• ไปยังแอป
  • เลือกจุดหมายปลายทาง
  • 10 ร้านอาหารสตรีทฟู้ดในสิงคโปร์ที่ควรค่าจะอยู่ในซีรี่ส์ Street Food ของ Netflix

    Klook Team
    Klook Team
    อัปเดตล่าสุด 14 มี.ค. 2020
    COVER Netflix Singapore Street Food 1
    ร้านสตรีทฟู้ดในสิงคโปร์ที่ควรค่าจะอยู่ในซีรีส์ Street Food ของ Netflix

    ร้านอาหารสตรีทฟู้ดในสิงคโปร์ที่ควรค่าจะอยู่ในซีรีส์ Street Food ของ Netflix

    เปลี่ยนจากรายการอาหารที่จริงจังอย่าง Salt Fat Acid Heat และ Chef’s Table สารคดีอาหารสตรีทฟู้ดใหม่ล่าสุดจาก Netflix แสดงให้เห็นอีกมุมหนึ่งของโลกของอาหาร ท่องไปในย่านสตรีทฟู้ดของท้องถิ่นหลากหลายแห่งทั่วเอเชีย ซีรีส์ Street Food ที่ไม่ได้เน้นไปที่เมนูอาหารอย่างเดียว แต่ยังมุ่งจุดสนใจไปยังเจ้าของร้านเหล่านี้ที่ทำงานทั้งวันทั้งคืนเพื่อให้การถ่ายทำรายการดำเนินต่อไปได้
    ในสิงคโปร์มีพ่อค้าแม่ค้าสตรีทฟู้ดมากมาย แต่น่าเสียดายที่มีเวลาออกอากาศเพียง 1 ตอนด้วยเวลา 32 นาทีกับ 4 ร้านสตรีทฟู้ดซึ่งก็คือ
    • Haig Road Putu Piring
    • Master Tang Wanton Noodle (นาย Tang เจ้าของร้านเพิ่งจากไปช่วงต้นเมษายนที่เพิ่งผ่านมานี้)
    • Keng Eng Kee (KEK) Seafood 
    • Sin Kee Famous Chicken Rice
    นอกจากร้านเหล่านี้เเล้ว ที่สิงคโปร์ยังมีร้านอร่อยมากมายที่เราคิดว่าคู่ควร! เเละนี่คือ 10 ร้านสตรีทฟู้ดในสิงคโปร์สุดยอดที่ควรอยู่ในรายการ  Street Food ของ Netflix~

    – Savoury   – 

    1.ร้านก๋วยเตี๋ยวลักซาชื่อดัง Famous Sungei Road Trishaw Laksa

    Famous Sungei Road Trishaw Laksa
    ร้าน Mee siam และร้าน Laksa เป็นร้านอาหารเช้าที่เป็นที่รู้จัก แต่ทุกจานไม่ได้รังสรรค์ขึ้นเหมือน ๆ กัน จากแผงขายของเขาในย่านไชน่าทาวน์ในศูนย์อาหาร Hong Lim อันวุ่นวาย เจ้าของร้าน Sungei Road Trishaw Laksa ที่มีชื่อเสียงนามว่าคุณเดเนี่ยล ซู พบกับคิวยาวเหยียดเป็นประจำ แต่เส้นทางก็ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบเสมอไป
    ธุรกิจไม่ค่อยดีนักตอนที่เค้าเปิดร้านครั้งแรกเมื่อ 17 ปีที่แล้ว ซู จึงทำงานอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยเพื่อรับคำติชมจากลูกค้าในเรื่องอาหารของเค้า ไม่มีสักเมนูที่ล้าสมัยไปแล้วสำหรับอาหารของร้านเค้า ทุกเมนูคิดขึ้นมาโดยตัวเขาเองคนเดียวเป็นเวลาหลายปีในช่วงทดลองตลาด
    Asia Delight Laksa ของ ซู ไม่เหมือนกับเมนูก๋วยเตี๋ยวลักซาทั่ว ๆ ไปเพราะมีน้ำเกรวี่กะทินั้นมีความเข้มข้นอย่างมาก และรสชาติกลมกล่อมอันโดดเด่นที่ได้มาจากอาหารทะเลอบแห้ง
    คุณไม่สามารถหาอะไรมาเปรียบเทียบกับเมนู Fruit Juice Crayfish ของ Mee Siam ได้ วัตถุดิบลับเฉพาะอย่างน้ำผลไม้สดถูกนำมาใช้ในการปรุงอาหารแทนที่จะใช้เครื่องแกงอัสสัมแบบปกติทำให้มีความซับซ้อนของความเปรี้ยวในน้ำเกรวี่ที่ทั้งชูรสชาติและทำให้จานนั้น ๆ รสชาติพอดี
    ให้มื้อนี้เป็นมื้อที่พิเศษขึ้นไปอีก ด้วย ส่วนลดสุดพิเศษจาก Klook!
    Famous Sungei Road Trishaw Laksa
    ที่ตั้ง: #02-66, Hong Lim Food Centre, 531A Upper Cross St, Singapore 051531
    เวลาทำการ: เปิดวันจันทร์ – เสาร์ 11.30-16.30 น. ปิดวันอาทิตย์

