• ไปยังแอป
  • เลือกจุดหมายปลายทาง
  • 12 สถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่นที่เพียงแค่เห็นภาพก็อดใจไม่ไหว!

    Klook Team
    Klook Team
    อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 2020
    article Bamboo Forest Recovered 04

    รูปภาพ 12 รูปที่เมื่อเห็นปุ๊บ อยากจองตั๋วไปญี่ปุนปั๊บ!!

    สวัสดีค่าทุกคนนน! เชื่อว่าช่วงนี้หลาย ๆ คนคงกำลังวางแผนที่จะเดินทางหลบร้อนและหนีไปเที่ยวต่างประเทศ ซึ่งหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดฮิตคงหนีไปไหนไม่ได้นอกจาก…ใช่แล้ว! ญี่ปุ่นนั่นเองงง ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าช่วงต้นปีแบบนี้เป็นช่วงเวลาที่แสนเพอร์เฟกต์ในการไปเที่ยวที่ญี่ปุ่น อากาศก็กำลังดี แถมยังเป็นช่วงที่กำลังจะก้าวเข้าสู่ฤดูใบไม้ผลิอีกด้วย เท่านั้นยังไม่พอเพราะญี่ปุ่นเป็นประเทศที่เต็มไปด้วยสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย หากคุณไม่เชื่อ วันนี้เราได้รวบรวมภาพ 12 ภาพที่การันตีได้เลยว่าแค่ได้เห็นก็แทบจะอดใจไม่ไหวอยากจองตั๋วไปญี่ปุ่นซะตั้งแต่ตอนนี้เลย!

    1. ชมความยิ่งใหญ่ของภูเขาไฟฟูจิ

    Photo Credit: Kimura 2

    หากพูดถึงสถานที่ที่ถือเป็นสัญลักษณ์สำคัญของญี่ปุ่น ภูเขาไฟฟูจิ (Mount Fuji) คงเป็นหนึ่งในสิ่งที่แว็บขึ้นมาในหัวของหลาย ๆ คน ภูเขาไฟฟูจิเป็นภูเขาที่มีความสูงที่สุดในญี่ปุ่นและได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ตั้งแต่ปี 2013 โด่งดังมากในเรื่องของทิวทัศน์อันสวยงาม คุณสามารถชมทัศนียภาพของภูเขาไฟฟูจิได้จากสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นทะเลสาบคาวากูชิโกะ, ทะเลสาบอาชิ หรือเจดีย์ชูเรโตะ แต่ที่แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครและปังสุด ๆ คงเป็นการนั่งรถไฟเหาะที่ สวนสนุกฟูจิคิวไฮแลนด์ เพื่อชมวิวฟูจิซัง!

    2. สัมผัสสีสันอันสวยงามของอุโมงค์ดอกวิสทีเรียที่สวนคาวาชิฟูจิ

    Photo Credit: gtknj

    สวนคาวาชิฟูจิ (Kawachi Fuji Garden) ตั้งอยู่ในเมืองคิตะคิวชู จังหวัดฟูกุโอกะ มีไฮไลท์สำคัญคืออุโมงค์ดอกวิสทีเรีย หรือที่คนญี่ปุ่นเรียกว่าดอกฟูจิ ซึ่งห้อยระโยงระยางลงมาจนเป็นภาพที่น่าประทับใจเหมือนอยู่ในหนังเรื่องอวตาร ด้วยความงดงามราวกับสรวงสวรรค์นี้ ทำให้ที่นี่ได้รับเลือกโดย CNN ให้ติด 1 ใน 10 สถานที่ท่องเที่ยวที่น่าเที่ยวที่สุดในโลกของปี 2017! โดยช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการเข้าชมจะเป็นช่วงเดือนเมษายน-พฤษภาคม ราคาเข้าชมก็จะต่างกันไปตามระดับความบานของดอกไม้ หากเป็นช่วง Full Bloom ค่าเข้าชมก็จะอยู่ที่ราว ๆ 1,000-1,800 เยน

    3. ถ่ายภาพกับเสาโทริอิที่ศาลเจ้าริมหาดโมโตโนสุมิ อินาริ

    การันตีความสวยด้วยการติดหนึ่งใน 31 สถานที่ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่นโดย CNN ว่ากันว่าต้นกำเนิดของศาลเจ้าโมโตโนสุมิ อินาริ (Motonosumi Inari Shrine) มาจากการที่ชาวประมงฝันเห็นเทพเจ้าจิ้งจอกที่มาปรากฏกายและบัญชาให้สร้างศาลเจ้าขึ้น ณ บริเวณนี้ ศาลเจ้าแห่งนี้โดดเด่นไปด้วยเสาโทริอิสีแดงกว่า 123 ต้นที่เรียงรายเป็นแนวยาวออกไปสู่มหาสมุทร ให้ภาพที่น่าประทับใจเป็นอย่างมาก การทำบุญที่นี่ก็ไม่เหมือนใคร เพราะกล่องบริจาคของวัดจะวางอยู่บนยอดเสา ให้ผู้ที่ศรัทธาโยนเหรียญขึ้นไปบนกล่อง โดยหากโยนเข้ากล่องได้ คำอธิษฐานนั้นจะกลายเป็นจริง!

