มือใหม่หัดเที่ยวฮอกไกโด (Hokkaido) ต้องอ่านบทความนี้! หลังจากที่ประเทศญี่ปุ่นเปิดประเทศไปเมื่อปลายปีที่แล้ว ทำให้หลายๆ คนมีแพลนไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นกันเยอะมาก ซึ่ง Japan Lover อย่างเราๆจะพลาดได้อย่างไร วันนี้แราขอมาแนะนำที่เที่ยวแห่งเกาะฮอกไกโด ซึ่งสำหรับมือใหม่ที่ยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับเกาะนี้ ไปดูกันเลย!
วิธีการเดินทางจากไทยไปยังเกาะฮอกไกโด
เกาะฮอกไกโด (Hokkaido) มีสนามบินอยู่หลายแห่งทั่วเกาะ ไม่ว่าจะเป็นสนามบินนิวชิโตะเสะ เมืองซัปโปโร, สนามบินฮาโกดาเตะ เมืองฮาโกดาเตะ, สนามบินวักกะไน เมืองวักกะไน สำหรับนักท่องเที่ยวไทยที่เลือกมาเที่ยวที่เกาะฮอกไกโดแห่งนี้ มักจะบินมาลงที่สนามนิวชิโตเสะ หรือถ้าใครไม่สะดวกเปลี่ยนเครื่อง สนามบินนี้ก็สามารถบินตรงมาได้เลย คือง่ายและสะดวกมากๆ
เกาะฮอกไกโด ตั้งอยู่ที่ไหน ?
เกาะฮอกไกโด(Hokkaido) เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ทางเหนือของประเทศญี่ปุ่นที่ได้รับความนิยมมากๆ ของคนไทย ในการเดินทางมาท่องเที่ยวที่เกาะแห่งนี้ ใครที่ได้มีโอกาสแวะเวียนมาเที่ยวต้องไม่พลาดกับอาหารทะเลที่มีชื่อเสียงมากๆ ในฮอกไกโด (hokkaido) ด้วยความที่เกาะที่ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์มากๆ มีทั้งกุ้ง หอย ปู ปลา ฯ
นอกจากนี้ยังเมืองที่น่าสนใจที่อยู่ไม่ไกลจากเกาะฮอกไกโด (hokkaido) เดินทางง่ายและสะดวกสบายมากๆ ไม่พลาดให้ทุกคนแวะไปเช็คอิน ไม่ว่าจะเป็น เมืองซัปโปโร (Sapporo) เมืองโอตารุ (otaru) เมือฟุราโนะ (furano) รวมถึงเมืองฮาโกดาเตะ (hakodatae)
ฤดูกาลที่เหมาะแก่การเที่ยวในฮอกไกโด มีช่วงไหนบ้าง ?
ช่วงที่เหมาะแก่การท่องเที่ยวในฮอกไกโด มีอยู่ตลอดทั้งปี ปัจจุบันมีนักท่องเที่ยวแห่แหนกันมาเที่ยวในฮอกไกโด ณ ที่แห่งนี้ ซึ่งฤดูยอดฮิต ขวัญใจคนทั่วโลกเลย ก็จะมี
- ในช่วงฤดูหนาว : ตั้งแต่เดือน พฤศจิกายน – เมษายน เกาะฮอกไกโดจะมีอากาศที่หนาวเย็น ถึงขั้นติดลบ มีหิมะปกคลุมสูงทำให้ในฮอกไกโดนั้นมีสถานที่ทำกิจกรรมในช่วงหน้าหนาวค่อนข้างเยอะ อาทิ การเล่นสกี สโนว์บอร์ด ซึ่งที่นี่เขายังมีชื่อเสียงและโด่งดังมากๆ ระดับต้นๆของโลก ในเรื่องของลานสกีและหิมะที่มีคุณภาพ
- ในช่วงฤดูร้อน : ตั้งแต่เดือน มิถุนายน - สิงหาคม ใครที่มาเที่ยวช่วงนี้จะได้ชมวิวทิวทัศน์ธรรมชาติที่สวยงดงามไปอีกแบบ พร้อมได้ชม ทุ่งดอกทานตะวัน ท่งดอกพิงค์มอสและทุ่งลาเวนเดอร์ ในฮอกไกโด
แนะนำสถานที่ท่องเที่ยวฮิตสำหรับนักท่องเที่ยวเกาะฮอกไกโด มีอะไรบ้าง
ถ้าได้มาเที่ยวในฮอกไกโดแล้วก็ต้องมาท่องเที่ยวที่เมืองซัปโปโร เมืองหลวงหลักของฮอกไกโด มีสถานที่ท่องเที่ยวน่าสนใจมากมาย เเถมยังมีเอกลักษณ์ ที่หาที่ไม่ได้อีกด้วย วันนี้เราจะแนะนำสถานที่เที่ยวสุดฮิต ทั้งในเมืองซัปโปโร เดินทางไปเที่ยวเล่นกันต่อพร้อมเก็บเช็คอินแหล่งที่เที่ยวสำคัญๆ ที่เมืองรอบๆ แห่งนี้