    2. Ji Ji Wanton Noodle Specialist

    Photo Credit: @tomodachichingoo on Instagram

    ศูนย์อาหาร Hong Lim รวบรวมร้านที่คนในพื้นที่ชื่นชอบมากมาย และร้าน Ji Ji Wanton Noodle Specialist ก็มีคนต่อคิวยาวเป็นหางงูประจำในช่วงเวลาอาหารกลางวัน เจ้าของร้านในวัย 68 ปี มาดาม Lai Yau Kiew อยู่ในธุรกิจนี้มากว่า 4 ทศวรรษ ซึ่งรับช่วงต่อมาจากบิดามารดาที่ก่อตั้งร้านขึ้นในปี ค.ศ. 1965
    สิ่งที่ทำให้ร้าน Ji Ji’s wanton Mee โดดเด่น คือ บะหมี่ของทางร้านที่หนาและเป็นเกลียวมากกว่าบะหมี่ จากร้านทั่ว ๆ ไป บวกกับซอสโฮมเมดที่มีสีเข้มซึ่งเป็นซิคเนอเจอร์ของทางร้านที่ทุก ๆ คำเต็มไปด้วยรสชาติที่เข้มข้นและยอดเยี่ยม นอกจากสั่งเกี๊ยวหมูแดงตามปกติแล้ว คุณยังสามารถสั่งเกี๊ยวกุ้งกรอบ ๆ มาทานคู่กับบะหมี่ของคุณได้อีกด้วย ซึ่งตัวบะหมี่ทำสดใหม่ทุกด้วย และอัดแน่นด้วยเนื้อหมูและเนื้อกุ้งเต็มเปี่ยม

    Photo Credit: @derikpoh on Instagram

    หลังจากที่สามีของคุณ Lai จากไปในปี ค.ศ. 1997 ลูกสาวของเธอชื่อ Jill และ Kristen ก็เข้ามาช่วยดูแลกิจการ โดยที่พวกเธอเป็นลูกมือให้พ่อแม่ตั้งแต่ยังเด็ก สองพี่น้องจึงค่อย ๆ รับช่วงต่อจากแม่ของพวกเธอผู้ที่สุขภาพของเธอย่ำแย่ลงจากการทำงานหนักหลายชั่วโมงติดต่อกัน
    หนึ่งวันของพวกเขาเริ่มต้นตั้งแต่ตีสามยาวไปจนถึงหนึ่งทุ่ม Jill และ Kristin ผ่านบททดสอบมานักต่อนัก ตั้งแต่การโดนน้ำร้อนลวกอย่างรุนแรงไปจนถึงอาการปวดหัวอย่างหนักจากงานสุดทรหด แต่อย่างไรก็ตามสามทหารเสือหญิงนี้ก็ยังคงเสียสละตนเองเพื่อร้านนี้ต่อไป ซึ่งขับเคลื่อนด้วยความตั้งใจอย่างแรงกล้าที่จะสืบสานตำนานของครอบครัวตราบเท่าที่พวกเขาจะสามารถทำได้
    Ji Ji Wanton Noodle Specialist
    ที่ตั้ง: Level 2 #02-49, Hong Lim Food Centre, 531A Upper Cross St, Singapore 051531
    เวลาทำการ: เปิดทุกวัน เวลา 6.30 – 20.30 น.