    4. เข้าชมแหล่งมรดกโลกอย่างปราสาทฮิเมจิ

    Photo Credit: Reginald Pentinio

    ปราสาทฮิเมจิ (Himeji Castle) เป็น 1 ใน 3 ปราสาทที่งดงามที่สุดในญี่ปุ่นและได้รับการยกย่องให้เป็นมรดกโลกโดยองค์การยูเนสโก้ เนื่องจากเป็นหนึ่งในปราสาทที่มีความสมบูรณ์มากที่สุด ปราสาทแห่งนี้ตั้งอยู่ในจังหวัดเฮียวโกะคุณจึงสามารถเดินทางไปได้อย่างง่ายดายด้วยรถไฟ JR ภายนอกปราสาทฉาบด้วยปูนสีขาว ซึ่งเป็นที่มาของสมญานาม “ปราสาทนกกระสาขาว” นอกจากตัวปราสาทที่สวยงามแล้ว บริเวณรอบ ๆ ปราสาทยังรายล้อมไปด้วยต้นซากุระนับพันต้น ในช่วงฤดูใบไม้ผลิ ต้นซากุระจะพร้อมใจกันออกดอกบานสะพรั่งไปทั่วทั้งบริเวณปราสาท จนกลายเป็นภาพอันน่าประทับใจของปราสาทสีขาวนวลและดอกซากุระสีชมพูสดใส ที่เพียงได้เห็นก็รู้สึกราวกับต้องมนตร์!

    5. ชมดอกซากุระบานสะพรั่งที่ทางลาดเคอาเกะ

    Photo Credit: Opal Siwat

    นั่งรถไฟเกียวโตไปยัง ทางลาดเคอาเกะ (Keage Incline) รางรถไฟสายเก่าที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยศตวรรษที่ 19 ซึ่งแต่เดิมเคยถูกใช้ในการขนย้ายเรือ สถานที่แห่งนี้เป็นสถานที่ที่สวยงามเหมาะสำหรับการชมใบไม้เปลี่ยนสี แต่ขอบอกไว้เลยว่า ช่วงที่สวยที่สุดก็คือช่วงฤดูใบไม้ผลิ! โดยในช่วงนี้ ทั้งสองข้างทางจะเต็มไปด้วยต้นซากุระสีชมพูบานสะพรั่ง ซึ่งทำให้ที่นี่กลายเป็นจุดชมซากุระที่ได้รับความนิยมมากที่สุดแห่งหนึ่งในเกียวโตและคนไทยน้อยคนนักจะรู้จัก หากคุณโชคดี คุณอาจจะได้พบกับสาวญี่ปุ่นในชุดยูคาตะสีสันสดใสมาเดินเล่นชมซากุระ ให้บรรยากาศเหมือนได้อยู่ในประเทศญี่ปุ่นสมัยก่อน

    6. ลอดอุโมงค์เสาแดงหมื่นต้นที่ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ

    Photo Credit: Opal Siwat

    ศาลเจ้าฟุชิมิ อินาริ (Fushimi Inari-taisha) เป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นเพื่อบูชาเทพอินาริ เทพเจ้าแห่งการเกษตรและการค้าซึ่งมีตัวแทนเป็นสุนัขจิ้งจอก คุณจะได้พบกับรูปปั้นสุนัขจิ้งจอกมากมายภายในศาลเจ้า แต่คงไม่มากเท่าเสาโทริอิสีแดงสดที่ตั้งเรียงรายเป็นระยะทางหลายกิโล! แต่เดิมเสาโทริอิต้นแรกนั้นถูกสร้างโดยไดเมียวคนสำคัญของประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น อย่าง โทโยโทมิ ฮิเดโยชิ จากนั้นจึงมีบรรดาบริษัท, ห้างร้าน และโรงงานต่าง ๆ มาสร้างต่อด้วยความเชื่อที่ว่า เทพเจ้าอินาริจะช่วยอุปถัมภ์ค้ำชูในเรื่องการงานและธุรกิจ โดยที่ต้นเสาจะมีชื่อของผู้บริจาคจารึกไว้อย่างสวยงาม

    7. ไปเช็คอินที่ห้าแยกชิบูย่า!