สถานที่ท่องเที่ยวในฮอกไกโด ที่เมืองซัปโปโร (Sapporo)
เมืองซัปโปโร (Sapporo)
เมืองซัปโปโร เป็นเมืองหลวงหลักของฮอกไกโด มีขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 5 ของประเทศ มีประชากรอาศัยอยู่ราว 2 ล้านคน มีพื้นที่ที่ครอบคลุมทั้งที่เป็นที่ตั้งอยู่เขตตัวเมือง และพื้นที่ภูเขาซึ่งเหมาะมากสำหรับใครอยากจะแวะมาเล่นสกีที่นี่ในช่วงหน้าหนาว นอกจากนี้ทุกคนยังสามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ทางธรรมชาติของเมืองได้อีกด้วย
ซึ่งจริงๆ แล้วที่ซัปโปโร ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่หลากหลายมากมาย ซึ่งยังมีเที่ยวไหนที่โดนใจบ้างไปดูกันเลย
สวนสาธารณะโอโดริ Odori Park
สวนสาธารณะโอโดริ ที่ซัปโปโร ถือเป็นสาธารณะแนวยาวระนาบข้างยาวไปกับถนนที่มีความยาวกว่า 1.5 กิโลเมตร ตั้งอยู่ใจกลางเมืองซัปโปโรจากทิศเหนือไปยังทิศใต้ ซึ่งถ้าใครได้มาเที่ยวที่สวนแห่งนี้ ในแต่ละช่วงก็จะมีให้ชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามแตกต่างกันไปอีกด้วย
ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวก็จะเห็นวิวที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะขาวโพลนอีกด้วย แต่ถ้าใครไม่ชอบอากาศหนาวติดลบ ลองมาเที่ยวฮอกไกโดในช่วงฤดูร้อน จะได้เห็นวิวทิวทัศน์ของสวนที่มีต้นไม้สองข้างทางและยังมีธรรมชาติเต็มไปด้วยสีเขียวขจี
อีเว้นท์ที่พลาดไม่ได้ที่เมืองซัปโปโร ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ในทุกๆปี "เทศกาลหิมะซัปโปโร" หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเทศกาลแกะสลักน้ำแข็งอีกด้วย ซึ่งเคยมีคนไทยชนะรางวัลจากเทศกาลนี้ของญี่ปุ่นด้วยนะ เจ๋งมากๆ
พาชม "เทศกาลหิมะซัปโปโร" หรือ "เทศกาลแกะสลักน้ำแข็ง"
Klook Recommend : เดินทางได้ด้วยเคเบิลคาร์ เพื่อขึ้นไปชมวิวมุมสูงจากด้านบนของสวนสาธารณะโอโดริได้ ด้วยการขึ้นไปชมที่หอคอยซัปโปโรทีวีททาวเวอร์ จองเลย ที่นี่
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- เวลาทำการ: เปิดตลอดเวลา
- ทำเลที่ตั้ง: ตั้งอยู่ใกล้กับสถานีรถไฟใต้ดิน Odori
วิธีการเดินทาง:
- นั่งรถไฟจากสถานีรถไฟใต้ดิน Odori (Namboku Line, Toho Line, Tozai Line) เดินประมาณ 1 นาที
- นั่งรถไฟจากสถานีรถไฟ JR Sapporo เดินประมาณ 10 นาที
แวะไหว้พระที่ศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Shrine)
ศาลเจ้าฮอกไกโด (Hokkaido Shrine) ตั้งอยู่ที่เมืองซัปโปโร (Sapporo) เป็นศาลเจ้าศาสนาพุทธนิกายชินโตที่มีเก่าพอๆกับ ที่อยู่ในฮอกไกโด นักท่องเที่ยวนิยมแวะมาสักการะบูชาที่ศาลเจ้าแห่งนี้
ศาลเจ้าฮอกไกโดมีพื้นที่ขนาดกว้างใหญ่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินเล่น ชมวิวทิวทัศน์ได้อย่างเพลินๆ