    3. Ma Li Ya Virgin Chicken

    Photo Credit: @aliciaatsh on Instagram

    เมื่อพูดถึงไก่นึ่งซีอิ๊ว หลาย ๆ คนก็จะนึกถึง Hawker Chan ร้านที่ได้มิชลินสตาร์ซึ่งตั้งอยู่ในศูนย์อาหารไชน่าทาวน์  แต่ยังมีร้านขายไก่นึ่งซีอิ๊วอีกร้านอยู่ในศูนย์อาหารเดียวกันที่อร่อยพอ ๆ กัน หรืออร่อยมากกว่าซะด้วยซ้ำ
    ร้าน Ma Li Ya Virgin Chicken นำโดยมาดาม Maria Siew มีลูกค้าประจำของร้านอยู่แล้วโดยที่ลูกค้าประจำของเธอกล่าวว่าอาหารของเธอรสชาติดีกว่าร้านดังร้านอื่น ๆ ซะอีก
    ไก่นึ่งซีอิ๊วของร้าน Ma Li Ya จับคู่กับข้าวที่หุงและปรุงรสมาอย่างดีแทนที่จะเป็นข้าวหรือบะหมี่ธรรมดา ๆ ซึ่งมีความคล้ายกับเมนูข้าวหน้าไก่สไตล์ไหหลำ เมนูไก่นึ่งซีอิ๊ว ที่เป็นเมนูซิกเนเจอร์ของทางร้านนุ่มละมีรสชาติที่เข้มข้น ด้วยสัมผัสของไวน์กุหลาบตัดกับความหวานและรสชาติต่าง ๆ ในตัวซอส แม้แต่เนื้อส่วนอกยังคงความนุ่มและชุ่มฉ่ำไว้ได้ดีมาก
    เพื่อไม่ให้สับสนกับเต้าหู้ที่เคี่ยวออกมาข้นและสัมผัสแน่นกว่าที่ปกติซึ่งหาทานได้จากร้าน kway chap เมนูเต้าหู้ซุปเคี่ยวที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้าน Ma Li Ya เป็นจานที่หาทานได้ยาก ซึ่งคุณไม่สามารถหาที่ไหนได้ เคี่ยวในน้ำซุปเดียวกับไก่ ทุก ๆ คำของเต้าหู้ที่ทำอย่างปราณีตนุ่มและครีมมี่สุดๆ
    ร้านเปิด 4 วันต่อสัปดาห์ ดังนั้นเช็คให้ดีว่าคุณไปถูกวัน เพิ่มร้าน Ma Li Ya Virgin Chicken ไว้ในรายการอาการของคุณสำหรับช่วงปลายเดือนพฤษภาคมได้เลย และรอเวลาที่ศูนย์อาหารไชน่าทาวน์เปิดให้บริการอีกครั้งหนึ่ง! ในขณะเดียวกัน ลองดูร้านต่างๆในศูนย์อาหารไชน่าทาวน์ที่อยู่บนถนน Smithที่อาจจะโดนใจคุณ พร้อมส่วนลดสุดพิเศษมากมายจาก Klook 
    Ma Li Ya Virgin Chicken
    ที่ตั้ง: #02-189 Chinatown Food Centre Chinatown, Smith Street
    เวลาทำการ: เปิดวันพุธ-วันพฤหัสบดี และวันเสาร์-วันอาทิตย์ เวลา 7.00-16.00 น. ปิดวันอังคารและวันศุกร์ 

    4. Simon Road Oyster Omelette

    Photo Credit: @aliciaatsh on Instagram

    ร้าน Simon Road Oyster Omelette เป็นหนึ่งในร้านที่ได้รับรางวัลในย่าน Kovan ซึ่งโด่งดังที่สุดบนเกาะสิงคโปร์ในเมนู Orh Luak หรือที่รู้จักในชื่อออส่วนนั่นเอง
    สิ่งที่ทำให้เมนูออส่วนของที่นี่แตกต่างเพราะว่าความกรอบ กลิ่นจากกระทะ ความหวานฉ่ำของหอยนางรม อีกขั้นของรสชาติและกลิ่นของอาหารที่มาจากน้ำมันหมูในขั้นตอนการผัด รวมถึงการชิมทุกจานอย่างดีของเชฟ