    โตเกียวเป็นหนึ่งในเมืองหลวงที่มีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก หากไม่เชื่อ ลองเดินทางมายังห้าแยกชิบูย่า (Shibuya Crossing) สถานที่ที่คุณจะได้สัมผัสกับคลื่นมวลมหาประชาชนนับพันนับหมื่นจากทั่วทุกสารทิศที่พร้อมใจกันเดินข้ามถนนเมื่อสัญญาณไฟข้ามถนนเปลี่ยนเป็นสีเขียว บอกเลยว่านี่เป็นภาพที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก ๆ เพราะเมื่อสัญญาณไฟเปลี่ยนกลับไปเป็นสีแดง ทุกอย่างจะกลับไปสู่สภาวะปกติทันที! นอกจากนี้ ที่นี่ยังเคยเป็นสถานที่ถ่ายทำมิวสิควิดีโอและภาพยนตร์ชื่อดังมากมาย ดังนั้น ระหว่างข้ามถนน คุณจะได้สัมผัสถึงบรรยากาศราวกับหลุดเข้าไปอยู่ในหนังเรื่องโปรดของคุณเลย!

    8. เกาะโอคุโนชิมะ สวรรค์ของคนรักกระต่าย!

    Photo Credit: Ikumi C

    สายแบ๊วห้ามพลาดกับการเดินทางไปยังเกาะโอคุโนชิมะ (Okunoshima) เพื่อพบกับกระต่ายน้อยขนปุยจำนวนมากที่จะวิ่งออกมาต้อนรับคุณทันทีที่มาถึง! คุณสามารถสนุกสนานไปกับการให้อาหารกระต่ายและเล่นกับพวกมันได้อย่างเต็มที่ บอกเลยว่ากระต่ายที่นี่เชื่องมาก ๆ จับได้ ลูบได้ ไม่มีการหวงเนื้อหวงตัวใด ๆ ทั้งสิ้น!
    แต่ใครจะรู้ว่าเบื้องหลังความน่ารักเหล่านี้ กลับเต็มไปด้วยเรื่องราวในอดีตที่น่าเศร้า เพราะแต่เดิม เกาะโอคุโนชิมะถูกใช้เป็นสถานที่ทดลองแก๊สพิษในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ก่อนจะถูกปิดตัวลง โดยกระต่ายหลายร้อยตัวที่อยู่บนเกาะนี้ แท้จริงแล้วเกิดมาจากเหล่ากระต่ายทดลองที่หนีรอดออกมาจากโรงงานทดลองแก๊สพิษได้เพียง 8 ตัวเท่านั้น! ดังนั้น นอกจากกระต่ายน้อยน่ารักแล้ว คุณยังสามารถเข้าชมพิพิธภัณฑ์ และพบกับซากโรงงานผลิตแก๊สพิษที่อยู่บนเกาะนี้ได้อีกด้วย

    9. เดินเล่นที่สวนป่าไผ่ซากาโนะเกียวโต

    Photo Credit: Walkkers

    หนึ่งในสถานที่ที่มีความสวยงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดในเกียวโต คงจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก สวนป่าไผ่ซากาโนะ (Sagano Bamboo Forest) ป่าไผ่ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเกียวโต ด้วยเส้นทางเดินที่มีความยาวกว่า 500 เมตร ขนาบข้างด้วยต้นไผ่สูงชะลูดสีเขียวชอุ่มตลอดทาง คุณจะได้เพลิดเพลินกับเสียงของต้นไผ่ที่เสียดสีกันไปตามทางลมพร้อมดื่มด่ำกับบรรยากาศอันแสนสงบรอบตัว ต่อให้เป็นวันที่แดดร้อนจัด หากได้ก้าวเข้ามาในป่าไผ่แห่งนี้คุณจะสัมผัสได้ถึงความร่มรื่นและสายลมเย็น ๆ ตลอดทางแน่นอน!