ที่ศาลเจ้าฮอกไกโดยังเชื่อมต่อกับสวนมารุยามะ ทำให้เห็นวิวสวยตระการตาอีกหนึ่งจุด Unseen ของเมืองอีกเช่นเดียวกัน ซึ่งช่วงที่สวยที่สุดในการแวะมาท่องเที่ยวพร้อมแวะชมดอกซากุระที่ศาลเจ้าแห่งนี้ คือช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ความน่าสนใจของที่นี่คือทุกคนสามารถเเวะมาไหว้พระขอพร เสี่ยงเซียมซี เขียนป้ายขอพร เพื่อความเป็นสิริมงคล
เพลิดเพลินไปกับการช้อปปิ้งที่ย่านซูซูกิโนะ
ย่านซูซูกิโนะ(Susukino) ย่านแหล่งบันเทิงที่มีชื่อเสียงและโด่งดังมากที่สุดของเมืองซัปโปโร และยังถูกขนานนามว่าเป็นย่านบันเทิงที่ใหญ่ที่สุดทางตอนเหนือของญี่ปุ่น ทุกคนจะได้สัมผัส Night Life ณ ที่แห่งนี้ พร้อมสัมผัสบรรยากาศยามค่ำคืนตามสไตล์ของคนญี่ปุ่นแท้ๆ ที่นี่เต็มไปด้วยร้านค้า บาร์ ร้านอาหาร ร้านคาราโอเกะ รวมกว่า 4,000 ร้าน
และร้านอาหารที่พลาดลองไปไม่ได้เลยก็คือ ราเมน ที่ย่านนี้ ที่มีชื่อเสียงมาก และยังมีร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่นให้แวะชิมอยู่ทั่วตลอดทั้งย่าน เชื่อเลยว่าใครทีมาเที่ยวฮอกไกโดได้แวะไปที่นี่ จะต้องติดใจ อร่อยเพลินจนลืมเวลา!
วิธีการเดินทาง:
- จาก Odori Station นั่งไปเพียงสถานีเดียว ลงที่ Susukino Station(200 เยน)
- จาก Sapporo Station โดยสาร Nanboku Subway Line นั่งไป 2 สถานี(200 เยน)
แวะจิบเบียร์ที่ลานเบียร์ซัปโปโร & พิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร
ลานเบียร์ซัปโปโร (Sapporo Beer Garden) ตั้งอยู่ในอาคารอิฐแดงซึ่งเมื่อก่อนเคยเป็นโรงเบียร์มาก่อน โดยมีอายุมานานกว่า 100 ปี ถือเป็นโรงเบียร์ที่เก่าแก่มากๆ ซึ่งที่นี่นอกจากจะเป็นลานเบียร์แล้ว ยังมีภัตตาคารที่หลากหลาย ครอบคลุมหลากสัญชาติให้คุณได้เลือกทานได้อย่างเต็มอิ่ม
รวมไปถึงพิพิธภัณฑ์เบียร์ซัปโปโร ที่เอาไว้จัดแสดงเกี่ยวกับประวัติศาสต์ในเเต่ละยุคสมัยของเบียร์ ซัปโปโร
ข้อมูลเพิ่มเติม:
- ค่าเข้าชม: ฟรี
- เวลาทำการ:
- Sapporo Beer Garden: 11:30 – 21:00 น. (สั่งก่อน 20:40 น.)
- Sapporo Beer Museum: 11:00 – 20:00 น. (เข้าก่อน 19:30 น.) *หยุดทุกวันจันทร์ (หากเป็นวันหยุด จะปิดทำการในวันถัดไป) วันหยุดสิ้นปีและวันขึ้นปีใหม่
วิธีการเดินทาง:
- นั่งรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟ สถานี Higashi Kuyakusho Mae (รถไฟใต้ดินสาย Toho Line) เดินประมาณ 10 นาที
แช่ออนเซ็นกันแบบฟินๆ ที่เมืองโจซังเค
เมือง “โจซังเค” เมืองที่ขึ้นชื่อในเรื่องบ่อน้ำร้อนออนเซ็นมานานตั้งแต่อดีต ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนใต้ของเมืองซัปโปโร นักท่องเที่ยวนิยมที่จะแวะมาเที่ยวเมืองนี้เพื่อแช่น้ำพุร้อน ถือเป็นสถานที่ที่โด่งดังและฮิตมากๆ ในกลุ่มนักท่องเที่ยวจากทั่วทุกมุมโลก