    Photo Credit: @shootandspoon on Instagram

    เจ้าของดั้งเดิมของร้านนี้คือนาย Lim Seng Hong ผู้ที่เป็นที่รู้จักในนาม Lao Hero หรือ Old Hero ในหมู่ลูกค้าประจำ เขาได้ฝีกสอนลูกชายคนเล็กของเขาเพื่อที่จะสืบสานตำนานของเขา จนกระทั่งเรื่องเศร้ามาสู่ครอบครัวซึ่งก็คือการจากไปของลูกชายคนเล็กคนเขา
    2-3 ปีถัดมาในปี 2017 Lao Hero ก็จากไปเช่นกัน ทิ้งตำนานของครอบครัวไว้ในมือของลูกชายคนโตของเขา Bao Ping จากการช่วยทำงานอย่างจริงใจที่ร้านของพ่อและน้องชายของเขาเป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ Bao Ping ผู้สุขุม อาศัยครูลักพักจำทักษะการทำอาหารของพ่อเขาด้วยการสังเกตุอย่างละเอียด แม้ว่าเขาจะไม่มีโอกาสทำงานที่หน้าเตามากนัก
    ในปัจจุบันเขาสานต่อตำนานอันยาวนานของพ่อเค้าได้สำเร็จ และลูกค้าประจำก็ยังกลับมาทานออนส่วนของเขาอยู่ ซึ่งคุ้มค่าสำหรับการเดินทางไปทาน ณ ยัง Kovan
    Simon Road Oyster Omelette
    ที่ตั้ง: Blk 212 Hougang Street 21, Singapore 530212
    เวลาทำการ: วันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา15.00-23.00 น. ปิดวันจันทร์

    5. Original Simon Road Hokkien Mee

    Photo Credit: @thesilverchef on Instagram

    ด้วยประสบการณ์กว่า 5 ทศวรรษ ร้าน Original Simon Road Hokkien Mee เป็นที่ชื่นชอบของหลายๆคนมานาน มีนักท่องเที่ยวมากมายที่เดินทางมาเพื่อชิมหมี่ฮกเกี้ยนที่รังสรรค์อย่างดี ณ ตอนนี้เจ้าของร้านคือคุณ You Ri และพ่อของเขาที่จะส่งต่อกิจการให้ลูกชายของเขาเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม
    หมี่ฮกเกี้ยนแต่ละจานทำขึ้นตามออเดอร์เท่านั้น ซึ่งหมายความว่า องค์ประกอบของกลิ่นกระทะจะซ่อนอยู่ในทุกคำที่ทานเข้าไป ผสมผสานกับพริกที่คั่วเองทำให้เมนูนี้มีมิติที่แตกต่างออกไป ให้ความเผ็ดร้อนที่พอดีตัดกับรสชาติกลมกล่อมของบะหมี่
    ทักษะการทำหมี่ฮกเกี้ยนอันล้ำค่านี้ถูกถ่ายทอดให้พ่อของ You Ri หลายปีที่แล้วโดยพ่อของเขาเองผู้ซึ่งได้รับการสอนโดยคนที่ชำนาญในการทำหมี่ฮกเกี้ยนเมื่อนานมาแล้ว ในตอนนี้ทักษะนี้ก็ได้ถูกส่งต่อไปยัง You Ri และตลอดระยะเวลา 18ปี ที่ผ่านมาเขาได้เรียนรู้หน้าที่นี้จากพ่อของเขาและพยายามที่จะบรรลุมาตราฐานเช่นเดียวกัน
    ร้านย้ายจากจุดเดิมไปยังที่ตั้งในปัจจุบันซึ่งอยู่ใกล้ MRT Kovan เมื่อ 2-3 ปีที่ผ่านมา อย่าลืมเช็คว่าคุณไม่พลาดที่จะไปเยือนร้านแห่งนี้เมื่อคุณไปยังระแวกนั้น!
    Original Simon Road Hokkien Mee
    ที่ตั้ง: 210 Hougang Street 21, Singapore 530210
    เวลาทำการ: เปิดวันจันทร์-วันอาทิตย์ เวลา 10.30-22.00น. ปิดวันจันทร์และวันอังคาร

