน หรือที่รู้จักในอดีตว่า "ฉางอาน" ซึ่งเคยเป็นเมืองหลวงของราชวงศ์สำคัญหลายราชวงศ์ เมืองนี้จึงเป็นจุดเชื่อมต่อการค้า วัฒนธรรม และศาสนาที่สำคัญระหว่างจีนกับโลกตะวันตกในอดีต และยังคงมีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับเส้นทางนี้ให้เห็นอยู่มากมายจนถึงปัจจุบัน

    Q: สามารถใช้จ่ายด้วยเงินสดในจีนได้ไหม?
    A: แม้ว่าในจีนจะมีการใช้จ่ายแบบไร้เงินสดอย่างแพร่หลายผ่านแอปพลิเคชันอย่าง WeChat Pay และ Alipay แต่ ยังสามารถใช้เงินสดได้ โดยเฉพาะในร้านค้าขนาดเล็กหรือสถานที่ท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม ร้านค้าส่วนใหญ่จะนิยมรับการชำระเงินผ่านมือถือมากกว่า ดังนั้นการมีแอปพลิเคชันเหล่านี้จะช่วยให้การเดินทางสะดวกขึ้นอย่างมาก

    Q: ต้องรู้ภาษาจีนบ้างหรือไม่?
    A: การเดินทางในเมืองท่องเที่ยวใหญ่ๆ หรือสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ ไม่จำเป็นต้องรู้ภาษาจีนมากนัก เพราะมักจะมีป้ายบอกทางและข้อมูลเป็นภาษาอังกฤษ อย่างไรก็ตาม การเรียนรู้คำศัพท์พื้นฐานง่ายๆ เช่น สวัสดี (你好 - nǐ hǎo), ขอบคุณ (谢谢 - xiè xiè) หรือ ขอโทษ (对不起 - duì bù qǐ) จะช่วยให้การสื่อสารกับคนท้องถิ่นง่ายขึ้น และเป็นมิตรมากขึ้น

    สรุป: เที่ยวจีนเชิงประวัติศาสตร์ เปิดมุมมองใหม่สู่รากฐานอารยธรรมตะวันออก

    จีน ไม่เพียงแต่เป็นจุดหมายปลายทางที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่ยังเป็นดินแดนที่ซ่อนเรื่องราวทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่า การ เที่ยวจีนด้วยตัวเองในมุมประวัติศาสตร์ จะช่วยเปิดโลกทัศน์ ทำให้เราเข้าใจรากฐานของอารยธรรมตะวันออกได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น ไม่ว่าจะเป็น กำแพงเมืองจีน ที่สะท้อนความเสียสละเพื่อปกป้องแผ่นดิน, พระราชวังต้องห้าม ที่ถ่ายทอดโครงสร้างอำนาจในยุคโบราณ หรือ เส้นทางสายไหม ที่เชื่อมโยงอารยธรรมโลกเข้าด้วยกัน
    เสน่ห์ของการเดินทางเชิงประวัติศาสตร์ในจีนนั้น อยู่ที่การได้ “ย้อนเวลากลับไปสู่อดีตที่ยังมีชีวิต” ผ่านโบราณสถาน สถาปัตยกรรม ศิลปะ และความเชื่อที่สืบทอดมาหลายพันปี เราได้เรียนรู้ว่าความรุ่งเรืองในอดีตได้วางรากฐานให้กับความเจริญในปัจจุบันอย่างไร และยังช่วยให้เข้าใจถึงภูมิปัญญาและการเปลี่ยนแปลงของสังคมจีนในแต่ละยุคสมัย
    ไม่ว่าคุณจะเป็นนักเดินทางที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หรือเพิ่งเริ่มต้นการเดินทางในจีน การเที่ยวในแง่มุมของประวัติศาสตร์จะทำให้คุณได้มากกว่าประสบการณ์ท่องเที่ยวทั่วไป แต่คือการเข้าใจ “ความหมาย” ของชาติพันธุ์ รากฐานความเชื่อ และการเปลี่ยนแปลงที่ก่อให้เกิดอารยธรรมจีนในปัจจุบัน
    ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนจะ เที่ยวจีน อย่าจำกัดตัวเองเพียงแค่เมืองยอดนิยม แต่ลองเลือกเส้นทางเชิงประวัติศาสตร์ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวและบทเรียนแห่งกาลเวลา ไม่ว่าจะเป็นเมืองโบราณ, ถ้ำพุทธศิลป์, หรือหมู่บ้านเก่าแก่ ทุกที่ล้วนรอให้คุณไปเรียนรู้และเก็บเกี่ยวความทรงจำที่ไม่เหมือนใคร
    การเดินทางเชิงประวัติศาสตร์ในจีน ไม่เพียงพาคุณย้อนเวลาไปสู่ยุคโบราณ แต่ยังช่วยเปิดมุมมองใหม่ที่ผสมผสานทั้งการเรียนรู้และความเพลิดเพลิน วางแผนล่วงหน้า จองบัตรเดินทางกับ Klook เพื่อให้การเที่ยวจีนของคุณสะดวกและมั่นใจ แล้วออกไปสัมผัสประวัติศาสตร์จีนด้วยตัวเองกันเลย!

    บทความท่องเที่ยวจีนอื่นๆ

    ลดเพิ่ม5%เมื่อจองผ่านแอปครั้งแรก

    Klook คืออะไร?

    Klook คือแพลตฟอร์มชั้นนำของเอเชียสำหรับการจองกิจกรรมและบริการท่องเที่ยวแบบครบวงจร เราคัดสรรประสบการณ์คุณภาพ ตั้งแต่แหล่งท่องเที่ยวชื่อดัง ทัวร์ท้องถิ่น การเดินทางภายในประเทศ ไปจนถึงที่พักหลากสไตล์ ครอบคลุมกว่า 3,400 จุดหมายทั่วโลก
    รองรับการใช้งานใน 15 ภาษา และสามารถชำระเงินได้มากกว่า 40 สกุลเงิน ผ่านช่องทางชำระที่หลากหลาย ทำให้การจองกับ Klook สะดวก รวดเร็ว และปลอดภัย
    Klook ก่อตั้งในปี 2014 มีเป้าหมายเพื่อสร้างช่วงเวลาแห่งความสุขให้กับนักเดินทางทุกคน ไม่ว่าคุณจะเที่ยวใกล้บ้านหรือออกเดินทางไกล Klook พร้อมพาคุณเชื่อมต่อกับโลกแห่งประสบการณ์ใหม่ ๆ ได้ทุกที่ ทุกเวลา

    🧡 ติดตาม Klook ได้ทาง

    more