โจซังเค ออนเซ็น ถือเป็นเมืองน้ำพุร้อนที่ใหญ่ที่สุดในฮอกไกโด และยังเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญของที่นี่ มีผู้มาเยี่ยมเยียนกว่า 1.4 ล้านคนต่อปี โจซังเค ออนเซ็นนั้น มีที่มามาจากพระสงฆ์ที่ชื่อมิซุมิ โจซังได้สร้างสปาบริเวณตอนบนของแม่น้ำ ตั้งเเต่ปี 1.866 โดยมีสรรพคุณในการรักษา ทำให้ผู้คนนิยมมาแช่น้ำเพื่อฟื้นฟูร่างกาย ตั้งเเต่สมัยอดีต จนถึงปัจจุบัน
ซึ่งใครที่แวะเวียนมาแช่น้ำพุร้อนที่นี่ จะได้สัมผัสกับวิวทิวทัศน์สุด Exclusive การแช่น้ำพุร้อนท่ามกลางหุบเขาและป่าไม้สีเขียว แค่เห็นเท่านี้ก็ฟินแล้ว! ซึ่งถ้ามาเที่ยวในช่วงฤดูใบไม้ร่วงก็จะยิ่งเห็นวิวใบไม้ ป่าไม้ที่เปลี่ยนสีให้บรรยากาศไปอีกแบบ สวยงามมากๆ ไม่ว่าจะเที่ยวฤดูไหน
วิธีการเดินทาง:
- บริการรถรับส่งจากสถานีซัปโปโร
- นั่งรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟใต้ดินมะโคะมะไน
- รถบัสสายกัปปะจะวิ่งจากสถานีซัปโปโร สถานีโอโดริ และสถานีซุซุกิโนะไปยังโจซังเคออนเซ็น ต้องทำการจองล่วงหน้า ใช้เวลาประมาณ 75 นาที
- รถยนต์จะใช้เวลาประมาณ 40 นาที
สะดวกสบายมากขึ้น เมื่อจองผ่าน Klook!
- จองเลย ! บัตร JR Pass สำหรับฮอกไกโด (5 หรือ 7 วัน) ที่นี่
- บริการรถรับส่งจากสถานีซัปโปโร (ส่วนตัว) จองผ่าน Klook ที่นี่
- ทัวร์โจซานไคออนเซ็น, โอตารุ และสวนชิโรอิ โคอิบิโตะหนึ่งวัน (เดินทางจากซัปโปโร) ที่นี่
เที่ยวเล่นกันต่อที่เมืองใกล้เคียง ที่เมืองฮาโกดาเตะ (Hakodate)
เมืองฮาโกดาเตะ (Hakodate)
เมืองฮาโกดาเตะ (Hakodate) เป็นเมืองท่าทางตอนใต้ของ ที่อยู่ในฮอกไกโด สามารถเดินทางมาจากเมืองซัปโปโรได้ด้วยรถไฟ ขึ้นชื่อมากๆ ในเรื่องของวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนที่สวยตระการตา และยังเป็นจุดหมายปลายทางของนักชิมอาหารทั่วโลก ที่มีใจรักในอาหารทะเลสดๆ ณ ที่แห่งนี้
หนึ่งกิจกรรมที่พลาดไปไม่ได้ นั่นก็คือ "นั่งเคเบิลคาร์" เพื่อไปยังจุดชมวิวทิวทัศน์ของภูเขาสูงฮาโกดาเตะ ที่สวยงามมากๆ ซึ่งแน่นอนว่าวิวกลางคืนที่เมืองนี้ ถือว่าเป็นซีนที่ดีที่สุด สวยที่สุด ผู้คนนิยมมาเฝ้ารอเพื่อให้ได้ถ่ายรูป พูดได้เลยว่าใครได้ไปเฝ้ารอชมวิวยามค่ำคืนนี้ จะต้องประทับใจไม่รู้ลืมอย่างแน่นอน
วิธีการเดินทาง :
- การเดินทาง: นั่งรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟ JR Sapporo ให้นั่งรถไฟ Super Hokuto มาลงที่สถานี Hakodate ใช้เวลาประมาณ 210 นาที
กระเช้าลอยฟ้า ภูเขาฮาโกดาเตะ (Mt. Hakodate Ropeway)
นั่งกระเช้าลอยฟ้า ชมวิวภูเขาฮาโกดาเตะ (Mt. Hakodate Ropeway)
มาฮาโกดาเตะทั้งที สิ่งที่พลาดไม่ได้ก็คือ การนั่งกระเช้าไฟฟ้า หรือ เคเบิลคาร์ เพื่อชมทัศนียภาพที่สวยงามติดท็อปโลกของเมืองแห่งนี้ ใช้เวลาในการนั่งกระเช้าไฟฟ้าเพื่อขึ้นไปชมวิวด้านบน ประมาณ 3 นาที เท่านั้น นอกจากจะได้ขึ้นไปชมวิว เขาก็ยังมีร้านอาหาร ร้านขายของที่ระลึกให้นักท่องเที่ยวได้เพลิดเพลินกันต่ออีกด้วยนะ
ข้อมูลเพิ่มเติม:
เวลาทำการ:
- 25 เมษายน -15 ตุลาคม 10.00 – 22.00 น.