    10. เที่ยวชมธรรมชาติที่ป่าชิระทานิ อันซุยเคียว

    นอกจากสวนป่าไผ่ซากาโนะแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่งดงามอีกมากมายในญี่ปุ่น ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ ป่าชิระทานิ อันซุยเคียว (Shiratani Unsui-kyo) ป่าดิบชื้นที่มีอายุเก่าแก่บนเกาะยากูชิม่า (Yakushima Island) ซึ่งเต็มไปด้วยต้นสนโบราณยาคูซูกิและมอสที่ปกคลุมไปทั่วจนทำให้ทั้งป่านี้เต็มไปด้วยสีเขียวขจี พร้อมความเย็นสบายจากแม่น้ำชิระทานิที่ไหลผ่าน ด้วยภูมิทัศน์ที่สวยงามราวกับต้องมนตร์นี้ ป่าชิระทานิ อันซุยเคียวจึงได้กลายเป็นสถานที่ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับฉากในป่าของภาพยนตร์แอนิเมชันเรื่องเยี่ยมอย่าง เจ้าหญิงโมโนโนเกะ (Princess Mononoke)

    11. เซลฟี่กับโทโทโร่และผองเพื่อนที่พิพิธภัณฑ์สตูดิโอจิบลิ

    Photo Credit: Kentaro Ohno
    ปลดปล่อยความเป็นเด็กในตัวคุณและท่องไปในโลกแห่งจินตนาการที่พิพิธภัณฑ์สตูดิโอจิบลิ (Ghibli Museum) พิพิธภัณฑ์สุดน่ารักที่แฟน ๆ อนิเมะจากค่ายหนังสตูดิโอจิบลิห้ามพลาด ตัวพิพิธภัณฑ์จะมีลักษณะเหมือนกับเขาวงกตตามคำขวัญของพิพิธภัณฑ์ที่ว่า “Let’s lose our way together” (มาหลงทางไปด้วยกันเถอะ)!
    ที่นี่ คุณจะได้พบกับหุ่นตัวละครจากแอนิเมชันที่โด่งดังทั้ง My Neighbor Totoro, Laputa-Castle in the Sky และ Spirited Away รวมถึงฉากจำลองจากภาพยนตร์ต่าง ๆ ให้บรรดาแฟนการ์ตูนได้ฟินจนเต็มอิ่ม พูดได้เลยว่านี่เป็นอาณาจักรแห่งจิบลิที่สมบูรณ์แบบมากที่สุดเลยล่ะ!

    12. เปิดประตูสู่ดินแดนมรดกโลกที่นิกโก้!

    เดินทางมาถึงสถานที่สุดท้ายกันแล้ว ซึ่งจะเป็นที่ไหนไปไม่ได้เลยนอกจาก เมืองนิกโก้ (Nikko) หลายคนคงเคยได้ยินคำขวัญของประเทศญี่ปุ่นที่ว่า “Nikko is Nippon” หรือเมืองนิกโก้คือประเทศญี่ปุ่น เพราะที่นี่เป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานและเต็มไปด้วยเอกลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น การเดินทางภายในหมู่บ้านก็สะดวกสบายสุด ๆ ไปที่เดียวแต่ได้ฟีลเหมือนเที่ยวทั่วญี่ปุ่น บอกเลยว่าคุ้ม!
    พื้นที่ในเมืองจะแบ่งเป็น 2 โซน ได้แก่ โซนมรดกโลกที่มีความโดดเด่นในเรื่องของสถาปัตยกรรมอันงดงาม ทั้งศาลเจ้านิกโกโทโชงู และศาลเจ้านิกโกฟุตะระซัง ที่ซึ่งคุณจะได้พบกับแลนด์มาร์คสำคัญอย่าง สะพานชินเคียวสีแดงสดท่ามกลางบรรยากาศของป่าเขาอันอุดมสมบูรณ์ หรือหากคุณเป็นคนที่ชื่นชอบการเที่ยวชมธรรมชาติ ที่นี่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวอย่างน้ำตกเคะงน น้ำตกที่ติดอันดับ 1 ใน 3 ของน้ำตกที่สวยงามที่สุดในประเทศญี่ปุ่น และทะเลสาบชูเซ็นจิโกะ ที่ซึ่งคุณสามารถเพลิดเพลินไปกับกิจกรรมต่าง ๆ มากมาย เช่น การล่องเรือและการพายเรือชมทะเลสาบ
    จบกันไปแล้วนะคะสำหรับ 12 สถานที่ที่สวยที่สุดในญี่ปุ่น เป็นยังไงกันบ้าง? แค่เห็นแค่ภาพก็อดใจไม่ไหวเงินในกระเป๋านี่สั่นไปหมดเลยใช่มั้ยล่ะ! แต่นอกจากสถานที่เหล่านี้แล้ว ประเทศญี่ปุ่นยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจอยู่อีกมากมาย ยังไงก็หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ให้กับคนที่กำลังวางแผนท่องเที่ยวในดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้ไม่มากก็น้อย แล้วไว้พบกันใหม่บทความหน้า บ๊ายบายจ้าาา~