    6. Kedai Makan Muhajirin

    Photo Credit: @nickblitzz on Instagram

    หนึ่งในองค์ประกอบพื้นฐานของสตรีทฟู้ดคือราคาสบายกระเป๋า ร้าน Kedai Makan Muhajirim ยังคงความมีชื่อเสียงไว้อย่างดีด้วยแถวยาวเหยียดเลยออกไปนอกร้าน คุณสามารถทานข้าวหุงกะทิ ไข่เจียวหรือ ปลาทอดกรอบ ๆ ด้วยราคาเพียง 1 ดอลลาร์ รวมไปถึงปลาตัวเล็กทอดกรอบ ถั่วลิสง และน้ำพริกซัมบัลที่เป็นเอกลักษณ์
    ร้านเกือบจะปิดตัวลงในเดือนธันวาคมในปีที่แล้ว เนื่องจากสัญญาเช่าร้านหมดอายุบวกกับ Zahlia ที่เดิมทีตั้งใจจะเกษียณอายุหลังจากนั้น แต่เสียงเรียกร้องจากลูกค้าและการผลักดันจากสามีของเธอทำให้ Zahlia หยุดความคิดที่จะเกษียณอายุไว้ก่อน และเปิดร้านอีกครั้งหนึ่งอยู่หนึ่งบล็อกถัดไปจากร้านเดิมของเธอ
    ข่าวดียิ่งกว่านั้นก็คือตำนานของร้านนี้จะอยู่ต่อไปนานขึ้นแม้ว่าความตั้งใจแรกเริ่มของ Zahlia จะยังอยู่ เพราะลูกสะใภ้ของ Zahlia Nana Azlina รอที่จะสานต่อกิจการนี้เมื่อเธอเกษียณอายุแล้ว
    อีกหนึ่งอย่างก็คือมันยากมากที่คุณจะเจออาหารในราคาที่ถูกอย่างนี้ได้ในปัจจุบัน
    Kedai Makan Muhajirin
    ที่ตั้ง: Block 20 Toa Payoh Lorong 7, Singapore 310020
    เวลาทำการ: เปิดทุกวัน เวลา 4.30 – 13.30 น.

    – Sweet   – 

    7. Ji Xiang Ang Ku Kueh

    Photo Credit: @singaporeliciouz on Instagram

    ในปัจจุบันความนิยมของขนมอังกู๊ ได้ฟื้นตัวในช่วงไม่กี่ปีมานี้และเป็นสัญลักษณ์ของความทรงจำในวัยเด็ก เนื่องด้วยความสนใจในการฟื้นฟูอาหารพื้นเมือง ขนมขบเคี้ยวรูปเต่าที่โดดเด่นนี้กลายมาเป็นเกือบทุกสิ่งตั้งแต่ตุ๊กตาไปจนถึงกระเป๋า
    จากทุกที่ทั้งหมดที่ขายขนมอังกู๊ในสิงคโปร์ มีเพียงไม่กี่ที่ที่ทำได้ดีกว่าร้าน JI Xiang Ang Ku Kueh สาขา Everton Park แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 1988 ซึ่งเริ่มมาก่อนสามปีโดยเป็นกิจกรรมยามว่างในบริเวณห้องนั่งเล่นของคุณ Tohผู้ก่อตั้งร้าน Ji Xiang Ang Ku Kueh กับสามีของเธอชื่อว่าคุณ Toh Poh Seek ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ธุรกิจครอบครัวนี้ก็เจริญรุ่งเรืองขึ้นด้วยบรรดาเหล่าผู้คนมากมายที่เข้ามาในร้านเพื่อซื้อขนมอังกู๊ร้อนๆ  
    รสชาติดั้งเดิมจะมีเพียงขนมอังกู๊ที่ทำมาจากถั่วลิสงและถั่วเขียว แต่ Ji Xiang มีลูกค้ามากขึ้นเรื่อยๆจนมีเพิ่มมากถึง 5 รสชาติซึ่งก็คือ รสข้าวโพด ทุเรียน แยม มะพร้าวและถั่วคั่ว แม้ว่าจะมีรสชาติเพิ่มขึ้นคนรุ่นหลังที่ดูรับช่วงต่อของร้าน Ji Xiang ยึดมั่นที่จะคงทุกอย่างให้เป็นแบบดั้งเดิม ตั้งแต่การทำชั้นด้านนอกไปจนถึงการขึ้นตัวขนมอังกู๊ด้วยมือ
    มุ่งหน้าไปยัง Everton Park เพื่อมรดกที่สามารถรับประทานได้นี้ ขนมอังกู๊ของร้าน Ji Xiang ทำสดใหม่ทุกเช้า และส่วนมากจะขายหมดในช่วงบ่าย ดังนั้นถ้าเป็นไปได้ควรจะรีบมาแน่หัววัน!
    Ji Xiang Ang Ku Kueh
    ที่ตั้ง: 1 Everton Park, Singapore 081001
    เวลาทำการ: วันจันทร์-วันเสาร์ เวลา 8.30-17.00 น. ปิดวันอาทิตย์ 