- 16 ตุลาคม – 24 เมษายน 10.00 – 21.00 น.
- ค่าขึ้นกระเช้า: ผู้ใหญ่ 1,500 เยน, เด็ก 700 เยน (ไป-กลับ)
- การเดินทาง: จากสถานีรถไฟ Hakodate ให้นั่งรถรางมาลงที่สถานีป้าย Jujigai แล้วเดินต่ออีก 10 นาทีจะถึงทางขึ้นกระเช้า
เมืองโอตารุ
โอตารุ (Otaru) เมืองท่าเล็กๆ ที่อยู่ติดกับเมืองซัปโปโรทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้ด้วยรถไฟตรงจากกลางจากเมืองซัปโปโร ซึ่งใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที นักท่องเที่ยวนิยมมาเช้า เย็นกลับ สามารถเป็น One Day trip ได้เเบบชิลมาก เหลือเวลาไห้ไปเก็บวิวสวยๆ ที่จุดอื่นๆ อีกเพียบ
เมืองท่าโอตารุ ภายในเขตเมืองจะประกอบไปด้วยอาคารและโกดังที่เก่าแก่ตามสไตล์ตะวันตก เมื่อไปเดินเล่น ตามจุดชมวิวที่เมืองนี้แล้ว ทุกคนจะได้สัมผัสถึงวิวบ้านเมือง บรรยากาศสุดแสนจะโรแมนติกในสไตล์ตะวันตก โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณคลองโอตารุซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลักของเมือง
นักท่องเที่ยวที่มาจะรู้สึกเหมือนมาท่องเที่ยวอยู่ที่โซนยุโรปเลย
วิธีการเดินทาง :
- การเดินทาง: จากสถานี JR Sapporo นั่งรถไฟสาย JR Hakodate Line มาลงที่สถานี Otaru ใช้เวลาประมาณ 30 – 50 นาที (ขึ้นอยู่กับขบวนรถ)
คลองโอตารุ
เป็นอีกสถานที่ที่มีชื่อเสียง ดึงดูดนักท่องเที่ยวที่ มาจากทั่วโลกเพื่อมาแวะชมวิวทิวทัศน์ของเมืองพร้อมเตรียมเช็คลิสต์สถานที่ต้องไปในการเดินทางในครั้งนี้ ความลาดยาวของคลองโอตารุ ความสวยงามที่แตกต่างกันไปในแต่ละช่วงฤดู สวยงามประทับใจมากๆ
วิธีการเดินทาง :
- การเดินทาง: นั่งรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟ จากสถานีรถไฟ Otaru เดินประมาณ 10 นาที
พิพิธภัณฑ์กล่องดนตรีโอตารุ (Otaru music box museum)
เดินกันต่อมาอีกนิด..จะเจอกับพิพิธภัณฑ์กล่องดนตรี (Otaru Music Box Museum) เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เก่าแก่ของญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงอย่างมาก
พร้อมเพลิดเพลินไปกับสถานที่ท่องเที่ยวที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์ตะวันตก 3 ชั้นที่ถูกสร้างจากอิฐ มีอายุกว่า 100 ปีเลยทีเดียว ซึ่งด้านหน้าจะพบกับอาคารที่มีนาฬิกาไอน้ำจากเมืองแวนคูเวอร์ โดยจะพ่นไอน้ำทุกๆ 1 ชั่วโมงประกอบกับมีเสียงดนตรีดังทุกๆ 15 นาที ถือเป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ให้คนได้แวะมาเช็คอินที่นี่เลยทีเดียว
ภายในอาคารสไตล์ตะวันตกแห่งนี้ก็จะมีของที่ระลึกที่ที่เป็นกล่องดนตรีสวยงามมากมายจำหน่าย นอกจากนี้ก็ยังมีโซนที่ไว้จัดแสดงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของกล่องดนตรีอยู่ในอาคารได้อีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม :
- เวลาทำการ: 9:00 – 18:00 น. (วันศุกร์และเสาร์ในช่วงหน้าร้อน เปิดถึง 19:00 น.)
- ค่าเข้าชม: ฟรี
- การเดินทาง:
- นั่งรถไฟมาลงที่สถานีรถไฟ Otaru ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที
- นั่งรถไฟมาลงสถานีรถไฟ Minami-Otaru ใช้เวลาเดินทางเดินประมาณ 10 นาที