    8. Tan’s Tu Tu Coconut Cake

    Photo Credit: @tanstutu on Instagram

    อีกหนึ่งสัญลักษณ์เมื่อนึกถึงอดีตก็คือ ขนมตูตูกูเอห์ที่เป็นที่ชื่นชอบจากเนื้อด้านนอกที่ละลายในปากและไส้อันกรุบกรอบ ในปัจจุบันนี้มีไม่กี่ร้านที่ขายเจ้าขนมตูตูเอห์แต่ร้าน Tan’s Tu Tu Coconut Cake ที่นำโดยคุณ Tan Bee Hua เป็นหนึ่งร้านที่ควรจะไปลองถ้าคุณอยากลองชิมขนมในความทรงจำนี้ 
    มีน้อยคนเท่านั้นที่รู้ว่าขนมตูตูเอห์เป็นขนมของสิงคโปร์โดยแท้ ที่เริ่มโดยชาวจีนชื่อ Song Gao ซึ่งเป็นขนมอบรสหวานขนาดใหญ่ที่ทำมาจากแป้งข้าวเจ้าและน้ำตาล ในตอนที่พ่อของคุณTan อพยพเข้ามาอยู่ในสิงคโปร์ในช่วงปี 1930 เขาปรับขนมนี้ทำให้มันเป็นขนาดพอดีคำ นึ่งบนใบตอง และสอดไส้ขนมด้วยถั่วกรอบ ๆ หรือมะพร้าวขูดที่ผสมกับน้ำตาลปี๊บ
    รถเข็นขายขนมนี้ที่มีอยู่รอบ ๆ เกาะสิงคโปร์ตั้งแต่ย่านไชน่าทาวน์ไปจนถึงย่านพังโกล อยู่ภายใต้การดูแลของน้องชายของคุณ Tanในช่วงปี 1970 เขาปรับโฉมธุรกิจใหม่ในชื่อ Tan’s Tu Tu Coconut Cake และมีหน้าร้านอยู่ที่ศูนย์อาหาร Havelock Road Cooked

    Photo Credit: @joliehwee on Instagram

    ตั้งแต่เขารับช่วงต่อเมื่อ 15ปีที่แล้ว คุณ Tan ก็ไปทำธุรกิจครอบครัวชื่อร้าน Havelock Road and Clementi กับน้องสะใภ้ของเธอ ทุกอย่างตั้งแต่ถั่วลิสงโขลกไปจนถึงการร่อนแป้งข้าวหอมมะลิทำขึ้นด้วยมือ ด้วยทักษะอันยอดเยี่ยมในการขึ้นรูปร่างของ Tan และนึ่งเจ้าเค้กชิ้นเล็กนี้อย่างไม่หยุดไม่หย่อนในช่วงเวลาที่เป็นที่นิยม ขนมตูตูเอห์ถั่วและมะพร้าวยังเป็นสินค้าหลักแม้ว่า คุณ Tan จะเปิดตัวไส้ที่หลากหลายอย่างช็อกโกแลตในสองสามปีที่ผ่านมาซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่เด็ก ๆ
    แม้ว่าความนิยมอันยาวนานของร้านจะคงอยู่แต่กิตติศัพท์ของผู้ประสบความสำเร็จเบื้องหลังยังไม่เป็นที่เลืองลือ แต่ขนมตูตูเอห์ของคุณ Tan เป็นไปได้ดีในงานเทศกาลและงานแสดงทางมรดก ดังนั้นหวังว่าจะมีวิธีทางที่จะคงไว้ ซึ่งขนมชนิดนี้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ลองชิม
    Tan’s Tu Tu Coconut Cake
    ที่ตั้ง: 22B Havelock Rd, Singapore 162022
    เวลทำการ: เปิดวันจันทร์-วันพุธ และ วันศุกร์-วันศุกร์ เวลา 12.00-15.00 น. ปิดวันพฤหัสบดีและวันอาทิตย์

    9. Tiong Bahru Galicier Pastry Bakery

    Photo Credit: @aliciaatsh on Instagram

    ใครที่เป็นแฟนพันธุ์แท้ของขนม Nonya Kueh ควรจะไปเยือน Tiong Bahru Galicier Pastry Bakery สักครั้งหนึ่ง หรือหลาย ๆ ครั้งเลยยิ่งดี ร้านเบเกอรี่แบบโบราณนี้คงไว้ซึ่งรสชาติละมุน หลาย ๆ คนทั้งคนในพื้นที่ไปจนถึงลูกค้าที่เดินทางมาเพื่อนเจ้าขนม Ngonya kueh และขนมเค้กต่าง ๆ
    เจ้าของเป็นคู่สามีภรรยาชื่อคุณ Tan Young Siang และ คุณ Jenny Soh Galicier ตั้งขึ้นในช่วงปี 1980และตั้งอยู่บนถนน Tiong Bahru มาเป็นเวลาเกือบ 2 ทศวรรษ Tan และ Soh เจอกันในจังหวะที่เหมาะเจาะที่ร้านขนมหลายปีที่แล้ว พ่อของ Soh เป็นเจ้าของโรงงานผลิตขนม Western ที่คุณ Tan เคยทำงานอยู่ 
    ในปีที่ผ่านมา พวกเขาเพิ่มทุกประเภทของ Ngonya kuehโดยยึดสูตรจากคุณยายของ Tan พร้อมกับขนมอบสไตล์ตกวันตกที่รวมทุกอย่างเข้ามาในคำเดียว

    Photo Credit: @cweizhi on Instagram

    คุณไม่สามารถเดินออกจากร้านได้หากยังไม่ได้ซื้อขนม Putu Ayu กลับบ้านสักหนึ่งกล่อง สปันจ์เค้กรสใบเตยที่โปะหน้าด้วยมะพร้าวมีต้นกำเนิดจากประเทศอินโดนีเซีย และหาทานได้ยากในสิงคโปร์ ซึ่ง Soh ได้ใส่วัตถุดิบลับเฉพาะของเธอลงไปโดยเพิ่มน้ำตาลปี๊บด้านบนตัวขนม เจ้าเค้กชิ้นเล็กนี้มีรสชาติดีเหมือนหน้าตาของมันเลยล่ะ มีความฟูพร้อมด้วยกลิ่นใบเตยหอม ๆ เพิ่มรสชาติให้เข้มข้นขึ้นด้วยมะพร้าวขูดคั่ว ขนม Kueh Dardar เป็นอีกหนึ่งจุดเด่น เครปใบเตยที่มีไส้มะพร้าวอ่อนอัดแน่นอยู่เต็มที่ รสชาติหวาน ๆ เค็ม ๆ ทำให้ทุก ๆ คำมีแต่ความอร่อย 
    สำหรับร้านอื่น ๆ ที่จะพาคุณย้อนเวลากลับไปเป็นเด็ก ลองดูไกด์แนะนำในย่าน Tion Bahruของเราเพื่อการออกไปค้นหาในยามบ่ายของคุณ!
    Tiong Bahru Galicier Pastry Bakery
    ที่ตั้ง: #01-39, 55 Tiong Bahru Road, Singapore 160055
    เวลาทำการ: เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 09.00-21.00 น. ปิดวันจันทร์

    10. Teck Seng Soya Bean Milk

    Photo Credit: @vanessa_kou on Instagram

    เท่าที่ศูนย์อาหารที่มีอาหารเช้าควรจะมี ไม่มีอะไรดีไปกว่าขนมสักถ้วยมาตบท้ายมื้ออาหารของคุณ
    ที่ศูนย์อาหาร Tiong Bahru Food มีร้านหนึ่งที่คุณจะสามารถสัมผัสรสชาติพุดดิ้งน้ำเต้าหู้แบบดั้งเดิมได้ สังเกตุได้ง่าย ๆจากร้านที่มีคิวยาวเหยียด เมนู Teck Seng Soya Bean Milk มีเนื้อพุดดิ้งที่นุ่มละมุนที่สุดบนเกาะสิงคโปร์แห่งนี้ เจ้าของร้านคือนาย Loh Teck Seng ซึ่งจะทำ พุดดิ้งนี้สดใหม่ที่ร้านเสมอ เขาจะอยู่ที่ร้านเพื่อเตรียมทำพุดดิ้งน้ำเต้าหู้ด้วยตัวเองตอนกลางคืนเพื่อให้ทุกอย่างพร้อมสำหรับการขายในตอนเช้า 
    ทำพุดดิ้งน้ำเต้าหู้ด้วยมือเป็นศิลปะอย่างหนึ่งที่ต้องอาศัยประสบการณ์และทักษะที่สั่งสมมาหลายปีเพื่อให้ทุกขั้นตอนสมบูรณ์แบบ ทุกขั้นต้องจะต้องรังสรรค์อย่างแม่นยำ ตั้งแต่การต้มน้ำถั่วเหลืองไปจนถึงการทำให้ตัวพุดดิ้งเซทตัว ความเชี่ยวชาญนาย Loh แสดงให้เห็นในพุดดิ้งน้ำเต้าหู้ของเขา ทุก ๆ คำนุ่มลิ้นอย่างเหลือเชื่อและไม่มีความเป็นเม็ดหยาบ ๆเลยแม้แแต่นิดเดียว พร้อมกับระดับความหวานที่พอเหมาะจากน้ำเชื่อม
    ควรค่าแก่การต่อคิวไหม? เราจะบอกว่าควรค่าอย่างมาก เช็คให้แน่ใจว่าคุณไปถึงร้าน Tiong Bahru แต่เนิ่น ๆ ก่อนที่ขนมจะขายหมด! ถ้าคุณกำลังมองหาที่จิบชาหลังจากไปตะลุยย่านต่าง ๆ มา ลองไปร้านใกล้ ๆ Tiong Bahru Bakery สำหรับกาแฟสักแก้ว รวมถึงไปชิมขนมอบและของหวานต่าง ๆ ที่ร้าน
    Teck Seng Soya Bean Milk
    ที่ตั้ง: #02-69, Tiong Bahru Market, 30 Seng Poh Rd, Singapore 168898
    เวลาทำการ: เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 5.00 -13.00 น. ปิดวันจันทร์ 
    อย่าลืมดาวน์โหลดแอพฯ Klook และใส่โค้ด KLOOKSG เพื่อรับส่วนลด 15%
    อย่าลืมดาวน์โหลดแอพฯ Klook และใส่โค้ด KLOOKSG15 เพื่อรับส่วนลด 15% สูงสุด 500 บาท เมื่อทำการจองกิจกรรมในประเทศสิงคโปร์ผ่านทางแอพฯ Klook เท่านั้น
    และห้ามพลาดติดตามโปรโมชั่นดี ๆ ดีลเด็ด ๆ จาก Klook ได้ทางเว็บไซต์และช่องทางโซเชียลมีเดียของเรา
    จะไปเที่ยวสิงคโปร์เร็ว ๆ นี้ ? อย่าลืม! อ่านบทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจของสิงคโปร์กันนะ